ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 189 สู่ขอ
ณ จวนจิ้งอันโหว
“นายท่าน” หลิวจือเห็นต้วนเฉินเซวียนกลับมาอย่างสมความปรารถนาก็รู้ทันทีว่าเรื่องราวต้องถูกจัดการอย่างเรียบร้อย มิเช่นนั้นนายท่านคงไม่มีทาง…แสดงอาการมั่นอกมั่นใจเสียขนาดนี้
“อื้ม” ต้วนเฉินเซวียนตอบรับ จากนั้นจึงก้าวเท้าเตรียมตัวจะเข้านอน
“นายท่าน เมื่อครู่นี้บ่าวเพิ่งจะรู้เรื่องเรื่องหนึ่งมา…” หลิวจือพุ่งตัวไปข้างหน้าขวางต้วนเฉินเซวียนเอาไว้ “เอ่อ…เป็นเรื่องที่เกี่ยวของกับคุณหนูซู”
ต้วนเฉินเซวียน “…ดี ว่ามาสิ” นี่ถือเป็นมาตรฐานของหลิวจือในการเริ่มรายงานเรื่องราวต่างๆ ในช่วงนี้ใช่หรือไม่ ต้วนเฉินเซวียนคิดในใจ ทุกครั้งจะต้องอ้างว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูซู การเปิดประเด็นด้วยรูปแบบคำพูดเช่นนี้ทำเอาเขาฟังจนเลี่ยนเสียแล้ว!
“เมื่อไม่กี่วันก่อน เยียลี่ว์เยียนไปที่จวนตระกูลซูมาขอรับ…” สีหน้าของหลิวจือจ้องไปที่ต้วนเฉินเซวียนอย่างวอกแวก จากนั้นเริ่มเขยิบไปด้านหลัง
“แล้วอย่างไรต่อ” ต้วนเฉินเซวียนเลิกคิ้วขึ้น แม่นกยูง[1]ไร้สมองนั่นจะไปหาซูเหลียนอวิ้นเพื่ออะไรกัน นี่ผ่านไปเพียงครู่เดียวเขาก็โดนทดสอบเสียแล้ว!
“จากนั้นก็…คือว่าจุดประสงค์ที่เยียลี่ว์เยียนไปหาคุณหนูซูก็เพื่อบอกว่า…” หลิวจือลังเลใจก่อนจะพูดออกไปว่า “การแต่งงานเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ที่นางมาที่ต้าชั่วในครั้งนี้! “
ต้วนเฉินเซวียนงงงัน
“แม่เยียลี่ว์เยียนสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ข้าเคยพูดเสียที่ไหนว่าจะแต่งกับนาง” ต้วนเฉินเซวียนโมโห มิน่าเล่าในคืนงานเลี้ยงวันนั้นซูเหลียนอวิ้นถึงไม่ยอมชายตามองเขาเลย นี่ถือว่าสมควรแล้วใช่หรือไม่
“อื้มๆ ” หลิวจือพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วนายท่าน แต่นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ประเด็นของเรื่องนี้คือ เยียลี่ว์เยียนเป็นฝ่ายบุกไปพูดเรื่องนี้กับคุณหนูซูเอง! ” เป็นฝ่ายบุกไปที่บ้านคนอื่นเพื่อคุยเรื่องเช่นนี้…นี่นับว่ามั่นใจมากเกินไปหน่อยหรือว่าบ้าระห่ำเกินไปกันแน่
“ตระกูลเยียลี่ว์ไม่มีใครปกติสักคน” ต้วนเฉินเซวียนกรอกตา เขารู้สึกว่าหนังตาของเขากำลังกระตุก
หากตอนนั้นเขาไม่ได้ดีดถั่วลิสงเม็ดนั้นออกไปโดนข้อเท้าของเยียลี่ว์เยียนจนทำให้นางต้องพ่ายแพ้ไปนั้น…เกรงว่าตอนนี้คนที่ต้องแต่งงานกับเยียลี่ว์เยียนจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอนกระมัง? มิเช่นนั้นแล้วด้วยความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นของเยียลี่ว์เยียนจะไปยอมแต่งงานกับก้อนไขมันอย่างองค์ชายสามได้อย่างไร
นี่จึงชัดเจนว่าเยียลี่ว์เยี่ยนเป็นคนจัดแจงเรื่องนี้ให้เยียลี่ว์เยียน
ยังดีๆ ต้วนเฉินเซวียนเอามือกุมอกพลางถอนใจที่ตัวเองเกือบจะรักษาความบริสุทธ์เอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว
“นายท่าน เรื่องนี้…” หลิวจือแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นกังวลกับสถานการณ์ของต้วนเฉินเซวียนจึงเอ่ยว่า “คุณหนูซูอภัยให้นายท่านแล้วหรือ” เพราะเมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว วันนั้นที่คุณหนูซูระเบิดอารมณ์ใส่เขาแรงขนาดนั้นแถมยังแทบจะซ้อมเขาจนหมดสติไป…จู่ๆ หลิวจือก็เพิ่งรู้สึกเข้าใจขึ้นมาเดี๋ยวนี้เอง!
เฮ้อ เข้าใจก็ส่วนเข้าใจแต่ปัญหาของเรื่องนี้จะแก้ได้อย่างไรกัน
“มิเป็นไร” ผ่านไปพักใหญ่ต้วนเฉินเซวียนจึงเงยหน้าขึ้นมา “ข้ากลับคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดี”
อื้ม เป็นเรื่องดี!
เพราะหากไม่มีเรื่องนี้มาทดสอบสักหน่อยแล้ว เกรงว่าเขาคงเข้าใจไปตลอดว่า ซูเหลียนอวิ้นผู้นี้รังเกียจเขาเสียเต็มประดาแล้ว! ทุกครั้งที่เห็นซูเหลียนอวิ้นมีท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม อันที่จริงแล้วนางเองก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เต็มที่แล้วเช่นกัน!
ทว่าตอนนี้น่ะหรือ ฮ่าๆ
เมื่อมีเรื่องนี้เข้ามาทดสอบ…ต้วนเฉินเซวียนรู้สึกว่าจู่ๆ ตัวเองก็มองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ซูเหลียนอวิ้นสนใจในตัวเขาชัดๆ จริงอย่างที่เขาว่าไว้ว่าคำพูดของผู้หญิงเชื่อได้เพียงครึ่งเดียว!
“เรื่องดีหรือขอรับ” หลิวจือเพียงรู้สึกว่าตอนนี้ตนคงไม่ได้ยินและฟังผิดไปกระมัง
นายท่านขอรับ คำว่าเรื่องดีสองคำนี้ นายท่านได้ข้อสรุปมาจากที่ใดกัน! เพราะไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเรื่องนี้มันดีตรงไหน!
“พูดกับเจ้า เจ้าก็คงไม่เข้าใจ” ต้วนเฉินเซวียนหันไปยิ้มเย้ยหลิวจือพลางกรอกตาใส่เขาด้วยสายตาที่แสดงออกว่าเรื่องของข้ามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ ผู้อื่นคิดจะเดาก็คงเดาความคิดข้าไม่ถูก ข้าเดียวดายเหลือเกิน
“อ้อ” หลิวจือยกมือกุมหน้าผากตัวเอง ก็ได้ อย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี นายท่านว่าอย่างไรก็อย่างนั้นเถิด! เพราะคนที่จะแต่งงานกับคุณหนูซูก็คือเขา!
“หลิวจือ เจ้าจงส่งคนออกไปปล่อยข่าว” ต้วนเฉินเซวียนหัวเราะ “ว่าข้ากำลังจะสู่ขอซูเหลียนอวิ้น”
“นายท่านขอรับไม่กี่วันก่อนหน้านี้มิใช่เพิ่งจะปล่อยข่าวเช่นนี้ออกไปเองหรือ” เพิ่งปล่อยข่าวออกไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็สั่งห้ามมิให้ผู้ใดพูดเรื่องนี้ต่ออีกและให้หยุดข่าวลือพวกนั้นเสีย แล้วตอนนี้นายท่านกำลังจะก่อเรื่องอะไรอีก
“ข้ามีแผนการของข้าก็แล้วกัน” ต้วนเฉินเซวียนเลิกคิ้ว “อีกอย่างข่าวลือที่ปล่อยออกไปครั้งที่แล้วบอกเพียงว่าข้ามีใจให้คุณหนูซูมิใช่หรือ ดังนั้นคราวนี้ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าพวกเจ้าต้องพูดว่าอย่างไร ข้าไม่เพียงชอบซูเหลียนอวิ้นมากเท่านั้น แต่อยากจะแต่งงานกับนางโดยเร็วและกำลังจะเสนอพระราชโองการถึงฮ่องเต้เร็วๆ นี้
“อ้อ แน่นอนว่ายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือข่าวลือเรื่องนี้ต้องให้สองพี่น้องตระกูลเยียลี่ว์ได้ยินชัดๆ โดยเฉพาะเยียลี่ว์เยี่ยนนั่น เข้าใจหรือไม่?”
“ขะ เข้าใจ” หลิวจือพยักหน้าบื้อใบ้เพราะไม่กล้าบอกว่าตัวเองไม่เข้าใจ เนื่องจากครั้งที่แล้วตอนที่พยายามหยุดข่าวลือนั้น เขาก็พอเดาความหมายของเจ้านายของตัวเองออกอยู่บ้างว่าคงจะเป็นเพราะกลัวว่าเมื่อเยียลี่ว์เยี่ยนรู้ว่าตัวเขากับซูเหลียนอวิ้นมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน เยี่ยลี่ว์เยี่ยนผู้นั้นจะยิ่งรีบกระโดดเข้ามาสร้างความวุ่นวายมากขึ้น
แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ต้องการให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเมืองเท่านั้นแต่กลับยังเน้นย้ำอีกว่าจะต้องให้เยียลี่ว์เยี่ยนรู้เรื่องนี้ให้ได้? นี่ นี่มันเพราะอะไรกัน
“คิดไม่ออกก็ค่อยๆ คิด ลองคิดดูว่าเจ้านายของเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” ต้วนเฉินเซวียนโบกมือ “เอาล่ะ กลับไปคิดดูก็แล้วกัน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าเริ่มง่วงแล้ว พรุ่งนี้ยังมีเรื่องราวกองโตให้ต้องจัดการอีก”
ตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนแทบอยากจะปรบมือดังๆ ให้กับแผนการของตัวเอง! เพราะความคิดนี้เป็นความคิดที่ดีมาก!
เฮ้อ ก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงคิดไม่ออกนะ ต้วนเฉินเซวียนพูดไม่ออก ทว่ายังดีที่ตอนนี้ไม่ถือว่าสายเกินไป พวกเยียลี่ว์เยี่ยนตอนนี้กว่าจะออกเดินทางก็คงอีกหลายวัน แต่หากปล่อยพวกเขากลับไปเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปีฟ้าถึงจะประทานโอกาสดีๆ อย่างนี้มาให้อีก
เยียลี่ว์เยี่ยนไม่ชอบขี้หน้าเขาเป็นที่สุดอยู่แล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของอะไรก็อยากจะแย่งไปทั้งหมด การมาครั้งนี้ก็คงจะต้องมาเพื่อหาเรื่องข่มขวัญเขาอีกกระมัง
อย่างนั้นก็จัดมาเถิดเดี๋ยวข้าจะรีบจัดกลับไปเลย
ตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนแทบจะรอให้เยียลี่ว์เยี่ยนรีบไปสู่ขอซูเหลียนอวิ้นกับลี่หยวนตี้ไม่ไหวแล้วเพราะหากเยียลี่ว์เยี่ยนไม่ไปขอนางแต่งงาน ไม่ไปกระตุ้นตระกูลซูสักหน่อยล่ะก็…
ทุกครั้งเวลาที่เขาจะไปจวนตระกูลซูก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนต่อจากนี้ตนถึงจะได้เข้าไปในจวนตระกูลซูอย่างเป็นที่ยอมรับ! เพราะหากมาส่งยาให้ทุกวันเจตนาแฝงก็จะแสดงออกชัดเจนเกินไปหน่อย! นั่นเกรงว่าจะยิ่งทำให้พ่อและพี่ชายของนางรู้สึกไม่ชอบหน้าเขาขึ้นไปอีก!
นั่นเป็นเพราะว่าตระกูลซูมีซูเหลียนอวิ้นเป็นบุตรสาวเพียงแค่คนเดียว ทุกคนเลยดูแลทะนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ ดังนั้นหากไม่อาจบังคับให้แต่งงานได้ก็ต้องใช้ลูกเล่นเสียหน่อย!
——
[1] แม่นกยูง เปรียบผู้หญิงเป็นนกยูง หมายความว่า ผู้หญิงกลวงไร้ความคิด สนใจแต่ความสวยงาม