บทที่ 2098
หงหารีบเอามือทั้งสองประสานคารวะ: “อาจารย์เย่ คุณมีอะไรสั่งการเหรอ?”
เย่เฉินพูดรอยยิ้ม: “อาคนนี้ของฉันยังต้องการอยู่ที่เมืองจินหลิงอีกหลาย ช่วงนี้ยังต้องรบกวนนายให้ดูแลเธออย่างเคร่งครัดต่อไป ทุก
อย่างเหมือนก่อนหน้านี้”
หงห้ารีบถามว่า: “อาจารย์เ คุณพูดมาว่ากี่วัน…กี่วันกันครับ?”
เย่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แบบนี้ ยังเป็นเจ็ดวัน เอาให้ครบหนึ่งอาทิตย์ คิดบัญชีได้ง่าย ถ้าเจ็ดวันนี้ยังไม่โอเค ก็แสดง
ว่าอาคนนี้ของฉันโกรธง่ายเกินไป งั้นพวกเราก็ต้องทำการรักษาเธอครั้งใหญ่”
หงห้าพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “โอเคครับอาจารย์เย่ ผมรู้แล้วครับ!”
สิ่งที่เย่เฉินคิดในใจในเวลานี้คือ: “คุณเย่ฉางหมิ่นคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเย่ ก็อยากจะเหมือนกับราชินีมารดรจุติลงมา
เกิด มาวางอำนาจบาตรใหญ่ที่เมืองจินหลิง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ให้ตายยังไงก็ไม่กลับใจ ในเมื่อคุณดื้อรั้นยิ่งนัก งั้นอย่าโทษที่ผมโหดร้าย วันนี้ผม
ก็ไม่เชื่อว่าจะเอาคุณไม่อยู่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน สีหน้าของเย่ฉางหมิ่นก็ซีดเซียวในทันที!
น้ำเสียงของเธออ่อนลงในทันที และอ้อนวอนด้วยความสะอึกสะอื้นว่า: “เย่เฉิน! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ! เก้าวันนี้มานี้ฉันโดนทรมานจนไม่
เหมือนคนแล้ว นายรู้มั้ยว่าก้วันนี้ฉันผ่านมาได้ยังไง? กินข้าวไม่มีน้ำก็แล้วไป ไม่มีโฟมล้างหน้า ไม่มีที่มาสก์หน้า ขนาดครีมบำรุงรอบดวงตาก็
ไม่มี….”
“สภาพผิวของฉันแย่มากจะตายอยู่แล้ว กลับไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม นายจะขังฉันอีกเจ็ดวัน งั้นผิว
ของก็จบเห่จริงๆแล้ว….
เย่เฉินเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “อาที่ดีของผม คุณยังไม่เข้าใจสินะว่า ทำไมผมต้องให้คุณอยู่ที่เมืองจินหลิงและ
อยู่ที่นี่ด้วย!”
“ผมให้คุณอยู่ที่นี่ คือต้องการให้คุณเก็บอารมณ์ของคุณเรียนรู้ที่จะเป็นคนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน คุณสามารถทำได้ ผมจะปล่อยคุณไป
คุณทำไม่ได้ ผมก็จะให้คุณอยู่จนกว่าคุณจะสามารถทำได้จนจบ!”
“สำหรับผิวของคุณจะดีหรือเสีย มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม?”
ในใจเย่ฉางหมิ่นความแค้นอย่างสุด แต่บนใบหน้ายังคงอ้อนวอนด้วยท่าทางที่น้อยใจว่า: “เฉินเอ๋อ ฉันเป็นอาของนายนะ พวกเราเป็น
ครอบครัวเดียวกัน นายทำได้แบบนี้ฉันได้ยังไง….
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “โธ่เย ตอนนี้คุณเริ่มคิดว่าผมเป็นคนในครอบครัวแล้วเหรอ? ตอนที่คุณวิ่งมาจากเย่นจิงมาโอหังอวดดีใส่ผม
ทำไมไม่คิดว่าผมเป็นคนในครอบครัว? ตอนที่คุณวิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์ตรงหน้าแม่ยายของผมอย่างเต็มที่ ทำไมไม่คิดว่าผมเป็นคนใน
ครอบครัว?”
เย่ฉางหมิ่นกระอักกระอ่วนอย่างสุดขีด และพูดสำบัดสำนวนว่า: “ฉัน….นก็หวังดีต่อนายไม่ใช่เหรอ….
เย่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า: “ที่แท้คุณทำแบบนั้น ล้วนแต่หวังดีต่อผมเหรอ!”
เย่ฉางหมิ่นประจบสอพลอว่า: “โธ่เอ๊ย แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันเป็นอาของนาย ฉันไม่หวังดีกับนาย จะหวังดีกับใคร?”
เย่เฉินปรบมือ และยิ้แล้วพูดว่า: “งั้นก็บังเอิญจริงๆ คุณอาครับ สิ่งเหล่านี้ที่ผมทำในตอนนี้ ก็หวังดีต่อคุณนะครับ! คุณอย่าได้ปฏิเสธ
ความกตัญญูกตัญญูที่ผมมีต่อคุณนะครับ!”
จากนั้น เขามองไปที่เย่ฉางหมั่นด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง
พูดต่อไปว่า: “ตอนนี้ผมจะให้คุณเลือกสองทาง!”
“ทางที่หนึ่ง คุณอยู่ที่นี่ต่ออีกเจ็ดวันอย่างว่าง่าย!”
“ในช่วงเวลาเจ็ดวันนี้ คุณห้ามด่าคนห้ามบ้าคลั่งห้ามตะโกนร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่ที่นี่!”
“ถ้าหากคุณทำตัวดีๆ หลังจากเจ็ดวัน ผมก็ย่อมให้คนปล่อยคุณไป!”
หลังจากฟังเย่ฉางหมิ่นฟังจบแล้ว รีบถามว่า: “ทางเลือกที่สองล่ะ?”
เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ทางเลือกที่สอง คืออยู่ที่นี่ต่ออีกหนึ่งเดือน! ในเวลาหนึ่งเดือนนี้ คุณอยากจะด่าคนก็ด่า คุณอยากจะบ้า
คลั่งก็บ้าคลั่ง คุณอยากจะตะโกนร้องก็ร้องได้ตามใจคุณ หลังจากหนึ่งเดือนผมจะดูว่าอารมณ์ดีหรือไม่ดี!”
“ถ้าผมอารมณ์ดี งั้นคุณก็สามารถกลับไปได้ในทันที”
“ถ้าหากผมอารมณ์ไม่ดี งั้นก็ขอโทษด้วย ผมอาจจะยังต้องให้คุณช่วงหนึ่งและต้อนรับให้ดีที่สุดในฐานะเจ้าบ้าน!”