“ดูเหมือนว่าจากนี้ไป ฉันจะต้องอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด! พยายามอย่าให้เขามีโอกาสกลับไปที่ตระกูลเย่!”
…
ในตอนนี้
เย่นจิง ตระกูลซู
ซูจือหยูนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ เปิดดูข้อมูลที่รวบรวมมาจากทั่วประเทศ
ตั้งแต่ที่กลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าซูจือหยูจะลืมตาหรือว่าหลับตา ในหัวก็เป็นเย่เฉินทั้งหมด
เธอเพราะเย่เฉิน กินนอนไม่ได้ทั้งวัน
แต่ทว่า เธอไม่ได้บอกกับใคร ในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ แม้แต่พี่ชายของตัวเองและแม่ของตัวเอง
เดิมทีเธอคิดว่า ใช้อำนาจของตัวเอง ก็จะสามารถตามหาตัวบุคคลปริศนาที่ช่วยตัวเองเจอได้ ต่อจากนั้นขอบคุณเขาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เธอพยายามอยู่หลายวัน ก็ไม่พบเบาะแสอันมีค่าใดๆ
ต่อจากนั้น ปู่ซูเฉิงเฟิงเพื่อที่จะเสริมความแข็งแกร่งที่หายไปของตระกูลซูอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ค้นหายอดฝีมือชุดใหม่
ซูจือหยูก็ได้แนะนำบุคคลปริศนาให้คุณปู่ในทันที ใช้คำพูดตอนนั้นของเธอพูด ถ้าหากตระกูลซูสามารถที่จะตามหาบุคคลปริศนาคนนี้ได้ คนคนนี้สามารถที่จะต่อสู้หนึ่งคนต่อศัตรูหนึ่งร้อยคนได้ สามารถทำให้พลังโจมตีของตระกูลซูเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ!
ซูเฉิงเฟิงก็ย่อมมีความสุขมาเป็นธรรมดา ตามเจตนารมณ์ของซูจือหยูในทันที ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็ต้องตามหาบุคคลปริศนาคนนั้นออกมาให้ได้
แต่ทว่า ไม่มีทางที่จะหาข้อมูลของบุคคลปริศนาของคนนั้นได้ด้วยซ้ำ
ผู้ให้ข้อมูลของตระกูลซูได้สอบถามจากแหล่งต่างๆภายในประเทศและประเทศญี่ปุ่น ไม่มีใครเคยได้ยิน มียอดฝีมือที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ที่ไหนกัน
ยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ อยู่ในแวดวงนักศิลปะการต่อสู้ มีบัญชีรายชื่อมากมาย
โดยพื้นฐานมีการไหว้ครูบาอาจารย์มีที่มามียอดฝีมือชั้นนำที่เป็นที่รู้จักดี แทบจะไม่มีใครในแวดวงรู้เลย
แต่เย่เฉิน กลับไม่ใช่คนในศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่เป็นที่รู้จักในหมู่คนศิลปะการต่อสู้เลย
ด้วยเหตุนี้ นักศิลปะการต่อสู้จึงยากขึ้นที่จะทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบัน ตรงกันกับความแข็งแกร่งที่ซูจือหยูอธิบายไว้ แทบไม่มี
ยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ของภายในประเทศ แม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่ได้อ่อนแอกว่านินจาญี่ปุ่น ถึงขนาดมีบางคนความแข็งแกร่งยังเหนือกว่านินจาญี่ปุ่น แต่ไม่มีคนไหน ที่สามารถพอที่จะเผชิญหน้ากับนินจาหลายคนได้พอดีจริงๆ และสามารถทำได้ถึงขั้นกวาดล้างศัตรูทั้งหมดโดยที่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บ
ซูจือหยูตามหาอย่างยากลำบากไม่มีผล จึงต้องการค้นหาบันทึกการเข้าและออกของช่วงเวลาล่าสุด จากศุลกากรประเทศญี่ปุ่น ต่อจากนั้นทำการเลือกตามสัญชาติ และโดยประมาณกลุ่มอายุ
แต่ทว่า หลังจากที่คนของตระกูลซูได้ทำการทำลายล้างครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของประเทศญี่ปุ่นก็เหมือนกับตื่นตัว จึงได้ทำการควบคุมต่อศุลกากรอย่างเข้มงวดมากขึ้น
เมื่อก่อนตระกูลซูเคยสามารถเอาบันทึกการเข้าและออกของทั้งญี่ปุ่นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้ ใช้ความคิดทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะได้ข้อมูลเพียงเล็กน้อยมาได้
ซูจือหยูก็สงสัยว่า ยอดฝีมือปริศนาคนนั้น จะเป็นเชื้อสายจีนที่มาตั้งรกรากในญี่ปุ่นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น เกรงว่าข้อมูลการเข้าและออกก็หาตัวเขาไม่พบ
แต่ทว่า ซูจือหยูก็ไม่ได้อยากที่จะเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย(ใช้เปรียบเปรยถึง คนที่ไม่คิดที่จะลงแรงหรือพยายามทำงาน แต่กลับหวังที่จะได้ผลงานที่ดี) ดังนั้น ตรรกะความคิดละเอียดลอออย่างเธอ ตัดสินใจลงมือเริ่มต้นกับคนในประเทศก่อนดีกว่า
ขณะค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับบุคคลปริศนาภายในประเทศไปด้วย ก็ยังพยายามทุกวิถีทางที่จะเจาะทะลุชั้นการควบคุมดูแลของประเทศญี่ปุ่นไปด้วยและพยายามที่จะเอาบันทึกการเข้าและออกของญี่ปุ่นให้ได้โดยเร็ววัน แม้แต่บันทึกการตรวจคนเข้าเมือง
แต่ทว่า การปิดกั้นข้อมูลของประญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างเข้มงวด และจะยากที่จะเจาะทะลุไปได้ในทันที
ตอนที่เธอไม่รู้จะทำยังไง เพื่อนหญิงที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในประเทศญี่ปุ่นโทรหาเธอ พูดกับเธอว่า: “จือหยู ข้อมูลการเข้าออกและบันทึกการตรวจคนเข้าเมืองจากประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ฉันยังเอามาไม่ได้ แต่ว่าฉันกลับหาวิธีทางลับอย่างหนึ่งให้กับเธอได้ วิธีนี้จะเป็นไปได้หรือเปล่า ก็ดูว่าเธอมีความอดทนหรือเปล่า!”
ซูจือหยูอ้าปากพูดว่า: “เธอรีบพูดมาว่าวิธีอะไรกันแน่ ฉันมีความอดทนอยู่! ต่อให้งมเข็มในสมุทร ฉันก็จะตามหาเขาให้เจอ!”
อีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คือแบบนี้ แม้ว่ากระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของประเทศญี่ปุ่นจะปิดกั้นบันทึกของศุลกากร แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นการเฝ้าระวังกล้องวงจรปิดที่สนามบิน กล้องวงจรปิดทั้งหมดในสนามบิน นอกเหนือจากที่ส่งต่อไปยังศุลกากรแล้ว ตัวเองก็สำรองเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ฉันสามารถที่จะก๊อบปี้ไว้ให้เธอชุดหนึ่งได้ ถ้าหากเธอมีความอดที่หาจากภาพบันทึกกล้องวงจรปิดนับไม่ถ้วนทีละเล็กทีละน้อย บางทีอาจจะสามารถหาเบาะแสร่องรอยของผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเธอได้!”