วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 956 ไปหาเธอเพื่อยืมเงิน

บทที่ 956 ไปหาเธอเพื่อยืมเงิน

จริงๆ แล้วความคิดของจิ่งหนิงก็คือ ผู้อาวุโสสองท่านอย่างไรก็อายุมากแล้ว ทนความเหนื่อยไม่ได้ ฟังเสียงดังโวยวายก็ไม่ได้

ตอนนี้อานอานเก้าขวบแล้ว อารมณ์สงบนิ่งกว่าตอนเป็นเด็กมาก ให้ผู้อาวุโสสองท่านช่วยดูแลเธอสักหน่อย แน่นอนว่าไม่ต้องใช้กำลังเยอะ แค่ดูการบ้านเธอบ้าง รวมถึงอยู่เป็นเพื่อนเธอในแต่ละวัน

และอานอานมีนิสัยใส่ใจ ผู้อาวุโสสองท่านอายุมากแล้ว ถึงจะบอกว่าชอบความสงบ แต่อย่างไรแล้วบางครั้งก็คิดถึงการอยู่ด้วยของลูกหลาน ช่วงไม่กี่เดือนนี้ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนท่านปู่และนายหญิง มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

แต่จิ้งเจ๋อน้อยไม่เหมือนกัน

อายุสามสี่ขวบ เป็นช่วงที่เสียงดังมากที่สุด ทำให้บ้านวุ่นวายเหมือนไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่านทั้งวัน ถ้าผู้อาวุโสสองท่านดูแลเขา เกรงว่าจะลำบากมาก

ทำไมนายหญิงจะไม่เข้าใจความคิดของเธอ จึงสงสารจิ่งหนิงไปอีกขั้น ลูบมือเธอ ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “หนิงหนิง สองสามปีนี้เธอลำบากมากแล้ว”

จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย “ไม่ลำบากค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ”

ลู่หลันจือเห็นพวกเธอคุยกันอย่างออกรส จึงพูดแทรกเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ

“จริงด้วยๆ ความลำบากของหนิงหนิงหลายปีที่ผ่านมานี้ฉันก็เห็นเหมือนกัน ครอบครัวเราโชคดีที่มีเธอ ไม่งั้นยุ่งเหยิงแน่”

เธอพูดไม่เป็น เมื่อพูดออกมา เดิมทีบรรยากาศที่อบอุ่นกลมกลืนก็กลายเป็นกระอักกระอ่วนอย่างมากทันที

นายหญิงจ้องเธออย่างไม่พอใจ “นี่เธอหมายความว่า เมื่อก่อนฉันจัดการแย่มากงั้นสิ?”

ลู่หลันจือตกตะลึง ในใจเกิดเสียง “ตึกตัก”

รีบยิ้มประจบสอพลอ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะแม่ ฉันหมายความว่าหนิงหนิงจัดการดี”

จิ่งหนิงก็ยิ้มเช่นกัน

ตอนนี้นายหญิงไม่ดูแลจัดการแล้ว ตระกูลลู่ทั้งหมดปล่อยให้เธอดูแล ลู่จิ่งเซินก็เชื่อใจเธอมาก ลู่หลันจือก็รู้ว่าการดูแลจัดการของตัวเองมันหมดหวัง ด้วยเหตุนี้จึงประสบประแจงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

ท่าทีของจิ่งหนิงคือเป็นคนประเภทที่ถ้าคุณดีกับฉัน ฉันก็ดีกับคุณ เดินผ่านบันไดก็ต้องหลีกทาง

ด้วยเหตุนี้ก็ไม่เก๊ก ยิ้มพูดขึ้น “คุณย่าดีที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ คุณน้าก็ไม่แย่ ก่อนหน้านี้ยังได้ยินมาว่า คุณลงทุนธุรกิจอะไร ทำเงินได้มหาศาลเลยไม่ใช่เหรอคะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าลู่หลันจือก็แข็งทื่อ

แต่ไม่นานก็คืนสู่สภาพเดิม ยิ้มแห้งๆ พูดขึ้น “ใช่ ทำเงินได้ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ฉันแค่เล่นๆ เท่านั้นแหละ ยังไงแล้วฉันก็ไม่มีหัวธุรกิจอะไร ใช่ไหมคะ? แม่”

พูดจบ ก็ยังขอความเห็นด้วยจากนายหญิงโดยเฉพาะ

นายหญิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เรื่องนี้เธอก็รู้ตัวเองดี”

ลู่หลันจือมีสีหน้าอับอาย จิ่งหนิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก เห็นเวลาใกล้หมดลง ก็สั่งป้าหลิวเอาอาหารมา

“คุณปู่ คุณย่า เราไปทานอาหารที่ห้องอาหารกันดีไหม?”

ท่านปู่ลู่และนายหญิงหชินล้วนพยักหน้า ผู้คนกลุ่มหนึ่งเดินไปที่ห้องอาหารด้วยกัน

ทานอาหารเสร็จแล้ว นายหญิงและท่านปู่ก็กลับไปก่อน แต่ลู่หลันจือไม่รีบร้อนกลับ

เธอนั่งในห้องรับแขก ประสานนิ้วเข้าด้วยกันนิดหน่อย มองจิ่งหนิงเดินลงมาจากชั้นบน ก็รีบลุกขึ้น “หนิงหนิง เธอลงมาทำไม? เธอไม่พักกลางวันเหรอ?”

จิ่งหนิงรู้สึกตลกมาก ครุ่นคิดว่าเธอยังอยู่ที่นี่? ตัวเองจะไปพักกลางวันได้อย่างไร?

แต่เธอก็ไม่พูดมันออกมา แค่ยิ้มแล้วถามขึ้น “คุณน้ามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

ลู่หลันจือสีหน้าแข็งทื่อ รอยยิ้มกระอักกระอ่วน “ฉ-ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอสักหน่อย”

จิ่งหนิงพยักหน้า

จริงๆ แล้วเธอก็เดาไว้นานแล้ว วันนี้ตั้งแต่ลู่หลันจือเข้ามา ความรู้สึกที่มอบให้มันผิดปกติ

เมื่อก่อนถึงแม้เธอจะเป็นมิตรกับตน แต่ไม่ถึงกับประจบประแจง อย่างมากที่สุดคือเป็นมิตรเพราะให้เกียรติ

วันนี้กลับยกย่องเธอหลายครั้ง น่าจะมีเรื่องขอร้องตน

เมื่อคิดเช่นนี้ จิ่งหนิงก็เข้าใจขึ้นบ้าง เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ “คุณน้ามีเรื่องอะไร พูดได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

ลู่หลันจือก็นั่งลงเช่นกัน ลังเลพักใหญ่ ก่อนพูดขึ้นอย่างกังวล “เรื่องนี้ถ้าฉันบอกเธอ เธอห้ามบอกนายหญิงกับท่านปู่ และห้ามบอกจิ่งเซิน ได้ไหม?”

จิ่งหนิงคิด แล้วพยักหน้าตกลง

“ฉันไม่พูดก็ได้ค่ะ แต่ถ้าพวกเขารู้จากช่องทางอื่น นั่นก็โทษฉันไม่ได้นะคะ”

ลู่หลันจือรีบพยักหน้า “ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ”

ขณะที่เธอพูด ก็ลังเลอีกครั้ง แล้วก็พูดออกมาเหมือนตัดสินใจแล้ว

“หนิงหนิง คืองี้นะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ลงทุนธุรกิจใช่ไหมล่ะ ธุรกิจนั้นน่ะจริงๆ แล้วมันทำเงินได้ดีมากๆ ตลอดเลย ก็คือทำเงินนี้ได้แล้ว แต่ก็ต้องลงทุนไปเรื่อยๆ ไม่ลงทุนเงินก็เอาออกมาไม่ได้ เธอเข้าใจฉันไหม?”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วแตะเข่าเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ผ่านไปสักพักก็พยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ”

ลู่หลันจือผ่อนคลายทันที ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เธอเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ฉันน่ะลงทุนเข้าไปหนึ่งส่วนแล้ว แต่พบว่ามันไม่พอ ก็เลยอยากมาถามเธอว่าสะดวกให้ฉันยืมเงินไหม เธอไม่ต้องห่วงนะ นี่คือเงินที่ฉันยืม รอฉันถอนเงินที่ลงทุนเข้าไปออกมาได้ก่อน ต้องเอามาคืนแน่นอน!”

จิ่งหนิงมองเธอ ลู่หลันจือบิดมืออย่างประหม่า ทำหน้าคาดหวัง

เธอถามเสียงเบา “ไม่ทราบว่าคุณน้าลงทุนธุรกิจอะไรเหรอคะ?”

“อัญมณี เธอก็รู้ใช่ไหมล่ะ ฉันชอบทำมัน”

จิ่งหนิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ลู่หลันจือมีชื่อเสียงในการรักหยก เรื่องนี้ไม่เป็นความเท็จ เมื่อก่อนเธอชอบสะสมหยก ชอบซื้อหยก ต่อมาก็พัฒนาไปเป็นเล่นพนันหินหยก ตอนนี้……ฟังน้ำเสียงเธอ มันยิ่งใหญ่ขึ้น?

เธอเลิกคิ้วนิดหน่อย ถามขึ้นหยั่งเชิง “หรือคุณน้าจะทำเหมืองแร่เหรอ?”

ทันใดนั้นลู่หลันจือก็เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ

สายตาที่มองจิ่งหนิง เหมือนมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง

“โอ๊ย ฉันบอกแล้วว่าหนิงหนิงของเราน่ะฉลาด ฉันยังไม่ได้พูด ทำไมเธอเดาถูกล่ะ?”

จิ่งหนิงยิ้ม จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยากอะไร

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ลู่หลันจือเล่นการพนันกับคนอื่น หลังจากสูญเสียทรัพย์สินในครอบครัวทั้งหมดไป นายหญิงก็เข้มงวดกับบัตรการเงินของเธอมาก สองสามปีมานี้เธอก็ทำตัวดีขึ้นมาก

พอทำตัวดีขึ้น ก็เก็บเงินได้ไม่น้อยโดยธรรมชาติ ถึงแม้จิ่งหนิงจะไม่รู้จำนวนเงินอย่างละเอียด แต่ต้องมีหลายร้อยล้านแน่นอน

เงินเยอะแบบนี้ แต่ตอนนี้กลับมาหาเธอเพื่อยืมเงินอีกครั้ง แถมยังบอกว่าลงทุนธุรกิจขนาดใหญ่เกี่ยวกับหยก นอกจากซื้อเหมืองแล้วก็ไม่มีอย่างอื่น

เธอไม่คัดค้านที่ลู่หลันจือทำสิ่งเหล่านี้ แค่รู้ว่าเธอดูเหมือนฉลาด แต่ความจริงสมองเรียบง่ายมาก จะถูกคนหลอกถ้าไม่สนใจเต็มที่ ถึงแม้จะทรงพลังและมีรากฐานมั่นคงอย่างตระกูลลู่ บางครั้งก็ทำอะไรกับอีกฝ่ายไม่ได้

คิดเช่นนี้แล้ว เธอก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น “คุณต้องการยืมเท่าไรคะ?”

ลู่หลันจือยิ้มชอบใจยกนิ้วขึ้นมา “ไม่เยอะหรอก แค่หนึ่งร้อยล้านก็พอ”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

หนึ่งร้อยล้าน ถึงแม้ว่าสำหรับตระกูลลู่ ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย

เธอไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่พูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้ฉันต้องปรึกษาจิ่งเซิน ไม่สามารถผลีผลามให้คุณได้ ถ้าเขาตกลง ถึงตอนนั้นฉันค่อยเอาเงินให้คุณ”

ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็จ้องเขม็งทันที

“ไม่ได้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้พวกเขารู้ไม่ได้ เธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท