วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 946 มีเหตุผลอย่างอื่น

บทที่ 946 มีเหตุผลอย่างอื่น

ทุกคนล้วนมองไปทางจิ่งหนิงที่เขาชี้อยู่

สีหน้าของจิ่งหนิงดูพะอืดพะอม ไอเสียงหนึ่งและถามว่า: “แสดงว่าของนั่นอยู่กับเสี่ยวฮัวเหลนสาวของท่านจริงๆ ใช่ไหม”

พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าที่ดีใจในตอนแรกของท่านปู่ชิวก็มืดลงมาทันที

เขาถอนหายใจคำหนึ่ง

“ใช่แล้ว อยู่กับเธอ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเอาให้เธอ คือเธอแอบเอาไปเอง”

จิ่งหนิงตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

“ที่ท่านพูดมานี่หมายความว่าอะไร”

“ฮะ หมายความว่าอะไร!” ท่านปู่ชิวหัวเราะแห้งเสียงหนึ่ง “ยังหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ ก็อีนังเด็กนั่นเป็นไอ้คนอกตัญญูน่ะสิ เสียดายที่ฉันเลี้ยงเธอมาโตขนาดนี้ ตอนแรกยังนึกว่าสามารถดูแลยามแก่จนกระทั่งเสียชีวิตเพื่อตัวเองได้ แต่คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย เจอผู้ชายคนหนึ่ง ฟังคำพูดของเขาไม่กี่ประโยคก็หนีไปกับเขาแล้ว หนีไปยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ยิ่งกว่านั้นคือยังเอาของมีค่าในบ้านไปไม่น้อยเลย ของที่พวกแกอยากได้นั้น คงถูกเธอเอาไปกับของมีค่าเหล่านั้นแล้วแหละ เพราะฉะนั้นถ้าพวกแกต้องการรีบได้มาเร็วๆ อย่ามากวนฉันเลย ไปหาเธอเหอะ ถ้าหาเจอก็คือเป็นของพวกแกไปเลย แต่ถ้าหาไม่เจอ”

เขาส่ายหัวและจุ๊ๆ สองเสียง “สิ่งที่ฉันสามารถบอกพวกแกได้ก็บอกไปจนหมดเปลือกแล้ว ถ้ายังหาไม่เจออีกก็อย่ามาโทษฉันล่ะ”

ความจริงแล้วในใจทุกคนล้วนรู้สึกอึ้งเล็กน้อย

จิ่งหนิงเงียบไปสักพัก พยักหน้า “หนูเข้าใจแล้ว ท่านไม่ต้องห่วง พวกหนูต้องหาเจอแน่นอน ถึงตอนนั้นถ้าหาคนเจอแล้วค่อยมาแจ้งให้ท่านนะ”

ครั้งนี้ ท่านปู่ชิวกลับไม่ได้พูดอะไร

กลุ่มจิ่งหนิงจึงลุกขึ้นมาบอกลงกับเขา จากนั้นหันหลังจากไป

ออกไปจากวิลล่าของตระกูลชิว ทุกคนยืนอยู่บนถนน ในใจล้วนมีความงงงวยเล็กน้อย

ตอนแรกยังนึกว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ขณะนี้กลับเหมือนเป็ดที่ต้มสุกบินไปแล้วอย่างนั้น แต่ละคนล้วนอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เฉียวฉีถามคนแรกว่า: “ตอนนี้พวกเราต้องทำยังไง”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วบอกว่า: “ก็ต้องหาคนอยู่แล้ว แต่ฉันได้ยินมาว่าเสี่ยวฮัวคนนั้นหายตัวไปได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ท่านปู่ชิวก็เคยไปหาเธอ แต่ไม่มีผลเลย เร็วๆ นี้ก็คงหาไม่เจออยู่ดี พวกเราอยู่ที่นี่ต่อก็ทำอะไรไม่ได้ หรือว่ากลับเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยหาวิธี พวกคุณคิดว่ายังไง”

ลู่จิ่งเซินไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

กู้ซือเฉียนกลับไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่

คิ้วตาของเขาร้ายกาจโหดอำมหิต เสียงก็เย็นชาเช่นกัน

“ฉันไม่เห็นด้วย ใครจะรู้ไอ้แก่นั่นโกหกอยู่หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าของนั่นไม่ได้อยู่กับเหลนสาวของเขาเลยล่ะ”

จิ่งหนิงมองเขา “แล้วคุณอยากทำยังไง”

“ค้นบ้าน”

เขาหยุดทีหนึ่ง สุดท้ายก็รู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเพิ่มเติมอีกประโยคหนึ่ง “ถ้าไม่ค้นผมไม่ตายใจ”

จิ่งหนิงเงียบได้สักพัก สุดท้ายพยักหน้า “ได้ งั้นเอาแบบนี้ พวกเราวางแผนขากลับก่อน แต่พวกเรายังไม่ต้องไป รอฟ้ามืดแล้วพวกเราไปค้นบ้านตระกูลชิวกับคุณหนึ่งรอบ ถ้ายังไม่เจออะไรอีกพวกเราค่อยกลับ จากนั้นค่อยหาวิธีหาเสี่ยวฮัว”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า

หลังจากทุกคนคุยตกลงกันแล้วก็ไม่ได้อยู่ต่ออีกและไปจากที่นี่

ไม่นาน พระอาทิตย์ตกดิน เข้ากลางคืนแล้ว

เงาสี่คนแอบเข้าไปในวิลล่าของตระกูลชิว

เวลานี้ท่านปู่ชิวหลับแล้ว

จิ่งหนิงลักลอบเข้าไปในห้องนอนเป็นคนแรก ใช้มือทุบท่านปู่จนสลบเลยเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กํากับสามคนที่เหลือเริ่มหาในวิลล่าด้วยกันอย่างละเอียด

จะบอกว่าวิลล่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก

แผ่นหยกก้อนนั้นน้อยแค่นั้นเอง ถ้าจะหาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเรื่องหนึ่ง

อีกสามคนออกไปจากห้องนอนไปหาที่อื่น จิ่งหนิงรับผิดชอบหาห้องนอนที่ท่านปู่อาศัยมาหลายปีมากห้องนี้

หลังจากเธอหาได้รอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่เจอแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ในห้องนอนอยู่ดี

สุดท้ายจำเป็นต้องวางจุดสนใจให้กับท่านปู่ชิว

พูดตามความจริง จิ่งหนิงไม่ได้ไม่ชอบท่านปู่ชิว

ดังนั้น ขณะนี้เมื่อต้องเผชิญกับการค้นตัว เธอก็จะรู้สึกผิดนิดหน่อย

ยืนอยู่หน้าเตียง สองมือพนมมือไว้ พูดเบาๆ ว่า: “ท่านปู่ชิว ต้องขออภัยจริงๆ เมื่อเจอเรื่องสำคัญก็ต้องปฏิบัติไว้ก่อน พวกหนูไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ วันนี้ล่วงเกินแล้ว วันหลังถ้ามีโอกาสจะชดเชยเป็นสองเท่าแน่นอน”

พูดจบจึงยื่นมือค้นตัวของเขา

แต่หลังจากหาแล้วรอบหนึ่ง ก็ไม่เจอแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้นในตัวท่านปู่เลยเหมือนกัน

เธอลองหาบริเวณรอบๆ เตียงอีกรอบหนึ่งอย่างละเอียด แม้กระทั่งใต้พื้นเตียงไม้ก็หาไม่เจออยู่ดี

ได้แต่จำใจถอนหายใจคำหนึ่ง หันหลังเดินออกไปข้างนอก

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง อีกสามคนก็หาเสร็จออกมาแล้วเช่นกัน

ทั้งสี่คนรวมตัวอยู่ที่ห้องรับแขก จิ่งหนิงถามว่า: “เป็นไง หาเจอไหม”

ทั้งสามคนต่างส่ายหัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

จิ่งหนิงรู้เลยว่าหาไม่เจอ

เธอถอนหายใจคำหนึ่ง พูดเสียงเบาว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็แสดงว่าของไม่อยู่ที่นี่ พวกเราไปเถอะ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า ทุกคนจึงออกไปจากวิลล่าของตระกูลชิว

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นคือ เมื่อพวกเขาก้าวออกไปแล้ว ข้างหลัง ท่านปู่ชิวที่นอนอยู่ในห้องนอนอยู่ตลอดเวลาก็ลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นมานั่ง

เขามองออกไปหน้าต่าง ทางที่คนกลุ่มนั้นจากไป จากนั้นลงมาจากเตียง หยิบเสื้อกันหนาวที่อยู่ข้างๆ ตัวหนึ่งขึ้นมาสวมใส่ ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก

ไม่นานกลุ่มจิ่งหนิงก็นั่งรถมาเข้าถึงในเมืองและมาถึงสนามบินแล้ว

ลมแห่งคืนฤดูใบไม้ร่วงหนาวมากอยู่แล้ว ทุกคนมาอย่างดีใจ แต่กลับไปอย่างท้อใจ แต่ละคนล้วนอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จิ่งหนิงตบไหล่ปลอบโยนเฉียวฉี พูดเสียงเบาว่า: “อย่าเสียใจเกินไปนะ ยังดีที่พวกเรารู้แล้วว่าของอยู่กับเสี่ยวฮัว ต่อมาแค่ต้องพยายามหาเธอให้เจอ ต้องมีวี่แววแน่นอน”

เฉียวฉีพยักหน้า จำใจยิ้มออกมา

ทุกคนขึ้นเครื่องบินแล้ว

ส่วนตอนนี้ อีกฝั่ง

ท่านปู่ชิวมาถึงใต้ต้นไม้แก่ที่อยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านต้นหนึ่งอย่างเร่งรีบ มองซ้ายมองขวาดู ผิวปากเสียงหนึ่ง

ไม่นานเงาดำหนึ่งเงาก็เดินออกมาจากความมืด

ท่านปู่ชิวมองเขาด้วยสายตาดูถูก “คนล่ะ”

คนนั้นหัวเราะเสียดสีเสียงหนึ่ง “ใจร้อนอะไร ของยังไม่เอาให้ฉันเลย”

สีหน้าของท่านปู่ชิวเปลี่ยนแล้ว

“แกพาคนออกมาฉันดูก่อน ฉันจะให้ของต่อเมื่อเห็นคนแล้ว”

คนนั้นทำหน้าเย็นชา “ตกลงแกเป็นคนสร้างเงื่อนไขหรือฉันกันแน่ ถ้ายังไม่เอาของออกมาให้อีก แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าตัวประกันทิ้งทันที!”

เพิ่งพูดจบลง อยู่ๆ ก็มีคนปรบมือเดินออกมาจากละแวกนั้น

“ช่างสนุกจริงๆ เลย ความจริงแล้วที่ท่านไม่ยอมบอกพวกเราแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ที่ไหนก็เพราะเหตุผลนี้นั่นเอง!”

ทั้งสองคนต่างตกใจ หันหน้ากลับไปดู กลับเห็นพวกจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเดินออกมาจากที่มืด

เปลี่ยนสีหน้าทันที

ชายเสื้อดำคนนั้นหันหลังวิ่งหนีเลย กู้ซือเฉียนเปลี่ยนสายตาและก้าวขาไปตามทันที สองคนหายไปในชั่วพริบตา

จิ่งหนิงยิ้มแย้มเดินมาข้างหน้าท่านปู่ชิว ท่านปู่ชิวชี้พวกเขาอย่างตกอกตกใจ “แก พวกแก…”

จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า: “ท่านปู่ นึกไม่ถึงเลยใช่ไหม ไม่ต้องรีบหรอก ที่นี่หนาวเกินไปแล้ว พวกเรากลับไปบ้านคุยที่บ้าน”

สีหน้าของท่านปู่ชิวเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็ได้แต่กลับไปกับพวกเขาอย่างโมโห

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท