จ้าวโจ๋วเยว่นอนอยู่กับพื้น เห็นคนขับแท็กซี่ที่มีสีหน้าดุร้ายเหมือนปีศาจ จ้าวโจ๋วเยว่ตอนนี้ไม่มีสีหน้าที่อวดเก่งและข่มขู่เหมือนตอนเรียกรถ
เขามองไปที่คนขับแท็กซี่และข้อร้องด้วยความโศกเศร้าว่า: “พี่ครับ ผมพึ่งหมดตัวมา ผมไม่เหลืออะไรแล้ว แถมยังติดหนี้ก้อนโตด้วย และยังถูกซ้อมจนเป็นสภาพอย่างที่เห็น ผมไม่มีเงินจ่ายค่ารถจริงๆ ผมข้อร้องนะครับปล่อยผมไปเถอะครับ!”
คนขับแท็กซี่พูดด้วยความโกรธว่า: “คุณติดหนี้ก้อนใหญ่หรือ กูก็ติดหนี้ก้อนใหญ่เหมือนกัน ถ้ากูมีเงินกูจะมาขับแท็กซี่ทำไม? มึงคิดว่าสี่สิบหน้าหยวนนี้หากันง่ายหรือ? สี่สิบหน้าหยวนนี้กูต้องใช้กินข้าวสองวันนะ!รีบเอาเงินออกมาจ่ายซะ!”
จ้าวโจ๋วเยว่ปล่อยโฮร้องไห้หนักออกมา: “พี่ครับ ผมไม่มีเงินจริงๆ ที่สำคัญบนตัวผมก็ไม่มีสิ่งของมีค่าอะไรเลย ผมข้อร้องนะ พี่สงสารผมเถอะครับ!”
คนขับแท็กซี่ตะโกนอย่างเยือกเย็นออกมา: “คุณอย่าใช้วิธีกับผม ไม่งั้นผมจะโทรแจ้งตำรวจนะ!”
จ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินประโยคนี้แล้ว รีบดิ้นและคลานขึ้นมา แล้วไปคุกเข่าโน้มศีรษะต่อหน้าเขาและพูดว่า: “พี่ครับ ผมไม่มีเงินจริงๆ ถึงคุณจะฆ่าผม ผมก็ไม่มีเงินจ่าย ผมข้อร้องนะ ผมข้อน้องเถอะ ผมคุกเข่าโน้มศีรษะให้คุณได้มั้ย? คุณก็ถือว่าผมเป็นลูกคนหนึ่งของคุณ ปีใหม่มาคุกเข่าโน้มศีรษะคารวะคุณ คุณก็ควรให้อั่งเปาผมไม่ใช่หรือ?”
คนขับแท็กซี่ไม่เคยพบคนที่หน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน เขาโกรธจนตัวสั่น: “คุณ……คุณคนนี้ทำไมหน้าด้านได้ถึงขนาดนี้? คุณไม่มีพ่อแม่หรือ? ถ้าพ่อแม่คุณรู้ว่าคุณคุกเข่าโน้มศีรษะให้คนอื่นเพื่อเงินสี่สิบห้าหยวนและเพื่อเป็นลูกของคนอื่น พ่อแม่จะมีความรู้สึกอย่างไร?”
จ้าวโจ๋วเยว่เกือบจะร้องไห้ออกมา: “พี่ครับ ความจริงแล้วผมเป็นเด็กกำพร้า ผมไม่มีพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมเติบโตที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิง ผมทำงานมาหลายปี มีเงินเก็บแสนสองหมื่น แต่ผมถูกเพื่อนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลอกเงินไป ไอ้สัตย์นั้นไม่เพียงหลอกเงินผมไปแสนสองหมื่น และยังหลอกให้ผมกู้เงินดอกเบี้ยโหดจากแอพต่างเป็นเงินห้าแสนอีกด้วย ตอนนี้ผมเดินมาถึงจุดจบของชีวิตแล้ว……”
คนขับแท็กซี่ดูแล้วเหมือนเขาไม่ได้โกหก ในใจรู้สึกตะลึงไม่น้อย: “เขาตั้งใจทำงานเก็บเงินได้ขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงมีคนที่โชคร้ายแบบนี้ด้วย?”
นึกถึงตอนนี้ เขาเลยไม่กล้าที่จะบังคับให้เขาจ่ายค่ารถเลย
ดังนั้นคนขับคนได้ถอนหายใจและพูดกับจ้าวโจ๋วเยว่ว่า: “ชีวิตคุณน่าสงสารขนาดนี้ สูญเสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ก็ถือว่าผมให้คุณนั่งฟรี ถือว่าผมโชคร้ายก็ก้นแล้ว!”
จ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินแบบนี้แล้ว รีบคุกเข่าโน้มศีรษะสามครั้งทันที และพูดด้วยความขอบคุณว่า: “ท่านเป็นคนใจดีมาก เป็นพ่อแม่คนที่สองของผมเลยนะ!”
เขาเงยหน้าไปมองคนขับแท็กซี่และวิงวอน: “ท่านดูท่านก็ให้ผมนั่งรถฟรีแล้ว มีเงินสักห้าสิบหยวนให้ผมยืมมั้ยครับ ถือว่าเลี้ยงข้าวผมสักมื้อครับ!”
คนขับแท็กซี่โมโหมาก ใช้ตีนถีบเขาออกไปและด่าว่า: “สงสารคนต้องมีจุดที่น่ารังเกียจ คำพูดที่หน้าไม่อายนี่ยังพูดออกมาได้ แม่มึงกูยอมมึงจริงๆ!”
พูดจบคนขับได้เดินกลับไปที่รถ และสตาร์ทรถขับออกไป
จ้าวโจ๋วเยว่ดิ้นรนและคลานขึ้นมาจากพื้น และปัดขี้ดินบนตัวเขาออกไป คิดในใจว่า: “ถึงขั้นตอนจะล้มลุกคลุกคลานหน่อย แต่ก็ประหยัดค่ารถได้สี่สิบห้าหยวน”
เอาเปรียบคนขับรถไม่จ่ายค่ารถสี่สิบห้าหยวนแล้ว ถึงทำให้อารมณ์ของจ้าวโจ๋วเยว่ดีขึ้นมานิดหนึ่ง
จ้าวโจ๋วเยว่เดินกะโผลกกะเผลกไปที่บ้านของแฟนสาว ในใจเขาคิดว่าเมื่อเจอแฟน สิ่งแรกที่จะทำก็คือพุ่งเข้าไปกอดเธอและร้องไห้ออกมา
แฟนสาวเขาอาศัยอยู่ในกระท่อมโกโรโกโส เป็นกระท่อมที่สร้างขึ้นเอง และดูเก่าหน่อย
แต่ในสายตาของจ้าวโจ๋วเยว่ นี่เป็นเหมือนเหมืองทอง เพราะตอนนี้ทางรัฐบาลกำลังควบคุมเขตกระท่อมโกโรโกโสอยู่ด้วย เขาจะบังคับทำการรื้อถอน ถ้ารื้อถอนแล้วก็ชดเชยด้วยบ้าน บ้านหนึ่งแถวที่ดีและที่มีห้องนอนสามห้องนอนและห้องโถงสองห้อง
ดังนั้นเขาถึงอยากจะแต่งงานกับแฟนคนนี้เร็วๆ ถ้าเป็นแบบนี้ ตัวเขาเองก็สามารถที่จะแต่งงานเข้าไปเป็นลูกเขยแต่งเข้า เมื่อหลังจากที่รื้อถอนแล้วเขาจะได้มีส่วนแบ่งผลประโยชน์บ้าง