วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 957 ยุให้รำ ตำให้รั่ว

บทที่ 957 ยุให้รำ ตำให้รั่ว

จิ่งหนิงยิ้ม “แต่คุณน้าคะ หนึ่งร้อยล้านมันไม่ใช่น้อยๆ ตราบใดที่ฉันแตะเงินก้อนนี้ จิ่งเซินก็ต้องรู้แน่ ถึงตอนนั้นเขาซักถามขึ้นมา ฉันจะพูดยังไง?”

ลู่หลันจือคิดแล้ว ก็จริงด้วย

เธอลังเลสักพัก “ไม่งั้นเธอก็บอกเขาไปสิ เธอเอาไปซื้อของหมดแล้ว? จิ่งหนิงเอาอกเอาใจเธอขนาดนั้น เงินแค่ร้อยล้านคงไม่มาทะเลาะกับเธอหรอก”

จิ่งหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ซื้อของ……นั่นต้องเห็นของถึงจะได้นะคะ”

“เฮ้อ นั่นง่ายมาก!” ลู่หลันจือโบกมือแล้วพูดขึ้น “เธอก็เอาอัญมณีสองสามอย่างไปหลอกเขาไง ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย คงดูไม่ละเอียดรอบคอบมากหรอก เธอก็บอกว่าเงินนี้เธอซื้ออัญมณีไป เขาคงไม่พูดอะไร”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็ขยิบตาอีกครั้ง พูดขึ้นอย่างลึกลับมาก “ถึงตอนนั้นเงินร้อยล้านนี้น่ะ ฉันคืนให้เธอเป็นการส่วนตัว เงินนี้มันก็เป็นของเธอ เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย?”

จิ่งหนิงตกตะลึง

เห็นท่าทางเล่นหูเล่นตาของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกเศร้าๆ

คุณน้าตระกูลลู่ผู้ทรงเกียรติ ใช้ชีวิตกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ความคิดประเภทยักยอกเงินก็คิดออกมาได้?

เธอส่ายหน้า “คุณน้าคะ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่สามารถหลอกจิ่งหนิง แล้วกลืนเงินร้อยล้านนี้ไปโดยบังเอิญได้ ดังนั้นถ้าคุณต้องการยืมจริงๆ เรื่องนี้ฉันต้องปรึกษากับจิ่งเซิน ถ้าคุณไม่อยากให้เขารู้”

เธอชะงักไป หยิบบัตรธนาคารหนึ่งใบมาจากในกระเป๋าข้างๆ ยื่นมันให้ลู่หลันจือ

“ในนี้เป็นเงินฉันเอง มันไม่เยอะ มีแค่ยี่สิบกว่าล้านเท่านั้น เงินนี้แม้แต่จิ่งเซินก็ไม่รู้ ถ้าคุณไม่รังเกียจก็เอาไปใช้”

ลู่หลันจือเห็นว่าเป็นแบบนี้ สีหน้าก็มืดลงทันที

เธอยืนขึ้นทันที มองจิ่งหนิงด้วยใบหน้าเย็นชา พูดขึ้นด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว “จิ่งหนิง! นี่เธอเห็นฉันเป็นอะไร? เห็นฉันเป็นขอทานเหรอ? ยี่สิบล้าน? ขอบคุณที่เธอยังคิดได้เนอะ! เธอคิดจริงๆ ใช่ไหมว่าตอนนี้ตัวเองดูแลครอบครัวแล้ว กลายเป็นนายหญิงตระกูลลู่ สุดยอดมากแล้วใช่ไหม? อย่าลืมล่ะ ฉันเป็นน้าเธอนะ!”

จิ่งหนิงชินกับท่าทางเปลี่ยนแปลงสีหน้ากะทันหันของเธอตั้งนานแล้ว เห็นเธอไม่เก็บมันไว้ ก็เก็บบัตรไป พูดขึ้นเรียบๆ “ในเมื่อคุณน้ารังเกียจ งั้นก็ช่างมัน สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดจบแล้ว คุณลองพิจารณาเองแล้วกัน”

พูดจบ ก็ไม่สนใจเธออีก หันตัวขึ้นข้างบนไปโดยตรง

ลู่หลันจือเห็นว่าเป็นแบบนี้ ก็โกรธจัดทันที

ชี้ไปที่แผ่นหลังเธอแล้วด่าอย่างรุนแรง

“จิ่งหนิง! เธอหมายความว่าไง? เธออย่าคิดนะว่าเธอแต่งเข้าตระกูลลู่แล้ว ของในตระกูลลู่จะเป็นของเธอทั้งหมด! ฉันจะบอกเธอให้ เธอแซ่จิ่งไม่ใช่แซ่ลู่ คนแซ่ลู่มันคือฉันต่างหาก เธออย่าไป! เธอ……”

เธอทำท่าทางจะพุ่งไป แต่ถูกคนรับใช้สองคนหยุดเอาไว้

ป้าหลิวก้มศีรษะเล็กน้อย พูดอย่างเคารพ “คุณนายกูว คุณนายครอบครัวเราท้องอยู่นะคะ ร่างกายเหนื่อยล้า ต้องพักผ่อน ได้โปรดคุณเบาเสียงหน่อยนะคะ”

ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็จ้องเธออย่างรุนแรง

“ทำไมฉันต้องเบาเสียง? เธอท้องแล้วยังไง? เธอท้องแล้วเป็นสมบัติล้ำค่าเหรอ? แล้วไม่ใช่ท้องครั้งแรกด้วยแอ๊บอะไร!”

แต่ก็แค่พูดเท่านั้น อย่างไรแล้วเมื่อคำนึงว่านั่นคือลูกของลู่จิ่งเซิน ถ้ามีผลที่ตามจริงๆ ก็จะร้ายแรง ด้วยเหตุนี้สุดท้ายก็เลยสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปด้วยความโกรธ

เมื่อออกไป ก็เห็นคนรับใช้รับอานอานกลับมาพอดี

วันนี้วันศุกร์ โรงเรียนที่อานอานเรียนอยู่เรียนแค่ครึ่งวันเท่านั้น ทานอาหารกลางวันเสร็จก็กลับได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ คนขับรถจึงไปรับเธอตั้งแต่เนิ่นๆ ในเวลานี้เข้าบ้านมา และเจอเธอพอดี

อานอานเห็นเธอ ดวงตาก็เป็นประกาย ตะโกนเรียกเสียงดัง “คุณย่ากูว”

แน่นอนว่าลู่หลันจือเห็นเธอแล้ว ก็กลอกดวงตา มีความชั่วร้ายเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เธอเดินไป ยิ้มแล้วพูดขึ้น “วันนี้อานอานกลับมาเร็วจัง?”

อานอานพยักหน้าอย่างดีใจ “อืม วันนี้วันศุกร์ โรงเรียนเรียนแค่ครึ่งวันค่ะ”

ลู่หลันจือลูบศีรษะเล็กของเธอ “งั้นพอดีเลย เดี๋ยวอีกสักครู่หนูเก็บของได้เลยนะ จะย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณปู่ทวดและคุณย่าทวด”

อานอานตกตะลึง ภายในดวงตาสดใสมีความสงสัยและความไม่เข้าใจเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณปู่ทวดกับคุณย่าทวดเหรอคะ? ทำไมคะ?”

ลู่หลันจือย่อตัวลง “หนูยังไม่รู้เหรอ? คุณแม่หนูมีเด็กน้อยอีกคนแล้ว”

อานอานยิ่งสงสัย “หนูรู้ค่ะ เมื่อคืนแม่ยังถามหนูอยู่เลยว่าอยากได้น้องสาวหรือน้องชาย หนูเลือกน้องสาวค่ะ”

ขณะที่เธอพูด ก็หรี่ตายิ้มอย่างสุขใจ

ลู่หลันจือทำเสียงจุ๊ๆ แล้วส่ายหน้า ถอนหายใจหนึ่งครั้ง

“เด็กโง่ น้องสาวคนเล็กไง หนูไม่รู้เหรอว่ามีน้องสาวคนเล็กแล้ว หนูจะต้องโดนทิ้ง?”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป อานอานก็อึ้งทันที มองเธออย่างเหม่อลอย

ลู่หลันจือพูดอีกครั้ง “หนูต้องเข้าใจนะ ถึงแม่จะดีกับหนูแค่ไหน เธอก็ไม่ได้คลอดหนูเอง จิ้งเจ๋อน้อยเป็นเด็กผู้ชาย หนูยังไม่รู้สึก ถ้าแม่หนูคลอดลูกสาวอีกจริงๆ เด็กผู้หญิงสองคนอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นหนูถึงจะรู้สึกได้ แล้วหนูจะเสียใจภายหลังนะ”

ในที่สุดอานอานก็เข้าใจความหมายของเธอ

ผลักเธอออก แล้วพูดด้วยเสียงโกรธ “คุณพูดมั่ว! แม่รักหนูมากที่สุด ไม่มีทางรักแค่น้องสาวไม่รักหนู คุณพูดมั่ว!”

ลู่หลันจือยืนขึ้น มองเธออย่างเย็นชา

“ฉันไม่ได้พูดมั่ว หนูกลับไปก็รู้แล้ว เพราะน้องสาว แม่หนูจะเอาหนูไปฝากเลี้ยงที่บ้านย่าทวด ถ้าหนูไม่เชื่อ เดี๋ยวกลับไปดูสิว่าเธอพูดกับหนูแบบนี้หรือเปล่า ถึงตอนนั้นหนูก็จะเชื่อฉัน”

อานอานมองเธอ ผลักเธอออกไปด้วยความเสียใจ และไม่พูดกับเธอแล้ว วิ่งตรงเข้าไปในคฤหาสน์

คนขับรถตามมาด้านหลัง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ก็รีบตามไปติดๆ

ภายในคฤหาสน์

หลังจากจิ่งหนิงกลับมาถึงห้อง ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันศุกร์ อานอานมีเรียนแค่ครึ่งวัน เดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้ว

เธอรีบเดินออกไปถามป้าหลิว “ป้าหลิวคะ อานอานจะกลับมาแล้วใช่ไหม?”

ป้าหลิวนึกขึ้นได้ ก็เคาะศีรษะตัวเอง “อุ๊ยตาย ใช่ค่ะ ดูความทรงจำฉันสิ เกือบลืมไปเลย ฉันจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้”

กำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นร่างเล็กวิ่งเข้ามาตรงประตูทางเข้า ไม่ใช่อานอานแล้วจะเป็นใครอีก?

คนขับรถตามหลังเธอ ถือกระเป๋านักเรียนให้เธอ เมื่อเห็นจิ่งหนิง ก็รีบทักทายด้วยความเคารพ “สวัสดีครับคุณนาย”

จิ่งหนิงพยักหน้า สังเกตเห็นสีหน้าอานอานค่อนข้างผิดปกติ ก็ลงมาข้างล่างแล้วถามขึ้น “อานอาน ลูกเป็นอะไร? ทำไมสีหน้าแย่แบบนี้?”

อานอานมองเธอด้วยใบหน้าไม่พอใจ ถามขึ้น “แม่คะ แม่จะส่งหนูไปอยู่บ้านคุณย่าทวดใช่หรือเปล่า?”

จิ่งหนิงตกตะลึง ค่อนข้างงุนงง

“ลูกรู้ได้ยังไง?”

เมื่ออานอานได้ยิน ก็ระเบิดด้วยความโกรธทันที

ผลักเธอออก แล้วพูดด้วยเสียงโกรธ “หนูไม่ต้องการแม่แล้ว หนูเกลียดแม่”

พูดจบ ก็วิ่งไปที่ห้องตัวเอง

จิ่งหนิงถูกเธอผลักจนถอยหลังไปสองสามก้าว ป้าหลิวตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน รีบวิ่งไปประคองเธอ

“คุณนาย คุณเป็นยังไงบ้างคะ? คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

จิ่งหนิงโบกมือ มองไปทางห้องอานอาน แล้วขมวดคิ้ว

อานอานมีนิสัยเชื่อฟัง ปกติจะไม่โมโหแบบนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท