อู๋ตงไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไม่มีอะไรที่เข้าใจผิด ฉันก็แค่เสียความเชื่อมั่นต่อพวกคุณทั้งครอบครัวไปหมดแล้ว ดังนั้นก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกคุณจะสามารถช่วยฉันทำอะไรได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่รีบถอนการลงทุนยังจะรออะไรอยู่?”
นายหญิงใหญ่เซียวอ้อนวอนด้วยความสงสารในทันที: “ประธานอู๋! ใช่เรื่องที่ลูกชายและหลานชายของฉันทำในวันนี้หรือเปล่า ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยพอใจ? ถ้าทำได้ไม่ดีพอ คุณแค่บอกมา ครั้งหน้าฉันจะให้พวกเขาแก้ไขให้ดีขึ้น คุณได้โปรดให้โอกาสตระกูลพวกเราอีกสักครั้งเถอะ!”
อู๋ตงไห่พูดอย่างหงุดหงิดว่า: “ฉันให้โอกาสพวกคุณแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือพวกคุณไม่ได้เรื่อง! ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องวิ่งมาขอร้องฉันอีกแล้ว”
ในใจของนายหญิงใหญ่เซียวหมดหวังอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ จู่ๆก็นึกถึงเรื่องของคฤหาสน์ ก็รีบถามว่า: “ประธานอู๋ เรื่องคฤหาสน์ ตอนนั้นพวกเราได้ทำข้อตกลงกันไว้แล้ว คุณตกลงที่จะให้พวกเรายืมอยู่อาศัยสิบปีก่อน เรื่องนี้คุณเปลี่ยนใจไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้นพวกเราทั้งครอบครัวก็จะต้องนอนข้างถนน”
อู๋ตงไห่แสยะยิ้ม: “คฤหาสน์แน่นอนว่าสามารถยืมให้พวกคุณอยู่อาศัยได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ว่า คุณต้องพูดกับลูกชายของคุณให้ชัดเจน ถ้าหากเขากล้าที่หย่ากับเฉียนหงเย่น งั้นฉันก็จะขับไล่พวกคุณทั้งครอบครัวออกไปทันที!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโกรธเคือง: “ประธานอู๋ ตอนนี้คุณก็ไม่ต้องใช้พวกเราจัดการกับเย่เฉินแล้ว ทำไมยังต้องให้ลูกชายของฉัน อยู่กับเฉียนหงเย่นผู้หญิงสกปรกคนนั้นต่อไปด้วย? คุณก็รู้ สิ่งที่ผู้ชายเกลียดมากที่สุดคือถูกผู้หญิงของตัวเองสวมเขาให้ ตราบใดที่เฉียนหงเย่นยังอยู่ ลูกชายของฉันก็ไม่มีวันผ่านอุปสรรคนี้ไปได้…”
อู๋ตงไห่พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “ลูกชายของคุณจะผ่านอุปสรรคนี้ได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันปกป้องเฉียนหงเย่นอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่ยินยอม สามารถที่จะย้ายออกจากTomson Rivieraได้ในทันที เก็บคฤหาสน์ไว้ให้เฉียนหงเย่นอยู่”
เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยินแบบนี้ ก็ตระหนักในทันทีว่า ตัวเองไม่สามารถที่จะพูดอะไรมากนักอีกแล้ว ถ้าหากยังคงพูดกับอู๋ตงไห่ต่อไป อาจจะไม่สามารถรักษาสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ได้ด้วยซ้ำ
นายหญิงใหญ่เซียวเคยสัมผัสกับประสบการณ์การนอนข้างถนน ดังนั้นเธอไม่อยากมีชีวิตที่ลำบากแบบนั้นอีกแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะแอบพูดในใจว่า: “ตราบใดที่สามารถรักษาสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์Tomson Rivieraได้ แม้ว่าบนหัวของลูกชายจะมีเขาอยู่ตลอด ฉันก็สามารถยอมรับได้ ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่เหลืออยู่ ไม่อยากทนลำบากแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว!”
ดังนั้น เธอทำได้เพียงกัดฟันรับปาก และพูดว่า: “ประธานอู๋ คุณสบายใจได้! ฉันจะให้เฉียนหงเย่นอยู่ในตระกูลเซียวอย่างแน่นอน!”
อู๋ตงไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ถือว่าคุณมีความเข้าใจ! จากนี้ไปก็ไม่ต้องโทรศัพท์มารบกวนฉันแล้ว”
นายหญิงใหญ่เซียวรีบถามว่า: “ประธานอู๋ คุณอย่าเพิ่งรีบวางสาย ฉันยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอความช่วยเหลือจากคุณ…”
“คุณพูดมา”
นายหญิงใหญ่เซียวรีบพูดว่า: “ลูกชายและหลายชายของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ตอนนี้ไม่มีเงินรักษา รบกวนคุณยืมเงินให้พวกเราไม่กี่แสนช่วยยามฉุกเฉินได้มั้ย?”
“ให้คุณยืมไม่กี่แสนเหรอ?”อู๋ตงไห่พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “คุณอย่าลืมว่า บริษัทเซียวซื่อของพวกคุณยังเป็นหนี้ฉันหลายสิบล้าน ในเวลาแบบนี้ยังหน้าด้านมาขอยืมเงินกับฉัน นี่หน้าของคุณด้านมากแค่ไหนกันแน่?”
นายหญิงใหญ่เซียวร้องไห้และพูดว่า: “แต่ลูกชายและหลานชายของฉันก็ล่าช้าไม่ได้แล้วนะ…”
อู๋ตงไห่พูดว่า: “ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว เฝือกก็เข้าแล้ว คุณสามารถรับเขากลับไปค่อยๆรักษาที่บ้านได้แล้ว”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จ้างพยาบาลพิเศษอะไรพวกนี้ยังต้องใช้จ่ายเงินไม่น้อย…”
อู๋ตงไห่ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “เรื่องนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ค่ารักษาพยาบาลของพวกเขา ฉันจะบอกกับทางโรงพยาบาลว่า พวกคุณไม่ต้องจ่ายแล้ว พวกคุณสามารถพาพวกเขาสองพ่อลูกกลับไปได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ฉันได้จัดเตรียมผู้ช่วยให้คุณสามคนแล้ว คุณรอเดี๋ยว ถึงเวลาทั้งสามคนนี้จะช่วยคุณเป็นอย่างดี”
ในขณะนั้นนายหญิงใหญ่เซียวสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์อันริบหรี่ในตัวของอู๋ตงไห่ และคิดในใจว่า: “ไม่ว่ายังไง ประธานอู๋เขายังเก็บคฤหาสน์ให้พวกเราอยู่อาศัย ยังจัดเตรียมผู้ช่วยสามมาให้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ครั้งนี้บางทีอาจจะโกรธจริงๆ ดังนั้นถึงได้ตัดสินใจถอนการลงทุน บางทีเดี๋ยวอารมณ์ดีขึ้นมา ไม่แน่ก็จะลงทุนกับตระกูลเซียวใหม่!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นายหญิงใหญ่เซียวรีบพูดด้วยความซาบซึ้งว่า: “งั้นก็ขอบคุณมากจริงๆ!”