I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! – ตอนที่ 24

ตอนที่ 24

“มันต้องบ้าแน่ ๆ ถึงกล้าตีอาจารย์หวู่แบบนี้”

“แก! รนหาที่เองแท้ ๆ กลุ่มคณะหวู่ได้แพร่กระจายข่าวแล้ว ผู้คนจำนวนมากกำลังวิ่งมาที่นี่ในขณะนี้”

“ถ้าจะโทษอะไรก็โทษชะตากรรมของความโชคร้ายเถอะ”

ฝูงชนกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น

ข้าง ๆ เหย่หลิงเฉินเป็นผู้กำกับหัวโล้นที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ หัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

“เธอมันบ้าดีเดือดโดยแท้!” ผู้อำนวยการหัวโล้นมองไปที่เหย่หลิงเฉิน “รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”

“ใครล่ะ”

“หวู่เฉิง ลูกชายคนเดียวของหวู่เฟิงจากตระกูลหวู่!” ผู้กำกับหัวโล้นกล่าวอย่างกังวลว่า “หวู่เฟิงเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาสำเร็จการฝึกอบรมในเส้าหลินเพียงระยะเวลาแค่ไม่กี่ปีในช่วงวัยรุ่นของเขา เขาเป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียงทั่วทั้ง Hengdian Studios”

“สตันท์แมนและนักแสดงทุกคนใน Hengdian Studios ต่างมาจากคณะของเขาทั้งนั้น คนที่ไม่ได้มาจากกลุ่มคณะหวู่จะถูกเลือกปฏิบัติ และในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ สามารถสร้างการผูกขาดได้ แม้แต่ผู้กำกับมือใหญ่ก็ต้องให้ความเคารพเขา เขามีอำนาจที่สูงมาก!”

“การแสดงทั้งหมดของพวกเขาเมื่อสักครู่นี้เล่นจริงเจ็บจริงทุกกอย่าง” เหย่หลิงเฉินกล่าว

“แล้วยังไงล่ะ? พวกคณะหวู่เคยแสดงไม่จริงกันซะเมื่อไหร่ล่ะ?” ผู้กำกับหัวโล้นส่ายหัว “สามวันที่ผ่านมานี้หวู่เฉิงโกรธมาก พวกตัวประกอบก็เกือบจะถูกทำร้ายจนตาย แต่สำหรับคนนอกพวกเขาถูกมองข้าม และคิดว่าเป็นอาการบาดเจ็บจากการถ่ายทำ เหตุการณ์พวกนี้ถูกลืมไปจนหมดแล้ว”

ในขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าอันน่าประทับใจดังใกล้เข้ามา ทุกคนตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย

พวกเขามองไปที่นั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน

ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ แขนของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโต

แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือความสูงเกือบ 190 ซม. ร่างของเขาสูงใหญ่ราวกับภูเขา ทุกย่างก้าวของเขาทำให้เกิดความกดดันที่น่ากลัว

วลีที่ว่า “แข็งแกร่งราวกับภูผา” อาจอธิบายถึงคนประเภทนี้ได้

ในอดีตตอนถ่ายทำการแสดง หวู่เฟิงได้ยกก้อนหินที่มีน้ำหนักเกือบ 500 ปอนด์ด้วยพละกำลังของเขาเพียงคนเดียว ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของเขาก็เลื่องลือ!

ด้านหลังหวู่เฟิงมีผู้คนกว่า 20 คน พวกเขาทั้งหมดได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กันมาแล้ว

“พ่อ ไอ้เด็กนั่นอยู่ตรงนั้น! พ่อต้องฆ่ามัน ฆ่ามัน!!!!!!”

หวู่เฉิงจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธจนฟันแทบแตก “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกตาย!”

รอบตัวพวกเขามีเสียงการพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ มากมาย

“หวู่เฟิงมานี่ด้วยตัวเอง แบบนี้จบไม่สวยแน่!”

“นี่เขาไม่รู้หรือว่าหวู่เฉิงเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของหวู่เฟิง!?”

“ผู้ชายคนนั้นคงจะโชคดีมากทีเดียวถ้าเขายังมีชีวิตอยู่หลังจากนี้”

“หวู่เฟิงตั้งใจให้หวู่เฉิงได้ร่วมเล่นภาพยนตร์นี้ ตอนนี้ลูกชายสุดที่รักของเขาถูกทำร้าย เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่”

เหย่หลิงเฉินยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลง

“แกเป็นคนทำให้ลูกชายของฉันบาดเจ็บหรือเปล่า!” หวู่เฟิงเดินไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัว

“ใช่ ฉันเอง”

“หักแขนข้างหนึ่งของแกแล้วคลานมาขอโทษลูกชายฉันซะ!” หวู่เฟิงเรียกร้องอย่างไร้ความปรานี คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจ

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดข่มขู่ของหวู่เฟิง ฝูงชนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจพร้อมกับใจที่เต้นรัว

หักแขน? คลานไปขอโทษ?

นี่มันคนประเภทไหนกัน

หวู่เฟิงช่างเป็นพวกเผด็จการ กดขี่ข่มเหงเป็นที่สุด!

แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ไม่มีใครกล้าหือและเข้าไปช่วยเหย่หลิงเฉินเนื่องจากความหวาดกลัวที่มีต่อหวู่เฟิง

เหย่หลิงเฉินจับจ้องไปที่หวู่เฟิงอย่างสงบนิ่ง

“แล้วไง? คุณต้องการให้ฉันทำตัวเองแบบนั้นเหรอ”

หวู่เฟิงเรียกร้องอีกครั้ง คราวนี้ด้วยเสียงที่ดังขึ้นและส่งเสียงคำรามที่อึกทึกราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ร้าย

“ไอ้เด็กเ*ย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ใบหน้าแดงก่ำของหวู่เฉิงตะโกนขณะที่เขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน

เขาอยากเห็นเหย่หลิงเฉินคุกเข่าต่อหน้าเขาและคลานเข่าก้มหัวขณะขอการให้อภัย

“จะทำอะไรก็รีบ ๆ ซะ”

ในบรรยากาศที่เงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด จู่ ๆ เหย่หลิงเฉินก็ตะโกนขึ้นมา

“บ้าไปใหญ่แล้ว เขานี่มันบ้าดีเดือดโดยแท้!”

“โอ๊ยยย ฉันไม่อยากจะเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง! ว่าจะมีใครมากล้าต่อกรกับหวู่เฟิง!”

ทุกคนที่นั่นรู้สึกราวกับว่าจิตใจของพวกเขาว่างเปล่าราวกับว่ามีระเบิดลงบนหน้าอกของพวกเขาซึ่งทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก

ตัวประกอบคนนี้กำลังจะไปอีกโลกนึงแล้วสินะ…

“หึหึ เป็นเกียรติจริง ๆ ที่แกให้ความสนใจกับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ”

ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้นหวู่เฟิงก็ยกแขนที่มีกล้ามเนื้อมัดโตขึ้น

หมัดที่เหมือนอิฐนั้นพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเหย่หลิงเฉินอย่างเต็มแรง!

ด้วยร่างกายที่สร้างขึ้นเหมือนสัตว์ร้ายเขาใส่แรงอย่างเต็มเหนี่ยวและสวนไปยังเหย่หลิงเฉิน

เหย่หลิงเฉินหันหน้าไปทางหมัดเช่นเดียวกัน เขายกแขนขึ้นและง้างเข้าใส่มัน

“เด็กนั่นจะต้องกลัวมากแน่ ๆ ใครจะคิดว่าเขาจะต้องมาเผชิญหน้ากับหวู่เฟิงผู้ดุร้าย”

หมัดที่แตกต่างกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของทั้งสองปะทะเข้าหากัน ส่งผลให้เกิดเสียงที่ดังขึ้นราวกับว่าเป็นเสียงของกระดูกแตกร้าว…

เปรี๊ยะะ

เมื่อได้ยินเสียงกระดูกแตกหวู่เฟิงก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆ แกตายแน่! ฉันจะทำให้แกได้ลิ้มรสชาติแห่งความเจ็บปวด!”

เสียงกระดูกแตกเป็นเสียงที่หวู่เฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนน่ากลัว

แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะของเขาก็หยุดลง

ร่างกายของหวู่เฟิงสั่นสะท้าน เขาถอยหลังออกไปสามก้าว หลังจากนั้นร่างขนาดใหญ่ของเขาก็ล้มลงไปข้างหลังกระแทกอย่างแรงลงบนพื้น

แขนที่ถูกต่อยของเขาหล่นลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง

นี่มัน…เป็นไปได้ยังไงกัน?!

ฉากที่เห็นนี้ทำให้ผู้ชมทุกคนต่างตกใจและพูดไม่ออก

หมัดเดียว.. เขาชนะแล้วเหรอ?!

เขาทำได้ยังไงกัน

ใบหน้าของหวู่เฟิงซีดลงเนื่องจากความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาแสยะขึ้นจนเกิดการแสดงออกที่น่าสยดสยอง…เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความสยดสยองจนแทบหัวใจวาย

เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?

“จับมัน!” หวู่เฟิงกล่าวผ่านฟันที่กัดกันแน่นด้วยความโกรธ

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเขา คณะหวู่ที่มาอยู่ที่นี่ต่างมายืนรอบตัวเหย่หลิงเฉินทันทีโดยที่เขาอยู่ตรงกลาง

“เอาคนมาอีก เอาอาวุธมา!”

หวู่เฟิงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแวววาวราวกับหมาป่าจากตาของเขาจับจ้องไปที่เหย่หลิงเฉิน “แบบนี้แกยังจะสู้ได้อยู่อีกไหม? เตรียมตัวพิการได้เลย!”

เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้ว คลายไหล่ และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความสะใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา

“ครับ พี่เฟยเฟย”

“เธออยู่ไหนเนี่ย เหล่สาวสวยอยู่เหรอ?”

เหย่หลิงเฉินลูบจมูกของเขา “พี่เฟยเฟย ฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”

“รอเดี๋ยว ฉันกำลังไป!”

“หึหึ แม้แต่พระเจ้าเองก็ไม่สามารถช่วยแกได้! ฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาและกล้ามาลองดีกับพวกฉัน!” ใบหน้าของหวู่เฟิงช่างน่าเกลียด “รออะไรอยู่ล่ะ? จับมัน!”

“จับมันไว้!!!”

ในขณะเดียวกันผู้กำกับหลี่และเสี่ยวเฟยเฟยก็เดินเข้ามาที่นั่น

“ผู้อำนวยการหลี่ พี่เฟยเฟย”

เฟยเฟย…พี่สาว???

ทุกคนมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความสับสน นี่เด็กคนนี้รู้จักกับซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าคนนี้ด้วยเหรอ

แล้วเขาจะมาเล่นเป็นตัวประกอบทำไมกัน

“เธอไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม” เสี่ยวเฟยเฟยถามด้วยความกังวล

“ผมโอเค” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า

เสี่ยวเฟยเฟยมองเหย่หลิงเฉินอย่างสงสัย “ผู้อำนวยการหลี่ขอให้เธอแสดงหนังให้เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ แต่ทำไมเธอถึงวิ่งมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อรับบทเป็นตัวประกอบกัน?”

“เรื่องมันยาวน่ะ” เหย่หลิงเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น

การแสดงออกของหวู่เฟิงดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหรี่ตาและมองไปที่หลี่ไท่ “หลี่ไท่ เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ แน่ใจหรือว่าอยากจะมาจุ้นจ้านด้วย?”

“ ฉันได้รับการร้องเรียนจำนวนมากว่าคนของคณะหวู่ทำร้ายร่างกายนักแสดงตัวประกอบ พวกคุณควรเบาลงหน่อย” ผู้อำนวยการหลี่ตอบ

“เราต่อสู้จริง ๆ เพื่อสร้างภาพยนตร์ให้ออกมาดี ถ้าเราดึงหมัดของเราเอาไว้ไม่เล่นจริง มันจะเรียกว่าหนังกังฟูได้อย่างไรกัน” หวู่เฟิงตะคอกอย่างเย็นชา “พวกตัวประกอบก็เป็นเพียงแค่ขยะที่ไม่สำคัญ ฉันเตะต่อยมันแล้วมันผิดตรงไหน? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เอง!”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณด้วย” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าว

“ดูเหมือนว่าคุณยังจะยืนกรานที่จะปกป้องไอ้เด็กคนอยู่!” หวู่เฟิงมองไปที่เสี่ยวเฟยเฟย จากนั้นก็ไปที่หลี่ไท่ เขาเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “บอกเลยว่าเรื่องนี้มันไม่จบแค่นี้แน่!”

หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปทางด้านซ้าย

“พ่อ! ทำไมเราถึงกลับไปแบบนี้ล่ะ” หวู่เฉิงโพล่งออกมาอย่างไม่เต็มใจในขณะที่รีบเดินตามหวู่เฟิงไปอย่างรวดเร็ว

“คนหนึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์ อีกคนเป็นผู้กำกับมือฉมัง พวกมันสองคนกำลังปกป้องไอ้เด็กนั้น ฉันจะทำอะไรได้อีก!” หวู่เฟิงกล่าวออกมาด้วยการแสดงออกที่น่ากลัว

“แล้วที่ผมโดนมันทำร้ายล่ะพ่อ!” ใบหน้าของหวู่เฉิงบูดบึ้ง

“ไม่จบแค่นี้แน่นอน!”

ใบหน้าของหวู่เฟิงแสดงให้เห็นถึงความคิดที่มืดมน “คุณหลู่เขาชอบเสี่ยวเฟยเฟยไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่าไอเด็กนั่นจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเสี่ยวเฟยเฟย ถ้าคุณหลู่รู้เรื่องนี้ล่ะก็ ไอ้เด็กนั่นไม่รอดแน่!”

“ฮ่า ๆๆๆ พ่อ! ยอดเยี่ยมมาก!” หวู่เฉิงดีใจ “ผมจะติดต่อคุณหลู่ทันที!”

“พี่เฟยเฟย ผมขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก” เหย่หลิงเฉินขอโทษ

“เรื่องนี้เธอไม่ได้ผิดหรอก” เสี่ยวเฟยเฟยหัวเราะ “ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเก่งจนสามารถทำให้หวู่เฟิงแพ้ไม่เป็นท่าแบบนี้”

“ผมแค่เคยเรียนรู้การเคลื่อนไหวมาบ้าง” เหย่หลิงเฉินตอบ

หลังจากที่กลับมาที่กอง ทุกคนเก็บของและกลับไปหมดแล้วเหลือสตาฟอยู่แค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ไม่นาน หลี่ไท่ก็รีบเดินมาหาด้วยสีหน้าตระหนก

“ผู้อำนนวยการหลี่ เกิดอะไรขึ้น?!”

“พวกคณะหวู่ก่อปัญหาให้น่ะสิ!” หลี่ไท่ถอนหายใจ “เรากำลังถ่ายทำซีรีส์ Wuxia เราต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบท่าต่อสู้และนักแสดงศิลปะการต่อสู้มากมาย แล้วคนพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคณะหวู่”

“เมื่อกี้หวู่เฟิงเพิ่งประกาศว่าคณะหวู่จะไม่ส่งคนไปสนับสนุน Legend of the Heroine!”

“นั่นมันเกินไปแล้ว!” หลินตอบรับความอยุติธรรม “แต่ฉันเห็นต่าง ฉันคิดว่าเราสามารถถ่ายทำต่อไปได้ถ้าไม่มีพวกคณะหวู่ Hengdian Studios เป็นสถานที่ใหญ่โตและกว้างขวาง ฉันแน่ใจว่าเราสามารถหาผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ได้แน่”

“มันยากนะ!” คิ้วของหลี่ไท่ขมวดเข้าหากันแน่น “เราได้เริ่มถ่ายทำซีรีส์ทีวีเรื่องนี้ไปแล้ว เราจะไปหาผู้เชี่ยวชาญจากในด้วยเวลากระชั้นชิดแบบนี้”

“ฉันพอจะรู้จักผู้กำกับอยู่บ้าง ฉันจะลองถามพวกเขาดูว่าฉันสามารถขอความช่วยเหลือเรื่องคนจากพวกเขาได้หรือไม่” เสี่ยวเฟยเฟยแนะนำ

หลี่ไท่ส่ายหัวพร้อมตอบว่า “คนที่ทำงานอยู่ภายใต้ผู้กำกบัคนอื่น ๆ ก็เป็นพวกคณะหวู่นี่แหละ! พรรคพวกมันเยอะ!”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลาย ๆ คนจะต้องพึ่งกำลังคนของเขา แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ก็ยังต้องได้รับการสนับสนุนจากคนของเขาเช่นกัน

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหวู่เฟิงถึงทำตัวกร่างแบบนี้ได้โดยไม่ต้องสงสัย

“ ถ้าเป็นการแสดงการต่อสู้ ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยได้บ้าง” เหย่หลิงเฉินซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างกล่าว

“เธอ?”

หลี่ไท่มองไปที่เหย่หลิงเฉิน “น้งอชาย ฉันรู้ว่าเธอน่ะสู้ได้ แต่การต่อสู้กับศิลปะการป้องกันตัวเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมาก การต่อสู้ป้องกันตัวต้องใช้การเคลื่อนไหวและเทคนิคที่ยาก นอกจากนี้ยังต้องมีการเคลื่อนไหวที่แปลกใหม่”

“ผมเคยเรียนรู้การเคลื่อนไหวมาบ้างครั้งสองครั้ง ทำไมคุณไม่ลองดูก่อนล่ะ”

จากนั้นเหย่หลิงเฉินก็เดินไปที่สนาม

เขาเหยียดยืดร่างกายของเขาจากนั้นก็เริ่มทำท่าทาง

อืมมมมม?

ฝูงชงที่เหลืออยู่ต่างจ้องมองไปที่ร่างกายของเหย่หลิงเฉิน….

I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ!

I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ!

ตอนที่ 1-20 คลิก

“เหย่หลิงเฉิน” เด็กมัธยมธรรมดาๆ คนนึงที่ต้องพยายามอย่างหนักกับการสอบและแบกรับความคาดหวังจากพ่อแม่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากการตื่นขึ้นจากความฝันแปลกๆ ของเขาคือ เขาได้รับ “ระบบอัจฉริยะ” จากจุดเริ่มต้นนี้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เขาสามารถอ่านหนังสือและเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างทันที ฟังและเข้าใจเนื้อหาการบรรยายได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงได้รับรู้เทคนิคการใช้แผงควบคุมระบบอัจฉริยะของตัวเองอีกด้วย การเรียนรู้สำหรับฉันมันไม่เคยง่ายขนาดนี้มาก่อน นี่สินะที่เขาพูดกันว่าความรู้คือพลัง! ตอนนี้ฉันสามารถเข้าถึงพลังที่ไร้การควบคุมได้อย่างมากมายเต็มไปหมด! ความรู้สึกจะเป็นอย่างไรกันหากได้กลายเป็น “อัจฉริยะ” ในชั่วข้ามคืน มาร่วมติดตาม “เหย่หลิงเฉิน” ในการเดินทางครั้งนี้เพื่อค้นหาความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดกันเถอะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท