วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 916 เป็นห่วงเขา

บทที่ 916 เป็นห่วงเขา

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่คุณแล้ว แต่เป็นกลุ่มมังกรที่อยู่ข้างหลังคุณต่างหาก เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่พวกมันลงมือกับจิ่งหนิง ซึ่งเป้าหมายจริง ๆ ก็ไม่ใช่จิ่งหนิง แต่เป็นตระกูลลู่และตระกูลจื่อจินที่อยู่ข้างหลังเธอ”

“อะเฉียว ผมเคยคิดว่า ผมใช้ชีวิตมาจนถึงอายุปูนนี้ ผ่านอะไรมาหลายอย่าง ผมเจอกับการต่อสู้มามากมายจนแทบจะไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลือแล้ว แต่วันนี้ผมเพิ่งจะเข้าใจ ว่าคุณคือจุดอ่อนของผม ดังนั้น เพื่อตัวผมเอง จากนี้ไปคุณรับปากได้ไหมว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ จะไม่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายอีก ตกลงไหม?”

เฉียวฉีเงยหน้าขึ้น พร้อมกับมองเขาอย่างลึกซึ้ง

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นแววตาอันอ่อนโยนจากชายหนุ่ม

เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในหัว แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หัวใจของเธอถึงได้เต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอยื่นมือออกไป ลูบแก้มที่ซีดเผือดเล็กน้อยเพราะช่วงนี้เขาต้องวิ่งวุ่นไปทั่วแถมยังต้องทำงานหนักอีก ก่อนที่เธอจะตอบว่า “ตกลง”

กู้ซือเฉียนจึงยิ้มออกมาอย่างวางใจ

ทันใดนั้นเฉียวฉีก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอรีบพูดขึ้นนอย่างร้อนรนว่า “ใช่แล้ว ฉันมีบางอย่างต้องบอกคุณ”

“อะไรเหรอ?”

“เสี่ยวเยว่เป็นคนของ กลุ่มชาวจีนก่อนหน้านี้ที่ฉันต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกเขา ก็เป็นเพราะการคาดการณ์ของเธอ”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วก่อนจะตอบว่า “ผมรู้แล้ว”

เฉียวฉีถูกลักพาตัวไป เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาจะไม่สืบสาวราวเรื่องให้ละเอียดชัดเจนได้ยังไง?

เพราะงั้น หลังจากที่เธอหายตัวไปได้สองสามวัน เขาก็สืบพบว่าตัวตนของเสี่ยวเยว่นั้นถูกปลอมแปลงมา ชื่อจริง ๆ ของเธอคือ เยว่หลิง ซึ่งเป็นสายที่ กลุ่มชาวจีนส่งเข้ามาในปราสาท

พอเห็นว่าเขารู้แล้ว เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ก่อนจะพูดอย่างเป็นกังวลอีกว่า “คนอย่างเสี่ยวเยว่ที่อยู่ในปราสาทมาตั้งหลายปียังเป็นสายของพวกเขาได้ เราไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วที่นี่จะมีคนของพวกเขาอีกสักเท่าไร กู้ซือเฉียนฉันคิดว่าคุณควรตรวจสอบให้ละเอียดอีกรอบนะ”

กู้ซือเฉียนพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ทำไม? กลัวเหรอ?”

เฉียวฉีพยักหน้า

ชายหนุ่มชะงักไป

เมื่อก่อน หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหน? ถึงขนาดต่อให้มีมีดมาจ่อที่คอเธอยังไม่สะทกสะท้านเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่เธอจะยอมรับว่าตัวเองกลัว

แต่ตอนนี้ เธอกลับยอมรับออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ซึ่งมันแทงใจกู้ซือเฉียนเต็ม ๆ

เขาตอบเธอด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ พวกมันทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”

แต่ทว่า เฉียวฉีกลับส่ายหน้าเบา ๆ

“ฉันไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง ฉันเป็นห่วงคุณ”

ขณะที่เธอพูด เธอก็กุมมือเขาพร้อมกับหลุบตาลง “คนที่ใช้ชีวิตโดยที่มีปลายมีดจ่อคออย่างพวกเรา ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอกับอันตรายบ้าง ซึ่งปกติรอบตัวคุณก็จะถูกรายล้อมไปด้วยคนที่คุณไว้ใจหรือภักดีต่อคุณ แต่ฉันก็ยังเป็นห่วง ถ้าหากในกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนที่เป็นสายลับหรือเป็นศัตรูล่ะ?”

“เหมือนกับครั้งก่อน ที่คุณเดินทางไปทำธุรกิจที่เมืองข้าง ๆ แล้วกลางดึกก็มีคนเข้ามาวางระเบิดในห้องคุณ ครั้งนั้นถือว่าคุณโชคดีที่หลบได้ทัน แต่ถ้าคุณหลบไม่ทันล่ะ? กู้ซือเฉียนฉันนึกภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง”

พอเธอพูดแบบนี้ คิ้วของกู้ซือเฉียนก็ค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างเคร่งขรึม

คำพูดของเฉียวฉีได้เตือนสติเขาอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็ได้ออกคำสั่งให้ ตรวจสอบคนในปราสาททุกคน แต่ตอนนั้นก็เป็นเพียงการตรวจสอบแบบผ่าน ๆ

เพราะถึงยังไงตอนนั้นก็มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย เลยไม่สามารถตามเรื่องทั้งหมดได้ในคราวเดียว

แต่ตอนนี้ อีกไม่นาน กลุ่มชาวจีนก็จะถูกกำจัดออกไปแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะมีคนอีกจำนวนมากที่สนใจเข้าร่วมกลุ่มมังกร ปราสาทแห่งนี้ก็จะต้องส่งคนมาประจำการเพิ่มขึ้น

ส่วนเรื่องรายละเอียดแล้วก็เบื้องหลังของพวกเขาเหล่านี้คงต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดอีกที

ดังนั้น เขาจึงพยักหน้ารับ

“ตกลง ผมเข้าใจแล้ว ”

พอเฉียวฉีเห็นเขาฟังความคิดของเธอ เธอถึงจะวางใจลงได้

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ผ่านไปไม่นาน ลุงโอก็ยกยาเข้ามาให้เธอ

เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนวางยาพิษในอาหารของเฉียวฉี ดังนั้นตอนนี้ ทั้งอาหารและยาของเธอทั้งหมด จึงถูกควบคุมด้วยตัวลุงโอเอง

ลุงโอเป็นคนที่ดูแลกู้ซือเฉียนมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นจึงเชื่อถือได้แน่นอน

เฉียวฉีดื่มยาเสร็จก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย จากนั้นเธอจึงหลับไปอีกรอบ

รอจนเธอหลับสนิท กู้ซือเฉียนถึงจะเดินออกจากห้องไป

เขามองไปที่ลุงโอพร้อมกับสั่งการว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ตรวจสอบคนที่ยังเหลืออยู่ในปราสาททุกคนอีกครั้ง เรื่องนี้จัดการเงียบ ๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”

ลุงโอชะงัก พร้อมกับมองเขาอย่างประหลาดใจ

แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างร้อนรน “ครับ”

รอจนเขาจากไป กู้ซือเฉียนจึงเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

เศรษฐกิจของ กลุ่มชาวจีนพังทลายลง อาณาเขตทั้งหมดถูกยึดครอง แม้กระทั่งสำนักงานใหญ่ก็ถูกนำโดยกู้ซือเฉียน

ที่นั่น เขาเห็นผู้อาวุโสหลายคนที่เคยอยู่ในกลุ่มหงส์แดงและกลุ่มมังกรมาก่อน

ผ่านไปหลายปี ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แถมยังเป็นอีกฉากหนึ่ง

อย่างไรก็ตามกู้ซือเฉียนเมื่อสี่ปีก่อนไม่เคยใจอ่อนอยู่แล้ว ส่วนกู้ซือเฉียนในสี่ปีต่อมาก็ยิ่งใจแข็งมากกว่าเดิมอีก

แค่เพราะว่าสี่ปีที่แล้ว ยังมีเฉียวฉีออกหน้าขอร้องแทนพวกเขา แต่สี่ปีต่อมา พอเฉียวฉีรู้ข่าว เธอก็บอกกับเขาอย่างเฉยเมยว่า พี่น้องของเธอเสียชีวิตไปนานแล้ว คนเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอทั้งนั้น

เธอไม่พูดช่วยเหลือพวกเขาอีกแม้แต่ประโยคเดียว

ดังนั้น พวกสมาชิกระดับสูงซึ่งเดิมทีเคยอยู่ในกลุ่มมังกรและกลุ่มหงส์แดง แล้วได้ขายตัวเองให้กับ กลุ่มชาวจีนเพราะคิดว่าพวกเขาจะได้มีอนาคตที่สดใส

ทุกวันนี้ ได้แต่วกไปวนมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นจุดจบแบบนี้อยู่ดี ทั้งหมดทุกคนต่างตกอยู่ในกำมือของกู้ซือเฉียน

ส่วนเฉียวฉีเธอไม่ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพราะงั้น เธอเลยไม่รู้ว่ากู้ซือเฉียนใช้วิธีใดในการจัดการกับคนเหล่านั้น

เธอเองก็ไม่อยากถาม เพราะถึงยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ

หลังจากการล่มสลายของ กลุ่มชาวจีนกลุ่มอำนาจของเขาก็ถูกแบ่งไปโดยหลายกลุ่ม

หลังจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มมังกรในครั้งนี้ ก็เหมือนกับได้เติมพลังพอดี ทำให้พวกเขากลับมามีพลังพอที่จะคานอำนาจทั้งหมดได้อีกครั้ง

ส่วนตระกูลจิ้นก็ยังคงอยู่ในประเทศเอฟ พวกเขาสร้างรากฐานอยู่ที่นั่น แค่อาณาเขตที่ตรงนั้นก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว ดังนั้น นอกจากจะยึดกองกำลังของ กลุ่มชาวจีนที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะขยายอำนาจออกไปอีก

ด้านตระกูลลู่เดิมทีก็เริ่มมาจากวงการธุรกิจ ผ่านมาหลายปี ก็ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มวงการใต้ดินสักเท่าไร

ดังนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของธุรกิจ ก็ถูกปล่อยให้ลู่จิ่งเซินจัดการ

ทางด้านตระกูลจื่อจิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หลังจากที่จูเก่อเฟิงรู้ข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับจิ่งหนิงในตอนแรกเป็นฝีมือของ กลุ่มชาวจีนเขาก็เกลียดพวกนั้นเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว ซึ่งเขาก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องกำจัดพวกนั้นให้ได้

เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่ง่ายเลยที่เขาจะหาจิ่งหนิงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องเจอ จะให้เขาทนเห็นเธอถูกรังแกได้ยังไง?

ดังนั้น เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร กลับรอให้พวกเขาแบ่งกันจนเสร็จ จากนั้นตัวเองก็ค่อยเอาส่วนที่เหลือไป

แต่ที่แปลกก็คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาตลอดว่า ที่ตระกูลหนานลงมือ คงเป็นเพราะผลประโยชน์เช่นกัน

แต่ในตอนที่แบ่งผล กลับไม่เห็นตระกูลหนานโผล่ออกมาเลย

ในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ลู่จิ่งเซินกับกู้ซือเฉียนที่ไม่เข้าใจ แม้แต่คนที่เจ้าอุบายอย่างจูเก่อเฟิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์อันงดงามราวกับภาพวาดที่ตั้งอยู่บนเกาะ

ชายหนุ่มผู้สง่างามนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้เอนกาย เสียงเคาะเป็นจังหวะดังมาจากมือของเขา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางขยับพัดในมือเบา ๆ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท