วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 931 ทำข้อตกลง

บทที่ 931 ทำข้อตกลง

ถัดจากเขา กู้ซือเฉียนและเธออยู่ในอารมณ์เดียวกัน

ก่อนที่เฉียวฉีจะหายตัวไป เขาและตระกูลหนานก็มีบัญชีที่ต้องชำระต่อกัน ซึ่งว่ากันตามเหตุผลแล้วเขาสมควรจะระมัดระวังและตั้งตนเป็นศัตรูกับชายที่อยู่ข้างหน้าเขา

แต่การนั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้ บางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศโดยรอบ หรือบางทีทัศนคติของอีกฝ่ายก็ดูถ่อมตัวเกินไป แม้แต่ความโมโหสักนิดก็ไม่มี

หนานกงจิ่นคลี่ยิ้มและพูดว่า “คุณดูเหมือนพ่อของคุณมาก”

ร่างของเฉียวฉีสั่นเล็กน้อย

“คุณรู้จักพ่อฉันด้วยเหรอ?”

“อืม”

หนานกงจิ่นพยักหน้า และทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งข้างนอกนั้นฝนเริ่มตกลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในฤดูใบไม้ร่วง ยิ่งเพิ่มความรู้สึกเยือกเย็นให้แก่บรรยากาศ

เขาหรี่ตาเล็กน้อย แล้วพูดอย่างแผ่วเบา “เขาทำงานภายใต้บังคับบัญชาของฉันมาสิบห้าปีแล้ว ฉันกับเขาก็สนิทกันเหมือนกับพี่น้อง และเหมือนเพื่อนที่รู้ใจกัน”

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

สัญชาตญาณบอกเธอว่า มีเรื่องราวบางอย่างในนั้น

จากนั้น ก็ได้ยินเขาถอนหายใจ

“น่าเสียดาย เขาเสียชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ และครั้งสุดท้ายนั้นฉันไม่เห็นแม้แต่หน้าเขาด้วยซ้ำ”

เฉียวฉีถามว่า “คุณบอกว่าเขาทำงานภายใต้บังคับบัญชาของคุณถูกไหม? แล้วคุณคือใคร? และเขาคือใคร? ความจริงแล้วคุณมีบทบาทอะไรในตระกูลหนาน? และเขาตายได้ยังไง?”

เมื่อเธอรัวคำถามชุดนี้ออกมา หนานกงจิ่นก็ดูเหมือนจะผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างผ่อนคลาย

“ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามมากมายอยู่ในใจ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เพราะยังไงซะวันนี้ก็ยังมีเวลาอีกมาก พวกเราค่อยๆ ถามคำถามทีละข้อก็ได้”

เมื่อพูดจบ เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็อธิบายว่า “ฉันเป็นใครน่ะเหรอ ในข้อนี้ ฉันไม่คิดว่าฉันต้องอธิบายอะไรมากมาย พวกคุณสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเอง”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมา เฉียวฉีและกู้ซือเฉียนต่างก็ตกใจเล็กน้อย

เดิมทีเป็นเพียงการคาดเดา แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาพูด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง

หนานกงจิ่นยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาและกู้ซือเฉียนมีอายุพอๆ กัน แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อถูกจ้องมองด้วยที่อ่อนโยนคู่นั้น ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาคนนั้นผ่านเรื่องราวอะไรต่างๆ มาเป็นพันปี ราวกับกำลังมองดูคนแก่ที่ช่ำชองต่อโลกก็มิปาน

เขายิ้มและพูดว่า “ส่วนคำถามที่ว่าพ่อของคุณเป็นใคร ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร คุณคงจะพอเดาได้แล้วสินะว่าเขาเป็นใคร”

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

“คนสนิทของคุณ?”

“ไม่เลวนี่”

เขาหยุดไปชั่วขณะ และยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง จากนั้นพูดต่อว่า “เขายังเป็นสมาชิกของตระกูลหนานอีกด้วย เขามีชื่อว่าหนานกงจิ่นเขาเติบโตเคียงข้างฉันมาตั้งแต่เด็ก ฉันปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นทั้งลูกชายและเป็นทั้งเพื่อน ทุกสิ่งที่เขารู้ฉันก็เป็นคนสอนด้วยตัวเอง ฉันเคยคิดว่า เขาจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป จงรักภักดีต่อฉันและทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อฉัน แต่แล้วท้ายที่สุดเขาก็ได้พบกับแม่ของคุณ”

“การแต่งงานของสมาชิกตระกูลหนานทั้งหมดต้องผ่านการอนุมัติจากตระกูล แต่ภูมิหลังของแม่คุณนั้นไม่สะอาด ทางตระกูลจึงไม่เห็นด้วย ทำให้สุดท้ายแล้วเขาก็หนีไปกับแม่ของคุณ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็คลี่ยิ้มอย่างสดใสอีกครั้ง

“หนุ่มสาวพวกนี้น่ะ เลือดร้อนกันเสมอเลย บางทีก็หุนหันพลันแล่น ตอนนั้นฉันส่งคนออกไปตามหาเขา แต่เขาเองก็รู้จักฉันดีเหมือนที่ฉันรู้จักเขานั่นแหละ พอเขาซ่อนตัว มันก็ยากสำหรับฉันที่จะหาเขาเจอในเวลาเพียงน้อยนิด”

“ต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีเลยทีเดียว ถึงจะหาคนคนนั้นพบ แต่ในตอนนั้นกลับพบว่า เขาป่วยและเสียชีวิตไปแล้ว”

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เธอถามว่า “มันบังเอิญขนาดนั้นเชียวเหรอ? จากสิ่งที่คุณพูด เมื่อก่อนเขาควรจะเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเลยสิ เขาหนีมาจากพวกคุณเพียงไม่กี่ปีเองทำไมถึงตายแล้วล่ะ?”

หนานกงจิ่นยิ้มเล็กน้อย

“คุณนี่ฉลาดจริงๆ เหมือนว่าจะไม่มีอะไรปิดบังคุณได้เลย”

เขายื่นมือออกมา หยิบชาที่อยู่ข้างๆ ต้มอีกกาหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาเนิบๆ “คุณพูดไม่ผิด เขาตายด้วยเหตุผลอื่นจริงๆ”

หัวใจของเฉียวฉีเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก

หนานกงจิ่นเงยหน้าขึ้นมองเธอ และเผยรอยยิ้มที่ดูลึกลับออกมา “คุณกำลังสงสัยว่าฉันฆ่าเขาใช่ไหม?”

นิ้วของเฉียวฉีที่ตอนแรกวางอยู่ข้างลำตัวกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา

“เปล่า ก็เมื่อครู่คุณเพิ่งบอกเองนี่ ว่าคุณหาเขาไม่พบในปีนั้น”

หนานกงจิ่นยิ้มและส่ายหน้า “คุณไม่ได้พูดความจริง คุณกำลังสงสัยฉันอยู่ในใจล่ะสิ แต่ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ถูกลิขิตไว้แล้ว และถึงบอกคุณไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร” ”

เขาหยุดเล็กน้อย ดวงตาของเขาจริงจังและสงบมาก

“เขาเสียชีวิตด้วยโรคทางพันธุกรรมในตระกูลหนานของเรา ซึ่งเกิดขึ้นกะทันหันพร้อมกับงานแต่งงานของคุณ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ไม่เพียงเฉียวฉีเท่านั้น แต่กู้ซือเฉียนที่อยู่ข้างๆ เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วย

หนานกงจิ่นกล่าวต่อว่า “ก่อนหน้าที่อาการของคุณกำเริบ ทุกคนก็คงเห็นแล้ว ว่าโรคชนิดนี้รุนแรงทั้งยังน่ากลัว และสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมเฉพาะในตระกูลหนานของเรา และเพื่อเป็นการควบคุมโรคนี้ เราได้พัฒนายาชนิดหนึ่งขึ้นมา เพียงรับประทานเป็นประจำก็สามารถระงับอาการได้ แต่ยานี้หายากมาก และมีให้เฉพาะคนในตระกูลเท่านั้น

เมื่อก่อนพ่อคุณทำงานเคียงข้างฉัน เขาจึงมียารักษาโรคที่เพียงพอ แต่เขากลับทรยศตระกูลและหนีไป และแน่นอนว่ายาต้องหมด

ในช่วงแรก เขายังสามารถหายาได้จากเพื่อนบางคน แต่สิ่งนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายออกเร็ว และทุกคนในตระกูลหนานก็ต้องการยานี้ จึงทำให้ไม่มีใครสามารถหายานี้ให้เขาได้เป็นเวลาหลายปี

ต่อมาเมื่อเขาขาดยา ก็ต้องตายในที่สุด ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาตาย ”

หลังจากที่หนานกงจิ่นพูดจบ ภายในห้องก็เงียบลงอีกครั้ง

เฉียวฉีเม้มปากแน่น กู้ซือเฉียนจับมือเธอไว้ใต้โต๊ะตัวยาว มือที่อบอุ่นและเอื้ออาทรกุมมือเล็กๆ ของเธอไว้ในฝ่ามือของเขา เธอจึงรู้สึกมีแรงขึ้นเล็กน้อย

เธอเงยหน้าขึ้น และมองตรงไปที่ หนานกงจิ่น

“แล้วที่เรียกเรามาครั้งนี้ คุณต้องการจะทำอะไร?”

หนานกงจิ่นพอใจกับทัศนคติของเธอมาก เพราะแม้ว่าเธอจะได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับพ่อผู้ให้กำเนิดของตัวเอง แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกมากนัก

ใจเย็น แถมยังฉลาด นี่คือคุณลักษณะที่เขาชอบ

เขาเอนหลัง และพูดอย่างผ่อนคลาย “มันง่ายมาก พวกเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ”

“ข้อตกลงอะไร?”

“คุณหาของบางอย่างให้ฉัน และฉันจะให้ยารักษาโรคแก่คุณ”

ทันทีที่เขาพูดจบ เฉียวฉีปฏิเสธโดยไม่คิด “ไม่”

หนานกงจิ่นหรี่ตาลง “คุณยังฟังไม่จบเลยว่าฉันจะให้พวกคุณช่วยหาอะไร ก็ปฏิเสธแล้วเหรอ?”

เฉียวฉีกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เนื่องจากคุณสามารถที่จะนั่งอยู่ที่นี่ และส่ง หนานกงยวู่ไปปฏิบัติงานข้างนอกได้ นั่นก็หมายความว่าสถานะของคุณอยู่เหนือเขาอย่างแน่นอน ดูจากตระกูลหนานทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมไปหลายทวีป อาจกล่าวได้ว่าเป็นกองกำลังใต้ดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และของที่พวกคุณไม่สามารถหาได้นั้น ก็ต้องเป็นของหายากจริงๆ

และตอนนี้คุณต้องการให้เราช่วยค้นหามัน แต่รางวัลที่คุณจ่ายคือให้ยาที่สามารถควบคุมโรคของฉันได้ชั่วคราวเท่านั้น และหากพบสิ่งนั้นจริงๆ แล้วยังไงต่อล่ะ? ฉันก็จะต้องพึ่งพาคุณไปตลอดชีวิตที่เหลือเพื่อขอยาจากคุณอย่างนั้นสิ? ”

เมื่อหนานกงจิ่นได้ยินคำพูดจากเธอ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา

“น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท