“มันต้องบ้าแน่ ๆ ถึงกล้าตีอาจารย์หวู่แบบนี้”
“แก! รนหาที่เองแท้ ๆ กลุ่มคณะหวู่ได้แพร่กระจายข่าวแล้ว ผู้คนจำนวนมากกำลังวิ่งมาที่นี่ในขณะนี้”
“ถ้าจะโทษอะไรก็โทษชะตากรรมของความโชคร้ายเถอะ”
ฝูงชนกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น
ข้าง ๆ เหย่หลิงเฉินเป็นผู้กำกับหัวโล้นที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ หัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เธอมันบ้าดีเดือดโดยแท้!” ผู้อำนวยการหัวโล้นมองไปที่เหย่หลิงเฉิน “รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”
“ใครล่ะ”
“หวู่เฉิง ลูกชายคนเดียวของหวู่เฟิงจากตระกูลหวู่!” ผู้กำกับหัวโล้นกล่าวอย่างกังวลว่า “หวู่เฟิงเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาสำเร็จการฝึกอบรมในเส้าหลินเพียงระยะเวลาแค่ไม่กี่ปีในช่วงวัยรุ่นของเขา เขาเป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียงทั่วทั้ง Hengdian Studios”
“สตันท์แมนและนักแสดงทุกคนใน Hengdian Studios ต่างมาจากคณะของเขาทั้งนั้น คนที่ไม่ได้มาจากกลุ่มคณะหวู่จะถูกเลือกปฏิบัติ และในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ สามารถสร้างการผูกขาดได้ แม้แต่ผู้กำกับมือใหญ่ก็ต้องให้ความเคารพเขา เขามีอำนาจที่สูงมาก!”
“การแสดงทั้งหมดของพวกเขาเมื่อสักครู่นี้เล่นจริงเจ็บจริงทุกกอย่าง” เหย่หลิงเฉินกล่าว
“แล้วยังไงล่ะ? พวกคณะหวู่เคยแสดงไม่จริงกันซะเมื่อไหร่ล่ะ?” ผู้กำกับหัวโล้นส่ายหัว “สามวันที่ผ่านมานี้หวู่เฉิงโกรธมาก พวกตัวประกอบก็เกือบจะถูกทำร้ายจนตาย แต่สำหรับคนนอกพวกเขาถูกมองข้าม และคิดว่าเป็นอาการบาดเจ็บจากการถ่ายทำ เหตุการณ์พวกนี้ถูกลืมไปจนหมดแล้ว”
ในขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าอันน่าประทับใจดังใกล้เข้ามา ทุกคนตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย
พวกเขามองไปที่นั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ แขนของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโต
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือความสูงเกือบ 190 ซม. ร่างของเขาสูงใหญ่ราวกับภูเขา ทุกย่างก้าวของเขาทำให้เกิดความกดดันที่น่ากลัว
วลีที่ว่า “แข็งแกร่งราวกับภูผา” อาจอธิบายถึงคนประเภทนี้ได้
ในอดีตตอนถ่ายทำการแสดง หวู่เฟิงได้ยกก้อนหินที่มีน้ำหนักเกือบ 500 ปอนด์ด้วยพละกำลังของเขาเพียงคนเดียว ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของเขาก็เลื่องลือ!
ด้านหลังหวู่เฟิงมีผู้คนกว่า 20 คน พวกเขาทั้งหมดได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กันมาแล้ว
“พ่อ ไอ้เด็กนั่นอยู่ตรงนั้น! พ่อต้องฆ่ามัน ฆ่ามัน!!!!!!”
หวู่เฉิงจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธจนฟันแทบแตก “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกตาย!”
รอบตัวพวกเขามีเสียงการพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ มากมาย
“หวู่เฟิงมานี่ด้วยตัวเอง แบบนี้จบไม่สวยแน่!”
“นี่เขาไม่รู้หรือว่าหวู่เฉิงเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของหวู่เฟิง!?”
“ผู้ชายคนนั้นคงจะโชคดีมากทีเดียวถ้าเขายังมีชีวิตอยู่หลังจากนี้”
“หวู่เฟิงตั้งใจให้หวู่เฉิงได้ร่วมเล่นภาพยนตร์นี้ ตอนนี้ลูกชายสุดที่รักของเขาถูกทำร้าย เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่”
…
เหย่หลิงเฉินยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
“แกเป็นคนทำให้ลูกชายของฉันบาดเจ็บหรือเปล่า!” หวู่เฟิงเดินไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัว
“ใช่ ฉันเอง”
“หักแขนข้างหนึ่งของแกแล้วคลานมาขอโทษลูกชายฉันซะ!” หวู่เฟิงเรียกร้องอย่างไร้ความปรานี คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจ
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดข่มขู่ของหวู่เฟิง ฝูงชนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจพร้อมกับใจที่เต้นรัว
หักแขน? คลานไปขอโทษ?
นี่มันคนประเภทไหนกัน
หวู่เฟิงช่างเป็นพวกเผด็จการ กดขี่ข่มเหงเป็นที่สุด!
แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ไม่มีใครกล้าหือและเข้าไปช่วยเหย่หลิงเฉินเนื่องจากความหวาดกลัวที่มีต่อหวู่เฟิง
เหย่หลิงเฉินจับจ้องไปที่หวู่เฟิงอย่างสงบนิ่ง
“แล้วไง? คุณต้องการให้ฉันทำตัวเองแบบนั้นเหรอ”
หวู่เฟิงเรียกร้องอีกครั้ง คราวนี้ด้วยเสียงที่ดังขึ้นและส่งเสียงคำรามที่อึกทึกราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้าย
“ไอ้เด็กเ*ย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ใบหน้าแดงก่ำของหวู่เฉิงตะโกนขณะที่เขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน
เขาอยากเห็นเหย่หลิงเฉินคุกเข่าต่อหน้าเขาและคลานเข่าก้มหัวขณะขอการให้อภัย
“จะทำอะไรก็รีบ ๆ ซะ”
ในบรรยากาศที่เงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด จู่ ๆ เหย่หลิงเฉินก็ตะโกนขึ้นมา
“บ้าไปใหญ่แล้ว เขานี่มันบ้าดีเดือดโดยแท้!”
“โอ๊ยยย ฉันไม่อยากจะเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง! ว่าจะมีใครมากล้าต่อกรกับหวู่เฟิง!”
ทุกคนที่นั่นรู้สึกราวกับว่าจิตใจของพวกเขาว่างเปล่าราวกับว่ามีระเบิดลงบนหน้าอกของพวกเขาซึ่งทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
ตัวประกอบคนนี้กำลังจะไปอีกโลกนึงแล้วสินะ…
“หึหึ เป็นเกียรติจริง ๆ ที่แกให้ความสนใจกับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ”
ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้นหวู่เฟิงก็ยกแขนที่มีกล้ามเนื้อมัดโตขึ้น
หมัดที่เหมือนอิฐนั้นพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินอย่างเต็มแรง!
ด้วยร่างกายที่สร้างขึ้นเหมือนสัตว์ร้ายเขาใส่แรงอย่างเต็มเหนี่ยวและสวนไปยังเหย่หลิงเฉิน
เหย่หลิงเฉินหันหน้าไปทางหมัดเช่นเดียวกัน เขายกแขนขึ้นและง้างเข้าใส่มัน
“เด็กนั่นจะต้องกลัวมากแน่ ๆ ใครจะคิดว่าเขาจะต้องมาเผชิญหน้ากับหวู่เฟิงผู้ดุร้าย”
หมัดที่แตกต่างกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของทั้งสองปะทะเข้าหากัน ส่งผลให้เกิดเสียงที่ดังขึ้นราวกับว่าเป็นเสียงของกระดูกแตกร้าว…
เปรี๊ยะะ
เมื่อได้ยินเสียงกระดูกแตกหวู่เฟิงก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆ แกตายแน่! ฉันจะทำให้แกได้ลิ้มรสชาติแห่งความเจ็บปวด!”
เสียงกระดูกแตกเป็นเสียงที่หวู่เฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนน่ากลัว
แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะของเขาก็หยุดลง
ร่างกายของหวู่เฟิงสั่นสะท้าน เขาถอยหลังออกไปสามก้าว หลังจากนั้นร่างขนาดใหญ่ของเขาก็ล้มลงไปข้างหลังกระแทกอย่างแรงลงบนพื้น
แขนที่ถูกต่อยของเขาหล่นลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
นี่มัน…เป็นไปได้ยังไงกัน?!
ฉากที่เห็นนี้ทำให้ผู้ชมทุกคนต่างตกใจและพูดไม่ออก
หมัดเดียว.. เขาชนะแล้วเหรอ?!
เขาทำได้ยังไงกัน
ใบหน้าของหวู่เฟิงซีดลงเนื่องจากความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาแสยะขึ้นจนเกิดการแสดงออกที่น่าสยดสยอง…เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความสยดสยองจนแทบหัวใจวาย
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?
“จับมัน!” หวู่เฟิงกล่าวผ่านฟันที่กัดกันแน่นด้วยความโกรธ
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเขา คณะหวู่ที่มาอยู่ที่นี่ต่างมายืนรอบตัวเหย่หลิงเฉินทันทีโดยที่เขาอยู่ตรงกลาง
“เอาคนมาอีก เอาอาวุธมา!”
หวู่เฟิงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแวววาวราวกับหมาป่าจากตาของเขาจับจ้องไปที่เหย่หลิงเฉิน “แบบนี้แกยังจะสู้ได้อยู่อีกไหม? เตรียมตัวพิการได้เลย!”
เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้ว คลายไหล่ และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความสะใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ครับ พี่เฟยเฟย”
“เธออยู่ไหนเนี่ย เหล่สาวสวยอยู่เหรอ?”
เหย่หลิงเฉินลูบจมูกของเขา “พี่เฟยเฟย ฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“รอเดี๋ยว ฉันกำลังไป!”
“หึหึ แม้แต่พระเจ้าเองก็ไม่สามารถช่วยแกได้! ฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาและกล้ามาลองดีกับพวกฉัน!” ใบหน้าของหวู่เฟิงช่างน่าเกลียด “รออะไรอยู่ล่ะ? จับมัน!”
“จับมันไว้!!!”
ในขณะเดียวกันผู้กำกับหลี่และเสี่ยวเฟยเฟยก็เดินเข้ามาที่นั่น
“ผู้อำนวยการหลี่ พี่เฟยเฟย”
เฟยเฟย…พี่สาว???
ทุกคนมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความสับสน นี่เด็กคนนี้รู้จักกับซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าคนนี้ด้วยเหรอ
แล้วเขาจะมาเล่นเป็นตัวประกอบทำไมกัน
“เธอไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม” เสี่ยวเฟยเฟยถามด้วยความกังวล
“ผมโอเค” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า
เสี่ยวเฟยเฟยมองเหย่หลิงเฉินอย่างสงสัย “ผู้อำนวยการหลี่ขอให้เธอแสดงหนังให้เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ แต่ทำไมเธอถึงวิ่งมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อรับบทเป็นตัวประกอบกัน?”
“เรื่องมันยาวน่ะ” เหย่หลิงเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น
การแสดงออกของหวู่เฟิงดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหรี่ตาและมองไปที่หลี่ไท่ “หลี่ไท่ เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ แน่ใจหรือว่าอยากจะมาจุ้นจ้านด้วย?”
“ ฉันได้รับการร้องเรียนจำนวนมากว่าคนของคณะหวู่ทำร้ายร่างกายนักแสดงตัวประกอบ พวกคุณควรเบาลงหน่อย” ผู้อำนวยการหลี่ตอบ
“เราต่อสู้จริง ๆ เพื่อสร้างภาพยนตร์ให้ออกมาดี ถ้าเราดึงหมัดของเราเอาไว้ไม่เล่นจริง มันจะเรียกว่าหนังกังฟูได้อย่างไรกัน” หวู่เฟิงตะคอกอย่างเย็นชา “พวกตัวประกอบก็เป็นเพียงแค่ขยะที่ไม่สำคัญ ฉันเตะต่อยมันแล้วมันผิดตรงไหน? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เอง!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณด้วย” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าว
“ดูเหมือนว่าคุณยังจะยืนกรานที่จะปกป้องไอ้เด็กคนอยู่!” หวู่เฟิงมองไปที่เสี่ยวเฟยเฟย จากนั้นก็ไปที่หลี่ไท่ เขาเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “บอกเลยว่าเรื่องนี้มันไม่จบแค่นี้แน่!”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปทางด้านซ้าย
“พ่อ! ทำไมเราถึงกลับไปแบบนี้ล่ะ” หวู่เฉิงโพล่งออกมาอย่างไม่เต็มใจในขณะที่รีบเดินตามหวู่เฟิงไปอย่างรวดเร็ว
“คนหนึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์ อีกคนเป็นผู้กำกับมือฉมัง พวกมันสองคนกำลังปกป้องไอ้เด็กนั้น ฉันจะทำอะไรได้อีก!” หวู่เฟิงกล่าวออกมาด้วยการแสดงออกที่น่ากลัว
“แล้วที่ผมโดนมันทำร้ายล่ะพ่อ!” ใบหน้าของหวู่เฉิงบูดบึ้ง
“ไม่จบแค่นี้แน่นอน!”
ใบหน้าของหวู่เฟิงแสดงให้เห็นถึงความคิดที่มืดมน “คุณหลู่เขาชอบเสี่ยวเฟยเฟยไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่าไอเด็กนั่นจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเสี่ยวเฟยเฟย ถ้าคุณหลู่รู้เรื่องนี้ล่ะก็ ไอ้เด็กนั่นไม่รอดแน่!”
“ฮ่า ๆๆๆ พ่อ! ยอดเยี่ยมมาก!” หวู่เฉิงดีใจ “ผมจะติดต่อคุณหลู่ทันที!”
“พี่เฟยเฟย ผมขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก” เหย่หลิงเฉินขอโทษ
“เรื่องนี้เธอไม่ได้ผิดหรอก” เสี่ยวเฟยเฟยหัวเราะ “ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเก่งจนสามารถทำให้หวู่เฟิงแพ้ไม่เป็นท่าแบบนี้”
“ผมแค่เคยเรียนรู้การเคลื่อนไหวมาบ้าง” เหย่หลิงเฉินตอบ
หลังจากที่กลับมาที่กอง ทุกคนเก็บของและกลับไปหมดแล้วเหลือสตาฟอยู่แค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ไม่นาน หลี่ไท่ก็รีบเดินมาหาด้วยสีหน้าตระหนก
“ผู้อำนนวยการหลี่ เกิดอะไรขึ้น?!”
“พวกคณะหวู่ก่อปัญหาให้น่ะสิ!” หลี่ไท่ถอนหายใจ “เรากำลังถ่ายทำซีรีส์ Wuxia เราต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบท่าต่อสู้และนักแสดงศิลปะการต่อสู้มากมาย แล้วคนพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคณะหวู่”
“เมื่อกี้หวู่เฟิงเพิ่งประกาศว่าคณะหวู่จะไม่ส่งคนไปสนับสนุน Legend of the Heroine!”
“นั่นมันเกินไปแล้ว!” หลินตอบรับความอยุติธรรม “แต่ฉันเห็นต่าง ฉันคิดว่าเราสามารถถ่ายทำต่อไปได้ถ้าไม่มีพวกคณะหวู่ Hengdian Studios เป็นสถานที่ใหญ่โตและกว้างขวาง ฉันแน่ใจว่าเราสามารถหาผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ได้แน่”
“มันยากนะ!” คิ้วของหลี่ไท่ขมวดเข้าหากันแน่น “เราได้เริ่มถ่ายทำซีรีส์ทีวีเรื่องนี้ไปแล้ว เราจะไปหาผู้เชี่ยวชาญจากในด้วยเวลากระชั้นชิดแบบนี้”
“ฉันพอจะรู้จักผู้กำกับอยู่บ้าง ฉันจะลองถามพวกเขาดูว่าฉันสามารถขอความช่วยเหลือเรื่องคนจากพวกเขาได้หรือไม่” เสี่ยวเฟยเฟยแนะนำ
หลี่ไท่ส่ายหัวพร้อมตอบว่า “คนที่ทำงานอยู่ภายใต้ผู้กำกบัคนอื่น ๆ ก็เป็นพวกคณะหวู่นี่แหละ! พรรคพวกมันเยอะ!”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลาย ๆ คนจะต้องพึ่งกำลังคนของเขา แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ก็ยังต้องได้รับการสนับสนุนจากคนของเขาเช่นกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหวู่เฟิงถึงทำตัวกร่างแบบนี้ได้โดยไม่ต้องสงสัย
“ ถ้าเป็นการแสดงการต่อสู้ ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยได้บ้าง” เหย่หลิงเฉินซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างกล่าว
“เธอ?”
หลี่ไท่มองไปที่เหย่หลิงเฉิน “น้งอชาย ฉันรู้ว่าเธอน่ะสู้ได้ แต่การต่อสู้กับศิลปะการป้องกันตัวเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมาก การต่อสู้ป้องกันตัวต้องใช้การเคลื่อนไหวและเทคนิคที่ยาก นอกจากนี้ยังต้องมีการเคลื่อนไหวที่แปลกใหม่”
“ผมเคยเรียนรู้การเคลื่อนไหวมาบ้างครั้งสองครั้ง ทำไมคุณไม่ลองดูก่อนล่ะ”
จากนั้นเหย่หลิงเฉินก็เดินไปที่สนาม
เขาเหยียดยืดร่างกายของเขาจากนั้นก็เริ่มทำท่าทาง
อืมมมมม?
ฝูงชงที่เหลืออยู่ต่างจ้องมองไปที่ร่างกายของเหย่หลิงเฉิน….