วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 923 ครอบครัวสี่คน

บทที่ 923 ครอบครัวสี่คน

เธอไม่รู้แต่ลู่จิ่งเซินกลับเข้าใจดี

ที่สุดแล้วพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย หลังจากประสบสิ่งกระตุ้นครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ ความคิดที่อยู่ในใจไม่ได้ต่างกันมากนัก หากพวกเขาตื่นเช้าสิถึงจะแปลก

เพื่อป้องกันไม่ให้จิ่งหนิงเขาไปปลุกให้พวกเขาตื่น ลู่จิ่งเซินพาเธอตรงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารทันที จากนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

หัวเหยาตื่นตามหลังพวกเขามาและพบว่าพวกเขาเก็บของเสร็จแล้ว จึงบ่นว่าจิ่งหนิงไม่ยอมปลุกเธอและรีบไปเก็บของ

แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็แค่เข้าพักที่นี่แค่วันเดียว นอกจากเมื่อวานที่ออกไปเดินเล่นซื้อของกันแล้ว จึงไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากนัก

หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว กลุ่มเพื่อนก็กล่าวลากับกู้ซือเฉียนและเฉียวฉีแล้วออกเดินทางไปสนามบิน

เที่ยวบินตอนบ่ายโมงครึ่ง กลับถึงประเทศก็หกโมงเย็นพอดี

จิ่งหนิงไม่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยสองคนมากสักระยะแล้ว ดังนั้นขณะที่อยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน หัวใจของเธอก็พุ่งกลับบ้านดั่งลูกธนู และแทบอยากจะบินไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เลย

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูด “เธอติดพวกเขาขนาดนี้ ไม่เห็นติดฉันแบบนี้บ้าง?”

จิ่งหนิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเงยหน้ามองเขา “ใครบอกว่าฉันไม่ติดคุณ? ตอนนี้ก็ติดคุณอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยและลดเสียงลง “ฉันชอบให้เธอติดฉันบนเตียงมากกว่า”

จิ่งหนิง: “…”

สายตาเหลือบมองคนขับที่อยู่แถวหน้า และแอบเอื้อมมือไปบีบเอวของเขา

ลู่จิ่งเซินอดหัวเราะไม่ได้

หลังจากกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนโห่ร้อง

“ดีจัง ๆ คุณอาเฟิงยี่หล่อมากเลย หนูชอบปราสาทนี้!”

กลุ่มคนรับใช้รู้แล้วว่ารถมาถึงแล้วจึงรีบออกมาต้อนรับ

“คุณผู้ชาย คุณนาย กลับมาแล้วเหรอคะ”

อาจจะเพราะได้ยินเสียงของเธอ เสียงด้านในจึงเงียบลง จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็วิ่งกรูออกมา

“หม่ามี๊!”

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้!”

เจ้าซาลาเปาน้อยสองคน ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง วิ่งเข้ามาและกอดจิ่งหนิงแน่น

จิ่งหนิงถูกพวกเขาพุ่งตัวใส่และถอยไปหนึ่งก้าว โชคดีที่ลู่จิ่งเซินยืนกันไว้อยู่ด้านหลังจึงไม่ล้ม

และอดยิ้มไม่ได้: “พวกหนูเกือบจะทำหม่ามี๊ล้มแล้ว ระวังเดี๋ยวเราสามคนจะล้มลงไปนะจ๊ะ”

อานอานยิ้มร้าย “ไม่กลัวแด๊ดดี้ช่วยพยุงอยู่ข้างหลัง!”

ลู่จิ่งเซินเบิกตาโพลงใส่เธอ “หนูแย่ที่สุดเลย”

อานอานแกล้งทำหน้าผี

จิ่งหนิงหัวเราะและวางพวกเขาลง จากนั้นทั้งสามคนก็จูงมือกันและเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ลู่จิ่งเซินและคนงานแบกกระเป๋าเดินตามมา

หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าเฟิงยี่ก็อยู่ด้วยและเพิ่งเดินออกมาจากห้องเล่นเกม

เมื่อเห็นเธอเขาก็ยิ้มและร้องทัก “พี่สะใภ้สวัสดีครับ”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “วันนี้นายถึงว่างแวะมาได้? ลั่วเหยาล่ะ? ไม่มาด้วยกันเหรอ?”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “เธอไม่สบาย อยู่ที่บ้าน ผมมาช่วยอานอานติดตั้งอะไรบางอย่าง”

จิ่งหนิงตกตะลึงและพูดอย่างห่วงใย “ไม่สบาย? ป่วยเป็นอะไร?”

เฟิงยี่เกาหัวอย่างเขินอาย “จะว่าไปก็ไม่ใช่ ก็คือ…มีข่าวดีแล้วครับ”

จิ่งหนิงตกตะลึง

ตอนนี้เอง ลู่จิ่งเซินก็เดินเข้ามาและไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดพอดีและพูดขึ้นทันที: “จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วยังไม่รีบไปฝึกกำลังแขนอีก? ระวังเถอะถึงเวลาจะอุ้มลูกไม่ไหวนะ!”

เฟิงยี่ได้ยินแล้วจึงรีบวิ่งไป “พี่รอง มา ผมช่วยพี่ถือ”

จิ่งหนิงจึงได้ตอบสนองด้วยรอยยิ้มปีติยิ่ง

ถังลั่วเหยาถือได้ว่าอยู่ในกลุ่ม นอกจากหัวเหยาแล้วก็มีเพื่อนสนิทอยู่ไม่มาก และเนื่องจากเธอยืนด้วยลำแข้งตนเอง ดังนั้นจึงมีความรู้สึกรักและหวงแหน

เวลานี้เมื่อเธอได้ยินข่าวดี จึงรู้สึกดีใจกว่าใคร

เธอเรียกเฟิงยี่ให้อยู่แล้วพูด: “ท้องแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องระวังนะ นายจะต้องบอกเธอด้วย”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “รู้แล้วครับ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ไปพักข้างนอกเลย อยู่บ้านตลอด แม่ผมดูแลเธออยู่”

จิ่งหนิงตกใจอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ คุณแม่เฟิงไม่ค่อยจะชอบถังลั่วเหยาเท่าไหร่และยิ่งดูถูกสถานะนักแสดงของเธอด้วย ทำให้เรื่องแต่งงานของเธอกับเฟิงยี่ดูไม่ค่อยจะดีนัก

ตอนนี้กลับยินดีรับตัวเธอกลับไปดูแลที่บ้านเป็นการส่วนตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและยอมรับเธออย่างสมบูรณ์แล้ว

เธออดยินดีในใจไม่ได้และพูดขึ้น: “เอาไว้จะไปเยี่ยมเธอนะ”

เฟิงยี่พยักหน้า “ได้ครับ ผมจะกลับไปบอกเธอ พี่มาได้ตลอดเลยนะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า จากนั้นเฟิงยี่ก็เข้าไปช่วยลู่จิ่งเซินถือกระเป๋าทันที

อานอานลากจิ่งหนิงเข้าไปในห้องเล่นเกม

“หม่ามี๊ดูสิคะ นี่เป็นปราสาทที่อาเฟิงยี่ทำให้หนู”

ในห้องนั้น มีปราสาทเล็ก ๆ ที่สวยงามและวิจิตรบรรจงตั้งตระหง่านที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ปราสาททำจากวัสดุที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สามารถให้เด็กสองคนเข้าและออกได้

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “สวยมากจ้ะ”

จิ้งเจ๋อน้อยตามเข้ามาและวิ่งไปนั่งบนเบาะนุ่ม ๆ หน้าปราสาท และพูดเสียงอ้อแอ้ “หม่ามี๊ เล่นกับพวกเรานะครับ”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่จะเล่นกับพวกหนูสักพัก แล้วเดี๋ยวพวกลูกก็เล่นกันเองนะจ๊ะ”

ทั้งสองต่างพยักหน้า

ระหว่างที่จิ่งหนิงเล่นกับลูกๆ ลู่จิ่งเซินได้เก็บกระเป๋าเดินทางเข้าบ้านทั้งหมดและกำลังคุยกับเฟิงยี่

เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปนาน แม้จะมีคนมารายงานทุกวันแต่ก็ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป

ซึ่งเฟิงยี่จะได้อธิบายให้เขาเข้าใจได้พอดี

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์มือถือของลู่จิ่งเซินก็ดังขึ้น

เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายของท่านย่ากับท่านปู่จึงรีบรับ

คนแก่ทั้งสองรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว และต่างเป็นห่วงสถานการณ์ของทางกู้ซือเฉียน

ที่สุดแล้วถึงแม้ตระกูลลู่และตระกูลกู้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่หากจะต้องโดนโจมตีจากภายนอกเข้าสู่ตลาดจีน เช่นนั้นตระกูลกู้และตระกูลลู่ย่อมยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงได้เป็นกังวลขนาดนี้

ลู่จิ่งเซินได้เล่าสถานการณ์ทางนั้นอย่างละเอียดและได้รู้ว่ากลุ่มชาวจีนถูกจำกัดแล้วจึงได้สบายใจ

เมื่อคุยธุระเสร็จยังได้บอกให้พวกเขาไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านแล้วจึงวางสายไป

เฟิงยี่เห็นเขากำลังยุ่ง เขานั่งอยู่ไม่นานก็จากไป

ลู่จิ่งเซินจึงได้ไปที่ห้องเล่นเกมและได้เห็นจิ่งหนิงกำลังเล่นซ่อนหากับลูกๆ

ที่จริงแล้วห้องเล่นเกมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนักประมาณร้อยกว่าตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยของเล่นประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็กจึงมีที่ให้ซ่อนตัวอย่างจำกัด

บวกกับเด็กๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเก็บเสียงและซ่อนตัว เวลาเดินหรือขยับตัวก็จะมีเสียง

อานอานที่โตแล้วก็ยังดี แต่กับจิ้งเจ๋อน้อยที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีเสียงวิ่งเบาๆ อยู่ตลอดราวกับกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

ดังนั้นเมื่อบอกว่าเล่นซ่อนหา แท้จริงแล้วจิ่งหนิงสามารถหาตัวพวกเขาได้อย่างง่ายดายมาก แต่ก็ยังเล่นกับพวกเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเท่านั้นเอง

เธอปิดตาและยิ้มแล้วพูด: “พวกลูกแอบเสร็จรึยัง? แมวเหมียวจะออกไปจับหนูๆ แล้วนะ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท