วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 913 โลกของทั้งสองคน

บทที่ 913 โลกของทั้งสองคน

ตั้งแต่เฉียวฉีถูกช่วยออกมาได้ กู้ซือเฉียนก็คอยเฝ้าเธออยู่ข้างเตียงตลอด แม้กระทั่งตอนที่หมอเข้ามาตรวจร่างกายให้เธอ เขาก็ไม่ขยับไปไหน

เพราะรู้ดีว่าเขาพึ่งจะได้เธอกลับคืนมา ความรู้สึกในใจจึงไม่ใช่คนธรรมดาที่ไหนจะเทียบได้ เพราะงั้นก็เลยไม่มีใครว่าอะไรเขา

คุณหมอก็เพียงพูดเกลี้ยกล่อมเขาสองสามประโยคว่า นี่มันก็ดึกมากแล้ว ยังไงเฉียวฉีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ต้องพักรักษาตัวเงียบ ๆ เท่านั้น เพราะงั้นเขาไม่จำเป็นต้องอยู่รบกวนเธอ ให้กลับไปพักผ่อนที่ห้องตัวเองได้

จากนั้นคุณหมอก็ป้อนยาให้กับเฉียวฉี พอเตรียมยาสำหรับพรุ่งนี้เช้าเสร็จ คุณหมอก็ออกไป

ดังนั้น พริบตาเดียวทั้งห้องก็เหลือเพียงกู้ซือเฉียนและเฉียวฉีเพียงสองคน

เขานั่งลงตรงข้างเตียง มองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่จากนั้นก็ดึงมือเธอมากุมไว้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

พระเจ้ารู้ดี จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะพบว่าเฉียวฉีมีความสำคัญต่อเขามากขนาดไหน

ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ภายนอกดูเหมือนเขาจะวางแผนรับมือได้เป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงมีเพียงใจเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าตัวเองกลัวมากขนาดไหน

กลัวว่าจะหาเธอไม่เจอ กลัวจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ กลัวว่าถ้าถึงวันที่หาเธอพบเธอจะเหลือเพียงแค่กองกระดูก

ดังนั้น การที่ได้เห็นเธอนอนหลับอย่างสงบสุขอยู่ที่นี่ ในใจไม่ใช่แค่รู้สึกเจ็บปวด แต่ยังรู้สึกซาบซึ้งอีกด้วย

ซาบซึ้งในพระเจ้าที่คืนเธอให้กับเขา

จากนี้ไปเขาจะไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีตอีก เรื่องวุ่นวายหรือเรื่องคับแค้นใจที่อยู่ในใจของคนทั้งสอง เขาจะไม่เอ่ยมันขึ้นมา

เขาจะทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด

กู้ซือเฉียนนั่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ ข้างเธอ คอยเฝ้าดูเธอจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน

เช้าวันต่อมา

จิ่งหนิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอมาถึงตึกหลักตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อดูว่าเฉียวฉีตื่นรึยัง

คาดไม่ถึง พอเธอเดินมาถึงห้องรับแขก ก็เจอกับลุงโอที่เดินลงมาจากชั้นบน

เธอกับลู่จิงเซินอาศัยอยู่ที่นี่มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว พวกเธอค่อนข้างจะคุ้นเคยกับลุงโอพอสมควร

พอเห็นเขาเดินมา เธอจึงทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ลุงโอ”

ลุงโอเองก็ค่อนข้างชอบจิ่งหนิงมากเช่นกัน เขาไม่เคยรู้จักลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงมาก่อน เขารู้แค่เพียงว่าตระกูลลู่กับตระกูลกู้ไม่ค่อยลงลอยกันสักเท่าไร

อีกอย่างคุณชายของเขาจะต้องสืบทอดตระกูลกู้ต่อไปในอนาคต ดังนั้น เขาจึงพลอยมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีต่อตระกูลลู่ไปด้วย

แต่หลังจากการอยู่ร่วมกันมาสักพักในช่วงนี้ เขากลับพบว่าคนของตระกูลลู่ทั้งสองคนนี้เป็นคนดีมาก

เหมือนกับคุณชายของเขาและเฉียวฉี เป็นคนที่ดีไปหมด ดีจนจะดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

เพราะฉะนั้น มันก็เลยทำให้เขาปล่อยวางอคติที่มีในอดีตลง ก่อนจะค่อย ๆ สนิทกับพวกเขามากขึ้น

ลุงโอยิ้มพร้อมกับตอบว่า “คุณนายลู่ ตื่นเช้าจังเลยนะครับ มาดูคุณเฉียวเหรอ?”

จิ่งหนิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ตอนนี้เธอตื่นรึยังคะ?”

พอเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ลุงโอก็ดีใจยิ้มจนตาหยี “ตื่นแล้วครับ กำลังพักผ่อนอยู่ คุณชายก็อยู่กับเธอด้วย”

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้น เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับมองขึ้นไปชั้นบน “งั้นตอนนี้ฉันขึ้นไปดูเธอได้ไหมคะ?”

เธอไม่อยากเข้าไปแล้วบังเอิญเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น

ลุงโอรู้ความหมายของเธอในทันที เขาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ได้ครับ ๆ”

จิ่งหนิงถึงได้วางใจ ก่อนจะตอบว่า “งั้นฉันขึ้นไปแล้วนะคะ”

“ครับ”

จิ่งหนิงเดินขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็มาถึงห้องที่เฉียวฉีถูกส่งตัวเข้ามาเมื่อวาน

เธอเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงที่นิ่งเรียบของชายหนุ่มดังลอดออกมาว่า “เข้ามา”

พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็เห็นหญิงสาวอีกคนนั่งพิงหัวเตียงอยู่พอดี

กู้ซือเฉียนนั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับป้อนยาให้เฉียวฉี

แม้ว่าร่างกายของเธอในตอนนี้จะดูสบายดี แต่เพราะฤทธิ์ของยานอนหลับทำให้สติและเรี่ยวแรงของเธอได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก คุณหมอจึงไม่ได้จ่ายยาแผนปัจจุบัน แต่กลับจ่ายยาสมุนไพรจีนบางชนิดโดยเฉพาะสำหรับฟื้นฟูและบำรุงความบริสุทธิ์สดชื่นให้เธอแทน

ขณะนี้ กู้ซือเฉียนกำลังป้อนยาให้เฉียวฉีทีละช้อนทีละช้อนอย่างอดทน

พอเห็นเธอเดินเข้ามา มือของกู้ซือเฉียนก็หยุดชะงักทันที ก่อนจะหันไปถามเธอว่า “คุณมาได้ยังไง?”

จิ่งหนิงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันมาดูอาการของคุณเฉียวน่ะว่าเป็นยังไงบ้าง”

เธอพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้

อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนวานนั้นดึกเกินไป รวมถึงอาการของเฉียวฉีก็ยังไม่ค่อยดี เพราะงั้นเธอก็เลยไม่ได้สังเกตรูปร่างร่างหน้าตาของหญิงสาวตรงหน้าสักเท่าไร

ตอนนี้อีกฝ่ายตื่นแล้ว พอได้มองอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่าเธอถือเป็นสาวสวยไม่เบา

จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ดูท่าแล้วคุณคงอาการดีขึ้นพอสมควรแล้วสินะ”

เฉียวฉีมองเธออย่างว่างเปล่า ผ่านไปหลายวินาที เธอถึงได้ถามขึ้นว่า “คุณคือ…..”

กู้ซือเฉียนจึงแนะนำว่า “เธอคือจิ่งหนิง”

เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “ภรรยาของลู่จิ่งเซิน”

นัยน์ตาของเฉียวฉีเบิกกว้างขึ้นทันที ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า

“โอ้ ฉันนึกออกแล้ว คุณคือ Seven!”

จิ่งหนิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ ฉันเอง”

เฉียวฉีเริ่มรู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย เธอเกาหัวตัวเองเบา ๆ “ฉันดีใจมากที่ได้เจอคุณ คุณรู้ไหม? เมื่อก่อนคุณเป็นไอดอลของฉันเลยนะ!”

จิ่งหนิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ “จริงเหรอ? ฉันไม่เคยรู้เลย”

แต่ดูเหมือนกู้ซือเฉียนจะไม่อยากให้พวกเขาพูดคุยกันมากเกินไป พอเห็นว่าจิ่งหนิงดูอาการเฉียวฉีเสร็จแล้ว เขาก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาอย่างเย็นชา

“เอาล่ะ ตอนนี้คนก็ดูเสร็จแล้ว คุณก็ควรจะออกไปได้แล้วใช่ไหม?”

จิ่งหนิงชะงัก ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ

“นี่ คุณนี่มันยังไงเนี่ย? ฉันใจดีมาเยี่ยมคนป่วย ไม่ได้มาเยี่ยมคุณสักหน่อย คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกไป?”

เฉียวฉียิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “อย่าไปสนใจเขาเลย ฉันพึ่งตื่น ตอนนี้ในหัวก็เลยค่อนข้างมึนนิดหน่อย ว่าแต่พวกคุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”

จิ่งหนิงเล่าเรื่องของตัวเองกับลู่จิ่งเซินให้เฉียวฉีฟังนิดหน่อย จากนั้นก็สรุปเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมาแบบคร่าว ๆ ให้เธอฟังอีกเล็กน้อย

เมื่อครู่เธอยังไม่พอใจกู้ซือเฉียนที่ไล่เธอออกไปอยู่เลย แต่พอนึกถึงเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา เธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที ช่วงที่กู้ซือเฉียนตามหาเฉียวฉีนั้น เขาทุ่มเททั้งกายและใจจริง ๆ เพื่อที่จะหาเธอให้เจอ

เรียกได้ว่าแทบจะเอาทั้งตระกูลของเขาเข้าไปเดิมพันเลยด้วยซ้ำ

พอได้เธอกลับมา กว่าเธอจะฟื้นคืนสติ เขาก็คงอยากจะอยู่กับเธอตามลำพังเป็นธรรมดา

จิ่งหนิงอยู่ที่นี่ ก็ดูเหมือนจะเป็นการรบกวนโลกของพวกเขาทั้งสองคนเสียมากกว่า

พอคิดได้ดังนี้ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน

“งั้น พวกคุณก็คุยกันต่อเถอะนะ ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีก ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”

เฉียวฉีพยักหน้ารับ ก่อนจะตอบว่า “รอให้ฉันอาการดีขึ้นก่อนนะ แล้วฉันค่อยไปหาคุณ”

จิ่งหนิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวออกไป

หลังจากรอให้เธอเดินออกไปแล้ว เฉียวฉีก็หันกลับมามองทางกู้ซือเฉียน

เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่ทำไมคุณทำกับเธอแบบนั้นล่ะ? เธอเป็นแขกมาจากแดนไกลนะ ทำแบบนี้รู้ไหมว่ามันไม่ดี?”

กู้ซือเฉียนจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

ในแววตานั้น มีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายปะปนอยู่ ดูไม่ออกเลยว่ามันคือความสุข ความสบายใจ หรือคืออย่างอื่น

เฉียวฉีมองดูด้วยความงุนงงเล็กน้อย

เธอเอามือจับใบหน้าตัวเอง ก่อนจะถามด้วยความสงสัยว่า “มีอะไรเหรอ? หน้าฉันมีอะไรติดรึไง?”

กู้ซือเฉียนตอบอย่างนิ่งเรียบว่า “ไม่มี”

ขณะที่พูด เขาก็ตักยาขึ้นมาจ่อปากเธออีกหนึ่งคำ “อ้าปาก”

เฉียวฉีอ้าปากอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ดื่มยาคำนั้นลงไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท