เดิมที ต่งรั่งหลินยังรู้สึกเพียงแค่ ข้ออ้างของเย่เฉินสามารถพอคล้องจองกับอดีตไปได้ แต่มักจะมีบางจุดที่ทำให้เธอรู้สึกว่ายังมีความไม่ปกติอยู่บ้าง
แต่ว่า คำพูดเย้ยหยันตัวเองนี้ของเย่เฉิน ได้กวาดทิ้งความสงสัยเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในใจของต่งรั่งหลินออกไป
เธอคิดถึงตอนที่เข้าเรียนแรกๆ เย่เฉินอยู่ในมหาวิทยาลัย ถูกคนดูถูกต่างๆนาๆ แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ถิ่นกำเนิดยากจนแบบเดียวกัน ต่างก็ยังสามารถกำเริบเสิบสานรังแกเขาได้
แต่เขา กลับไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับใครมาก่อน ยิ่งไม่โต้เถียง ทะเลาะวิวาทกับใคร ดูเหมือนทุกเรื่องล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขา
ด้วยนิสัยเช่นนี้ของเย่เฉิน ไม่มีทางนำเรื่องที่เขารู้จักกับกู้ชิวอี๋พูดออกมาได้จริงๆ
อีกทั้ง ต่อให้เขาพูดออกมา ก็ไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน
คิดถึงตรงนี้ เธอกลับมีความรู้สึกนับถือเย่เฉินขึ้นมาเล็กน้อยแทนเสียด้วยซ้ำ
รู้จักตระกูลกู้ จับคู่เป็นพี่ชายน้องสาวกับคุณหนูตระกูลกู้ กลับไม่เคยนำเรื่องนี้บอกกับใคร ยอมถูกคนอื่นดูถูก ก็ไม่เคยคิดใช้ประโยชน์กับความสัมพันธ์นี้ จุดนี้หาได้ยากมากจริงๆ
แต่ว่า เธอยังคงแอบมีความกังวลอยู่เล็กน้อย
เพราะว่าเมื่อสักครู่นี้ เธอเห็นเย่เฉินและกู้ชิวอี๋ทีท่าสนิทสนมกัน ดังนั้น มักจะรู้สึกว่าระหว่างสอนคนนี้ ดูเหมือนไม่ค่อยปกติสักเท่าไร
ดังนั้นเธอก็เลยเอ่ยถามเย่เฉินอย่างลองหยั่งเชิงว่า “เย่เฉิน ชูหรันรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับคุณกู้หรือเปล่า?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย เอ่ยถามย้อนกลับว่า “คุณรู้จักยากระเพาะเก้าเสวียนไหม?”
“รู้จักสิคะ” ต่งรั่งหลินพยักหน้า เอ่ย “นี่ไม่ใช่ยากระเพาะที่มีสรรพคุณมหัศจรรย์มากที่ดังสุดๆในช่วงก่อนหน้านี้หรอคะ? อ๋อใช่แล้ว ดูเหมือนก็เป็นคุณกู้ที่เป็นตัวแทนสินค้าด้วย!”
เย่เฉินถามเธออีก “งั้นคุณรู้หรือเปล่าว่าโรงงานผลิตยากระเพาะเก้าเสวียน บริษัทผลิตยาเก้าเสวียน ก็คืออุตสาหกรรมของจินหลิง?”
ต่งรั่งหลินพยักหน้าต่อ “อือ ฉันรู้ค่ะ”
เย่เฉินหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ช่วงก่อนหน้านี้ตอนที่ชิวอี๋ไปถ่ายโฆษณาที่จินหลิง ยังเคยทานข้าวด้วยกันกับชูหรัน เพียงแต่เพราะว่าชิวอี๋คือบุคคลสาธารณะ ดังนั้นไม่ได้บอกคุณเรื่องนี้”
“แบบนี้นี่เอง…” ต่งรั่งหลินเข้าใจขึ้นมาในทันที เอ่ยถามเย่เฉินว่า “ตอนนั้นชูหรันก็รู้แล้วว่าพวกคุณสองคนรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว?”
เย่เฉินส่ายศีรษะ “ที่จริงแล้วในตอนนั้นไม่ได้บอกความจริงกับชูหรัน เพราะว่าตอนนั้นชิวอี๋คือไปทำงาน ผมก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของผมกับชิวอี๋ เพื่อที่จะไม่ให้ยาจกอย่างผมถ่วงความเจริญของชิวอี๋ ดังนั้นในตอนนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับชูหรันรวมไปถึงคนอื่นๆออกมา ที่จริงแล้ววันนี้หากไม่ใช่บังเอิญถูกคุณพบเข้าพอดี ผมก็ไม่มีทางบอกคุณ”
ต่งรั่งหลินพยักหน้าเบาๆ ได้ยินเย่เฉินชอบเอาคำเรียกยาจกมาเย้ยหยันตัวเอง ในใจของเธอก็รู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็เลยเอ่ยว่า “เย่เฉิน คุณก็อย่าดูถูกตัวเองจนเกินไปแบบนี้ตลอดเวลาได้แล้ว ที่จริงแล้วคุณคนนี้สุดยอดมากนะ ฉันคิดว่าน้อยมากที่จะมีคนเทียบกับคุณได้!”
คำที่ต่งรั่งหลินพูดเหล่านี้ ล้วนออกมาจากใจ
เธอคิดว่าเย่เฉินไม่ธรรมดาเป็นอย่างมากจริงๆ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่พละกำลังเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน ในตอนแรกที่นักเลงสองหัวไม้เจิ้นหนานอยู่ต่อหน้าเขา แทบจะไม่มีความสามารถในการโจมตีกลับใดๆเลยแม้แต่น้อย
ดูจากกำลังการต่อสู้ที่น่ากลัวแบบนี้ของเย่เฉิน คนที่สบประมาทเขาในอดีตที่ผ่านมา ที่จริงแล้วไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาเลย เพียงแต่เย่เฉินไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับคนเหล่านั้นก็เท่านั้น
กู้ชิวอี๋ที่อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด เธอรู้ว่าคำพูดหนึ่งประโยคที่ไม่ได้เจตนาเมื่อครู่นี้ของตนเอง เกือบก่อเรื่องให้กับเย่เฉิน โชคดีสมองของเย่เฉินตอบสนองไว ไม่เช่นนั้นอธิบายเรื่องนี้ยากมากจริงๆ