บทที่ 5 หยุดเพื่อป้องกันการสูญเสีย
จิ่งหนิงเอนตัวไปที่กระจกรถอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอมอง ออกไปด้านนอก เป็นภาพของค่ำคืนที่กำลังนับถอยหลัง แล้วกะพริบตาลง
คำพูดของมู่ยั่นเจ๋อเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ เธอรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระจริงๆ
กี่ครั้งต่อกี่ครั้งการที่จึงเสี่ยวหย่ารังแกเธอโดยไม่ให้คน อื่นรับรู้ แต่เธอก็เงียบไว้ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอคิด ว่าการทำเช่นนั้นจะแลกมาได้กับชีวิตที่เรียบสงบสุข คิดไม่ ถึงจริงๆว่าอีกฝ่ายกลับทำให้สถานการณ์แย่ลงแบบนี้
เธอไม่ใช่คนอ่อนแอตั้งแต่เกิด เมื่อเธอรู้สึกว่าถูกเอา เปรียบแน่นอนว่าเธอจะต้องสู้กลับ ในสายตาของมู่ยั่นเจ๋อ กลายเป็นว่าเธอรังแกจิ่งเสี่ยวหย่าอย่างนั้นเหรอ?
จึงหนิงถูกขับไล่ออกจากตระกูลจีน ในเมืองจิ้นทุกคน ล้วนรับรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวที่ตระกูลจิ่งไม่ต้องการ โดย เฉพาะอย่างยิ่งคุณนายมู่
เพื่อไม่ให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดใจ เธอพยายามหลีกเลี่ยงตัว เองทุกวิถีทาง พยายามไม่ไปปรากฏต่อหน้าสาธารณชน พร้อมกับเขา แต่ในสายตาของเขากลับกลายเป็นว่าเธอไม่ ยอมไปเข้างานเลี้ยงสังสรรค์เป็นเพื่อนเขา!
เรื่องที่ขายของใช้ผู้ใหญ่..
หากไม่ได้เกิดเรื่องนั้นขึ้น หากไม่ใช่เพราะตระกูลจิ่งเห็น แก่ตัวและลำเอียง ชีวิตเธอจะเดินมาถึงจุดที่พังพินาศแบบ นี้ได้เหรอ?
ทั้งหมดนี้ทำไมถึงกลายเป็นความผิดของเธอไป
ได้! ! !
จึ่งหนิงหลับตาแล้วรู้สึกว่าชีวิตช่างตลกและไร้สาระสิ้นดี
ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดังขึ้น “มันคุ้มค่า ไหมที่คุณจะมานั่งร้องไห้เสียใจให้กับผู้ชายแบบนี้ ? ”
จิ่งหนิงตกตะลึงและหันกลับไปมอง แม้เธอจะมองไม่ค่อย ชัดเจนเท่าไหร่แต่ก็ดูออกว่าชายที่นั่งอยู่ตรงนี้มีความเป็น สุภาพบุรุษ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความเย็นชา
เธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเหมือนกับเธอจะถูกชายคนหนึ่งทุ่ม เข้ามาในรถ คนๆนั้นช่วยเธอออกมาจากผับ
เมื่อนึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางอ่อนแอ เมื่อสักครู่ออกมาอีก จึงหนิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าฉันร้องไห้เสียใจเพราะเขา? ”
ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอ สายตาของเขาจ้องไปที่ดวงตา กลมโตและแกล้มสีแดงเรื่อนั้น
จิ่งหนิงรีบอธิบายต่อว่า “ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะเขา แต่
เพราะตัวฉันเอง..”
เธอร้องไห้ให้กับชีวิตในวัยรุ่นของตัวเองที่ใช้อย่างสิ้น เปลืองกับขยะนั่นในหลายปีที่ผ่านมา
ลู่จิ่งเซินพยักหน้าเห็นด้วย
“คุณรู้วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความล้มเหลวสำหรับ การลงทุนไหม?
“อะไรคะ?
“ต้องหยุดเพื่อไม่ให้สูญเสียมากกว่าเดิม”
ริมฝีปากเรียวบางเขาพูดออกมาทำให้ใจของเธอสั่น
สะท้าน
เธอหันหน้าไปทางเขา ภายใต้แสงไฟสลัว ชายผู้นี้นั่ง หลังตรงสง่า แม้จะเห็นเพียงแค่ครึ่งใบหน้าแต่ก็รู้ได้ว่าเขา หน้าตาดีทีเดียว
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีมาก่อน เพราะมู่ยั่น เจ๋อก็จัดว่าเป็นคนประเภทนี้
แต่เมื่อเทียบกับชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขายังห่างไกลอีก มากนัก
เขาที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ช่างแพรวพราวราวกับ ดวงดาวบนสวรรค์ แข็งแกร่งยิ่งกว่านกอินทรีที่อยู่บน ท้องฟ้า สูงส่งเสียจนแทบเอื้อมไม่ถึง
อีกทั้งใบหน้าของเขาทำให้สาวๆกรี๊ดออกมาได้อย่างไม่ ต้องสงสัย
เธอสายหัวสลัดความคิดไร้สาระเมื่อสักครู่ออกไป แล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา กลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอครุ่นคิดแล้วถามเขาออกไปว่า “คุณคิดยังไงกับคนที่ ขายของใช้ผู้ใหญ่?
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า “ก็เป็นอาชีพปกติ ไม่ได้ผิดกฎหมายนี้ ไม่มีอะไรพิเศษ”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมาเบาๆ
รอยยิ้มของเธอแฝงไปด้วยฤทธิ์เหล้าแต่ก็ยังมีสติอยู่บ้าง แววตาของเธอนั้นงดงามดุจสายน้ำ “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น นะ”
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาแตะที่จมูก ลู่จิ่งเซินเอียงศีรษะ เล็กน้อยและเห็นว่าเธอลุกขึ้นทันกะทันหันจากนั้นเอนตัวมา ทางเขาถามขึ้นว่า
“คุณคิดว่าฉันสวยไหม? %3D
ลู่จิงเซินนั่งหลังตรง ยืดตัวขึ้น
ผู้หญิงตรงหน้าเขาสวยอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เพียงแต่สวยอีกทั้งยังเซ็กซี่จนน่าทึ่ง
แม้ว่าในวันนี้เธอเพียงจะสวมเสื้อคลุมสีเบจที่เรียบง่าย ด้านในเป็นเสื้อสายเดี่ยวสีขาว แต่ก็ยังไม่อาจบดบังความ เย้ายวนใจที่เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกได้
ในสมองของเขามีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาว่า ไม่มีคำไหน จะอธิบายออกมาได้
เขากลืนน้ำลายลงคอและไม่ได้พูดอะไรออกมา จิ่งหนิงจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้เขา ริมฝีปากแดงของเธอพูดข้างๆหูเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ฉันอยากนอนกับคุณ คุณจะยอมนอนกับฉันไหม?
“พระเจ้า!
ซูมู่ที่กำลังขับรถอยู่ อดไม่ได้ที่จะอุทานออก
วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกถึงสายตาอันเยือกเย็นจ้องมาด้าน
หลัง
เขารีบเก็บเสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั้นอย่างรวดเร็วแล้ว
ขับรถต่อไปเงียบๆ
จิ่งเซินจึงได้หันกลับมามองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา
เขาหรี่ตาลงมองแล้วพูดกับเธอว่า คุณนอนกับผมต้องมี ค่าตอบแทนนะ คุณแน่ใจเหรอ?
จิ่งหนิงหัวเราะแล้วพูดว่า เงินเหรอ? ฉันมี! ”
เมื่อพูดจบก็หยิบเงินจากกระเป๋าควักออกมาแล้วส่งให้
เขาดู
“คุณนับดูนะ ถ้าไม่พอฉันโอนให้อีกก็ได้
ลู่จิ่งเซินจึงได้พบว่าคำพูดของเธอเมื่อสักครู่ไม่ได้ล้อเล่น
แต่เธอพูดจริง
เขาขมวดคิ้วแล้วถามต่อว่า
“คืนนี้ใครก็ได้ที่นั่งอยู่ข้างคุณ คุณก็นอนกับเขาได้หมด
เหรอ? ”
จึ่งหนิงหน้า
เธอหัวเราะเหอะๆแล้วเอื้อมมือมาจับใบหน้าของเขา
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ ที่ฉันจะนอนกับคุณก็เพราะว่า คุณหน้าตาดี พวกเขาดูถูกฉันไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันจะหาใคร สักคนก็ต้องหาที่หน้าตาดีกว่าเขาสิ! ให้พวกเขาสองคน โมโหและอิจฉาฉันจนตายไปเลย!
ลู่จิ่งเซินคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะได้คำตอบแบบนี้ เขาทำตัวไม่ถูกและตกตะลึงเล็กน้อยกับคำพูดที่จริงจัง
ของเธอ
และในขณะนั้นเองรถก็หยุดลงกะทันหัน
จิ่งหนิงเดิมทีก็ดื่มเหล้าเสียจนเมามาย แรงเบรกเมื่อสัก ครู่ทำให้ลู่จิ่งเซินเอื้อมมือไปคว้าเธอเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ” เขาถาม
ซูมู่ตอบกลับมาว่า “ขอโทษครับท่านประธาน ถึง คฤหาสน์บ้านลู่แล้ว”
“กลับไปได้แล้ว”
“ครับ!
เมื่อประตูรถด้านหน้าถูกปิดลง ลู่วิ่งเซินก็ก้มลงมองดูผู้ หญิงในอ้อมแขนของเขา เธอเมามากและใบหน้าของเธอ แดงระเรื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
“ถึงแล้ว ลงรถเถอะ”
ผู้หญิงในอ้อมอกของเขากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย เธอพิง ร่างกายมาที่เขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าอันหล่อเหลา
ใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชา ริมฝีปากบางเซ็กซี่ช่างเย้า
ยวนใจจริงๆ
ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองของเธอหุนหันพลัน
แล่น
เธอเอื้อมมือไปโอบคอของเขาไว้แล้วจุมพิตลงไป ลู่จิ่งเซินตัวแข็งที่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง จากนั้นรีบ
ถอนริมฝีปากออก
เมื่อจิ่งหนิงเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะออกมา
“สุดหล่อคะ จูบคุณหวานมากจริงๆ”
ลู่วิ่งเซิน “…..”
เขาผลักเธอออกแล้วพูดว่า “ปล่อยมือซะ”
จิ่งหนิงไม่ยอมขยับตัว เธอกะพริบตามองเขา ดวงตาของ เธอแดงขึ้นในทันใด
“คุณก็รังเกียจฉันใช่ไหม? ที่ฉันมันไม่ใช่คนขี้อ้อน ฉัน มันไม่น่าสนใจเลยไม่ยอมนอนกับฉันใช่ไหม? ”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่ตกลง? ”
เธอทำท่าทางน่าสงสารออกมา น้ำตาไหลร่วงเป็นสาย
แปดเปื้อนใบหน้าอันขาวผ่องของเธอ ลู่วิ่งเซินตกตะลึงและรู้สึกเจ็บที่หัวใจเล็กน้อย
น้ำตาของหญิงสาวคนนั้นไหลลงมาราวกับก๊อกน้ำและเปียกปอนเสื้อเขา