วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 963 เก็บจี้หยกได้

บทที่ 963 เก็บจี้หยกได้

อัญมนีล็อตนี้ของเจ้านายหยู เป็นอัญมณีที่ขุดมาจากเหมืองแร่ที่หาเจอใหม่ ตอนนี้ทางด้านนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่ของมันถูกขุดออกมาแล้ว มันก็จะถูกคนรู้ไม่ช้าก็เร็ว

ในเวลานี้เขาก็กังวลเรื่องนี้อยู่ตลอด เสียดายเหมืองแร่แห่งนี้ที่กว่าจะสำรวจเจอ ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเนื้อติดมันขนาดใหญ่ ตัวเองคนเดียวรับไม่ไหวแน่นอน ดังนั้นกำลังคิดหาทางแก้ไขอยู่ ลู่หลันจือก็มาหาถึงที่

เขาลังเลสักพัก แล้วถามขึ้น “ที่คุณลู่มาในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจของตัวเอง หรือว่าของตระกูลลู่?”

ลู่หลันจือเลิกคิ้วด้วยความโกรธ “มันต่างอะไรกันเหรอ? ทำไม? คุณไม่เชื่อใจฉันหรือไม่เชื่อใจตระกูลลู่ล่ะ?”

เจ้านายหยูยิ้มกระอักกระอ่วน “ไม่ใช่ไม่เชื่อใจครับ แต่……ยังไงแล้วนี่มันก็เรื่องใหญ่ การลงทุนแร่ไม่ใช่ว่าเงินเพียงเล็กน้อยแล้วจะทำได้ ฉันรู้คุณลู่มีเงิน แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันคิดว่าคุณจำเป็นต้อง……”

ลู่หลันจือยิ้มเยาะ “ฉันก็ถือว่าฟังออกนะ คุณไม่ใช่แค่กลัวว่าฉันไม่มีเงิน แต่กลัวตระกูลลู่ไม่สนับสนุนให้ฉันทำเรื่องนี้ใช่ไหม?”

ขณะที่เธอพูด ก็เปิดกระเป๋าถือออกมา ควักเช็คใบหนึ่งออกมาตบลงบนโต๊ะ

“ไม่งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เจ้านายหยู คุณบอกฉันมาว่าเหมืองของคุณอยู่ที่ไหน ยี่สิบล้านนี่ถือเป็นการมัดจำเงินของฉันให้คุณ คุณบอกฉันมาว่าต้องลงทุนเงินเท่าไร เดี๋ยวฉันไปดูเหมืองแร่แล้วจะโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีคุณ”

แววตาสีหน้าของเจ้านายหยูยิ่งกระอักกระอ่วน รีบเอาเช็คใบนั้นกลับไป

“คุณลู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

เขาชะงักไป แล้วพูดเสียงเข้ม “คืองี้นะครับ ในเมื่อคุณอยากร่วมมือจริงๆ ฉันบอกคุณเกี่ยวกับมันก็ไม่เสียหาย ฉันเจอเหมืองแร่ที่ขนาดใหญ่มาก และมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์จริงๆ แต่ต้องขอโทษคุณจริงๆ ที่ตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกตำแหน่งโดยละเอียดให้คุณได้ เหมืองแร่นี้ ในปัจจุบันฉันอยากหาคนมีความสามารถมาขุดร่วมกันจริงๆ ถ้าคุณอยากลงทุนจริงๆ อย่างน้อยต้องมีพันห้าร้อยล้าน ถ้าน้อยกว่านั้น เหมืองนี้แค่เราสองคนมันไม่พอจริงๆ เงินจำนวนนี้มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ไม่งั้นคุณลองพิจารณามันอย่างรอบคอบอีกครั้ง ถ้าพิจารณาชัดเจนแล้วก็มาบอกฉัน ฉันค่อยพาคุณไป ว่าไง?

ลู่หลันจือขมวดคิ้ว “พันห้าร้อยล้าน? เยอะขนาดนี้เชียว?”

“ใช่ครับ นี่แค่ครึ่งเดียวนะ ฉันต้องออกอีกครึ่ง ถึงตอนนั้นเราก็แบ่งกันครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องขุดถ้าคุณไม่สะดวก ฉันก็ช่วยคุณรับผิดชอบได้”

ลู่หลันจือลังเลสักพัก ก็คิดๆ ดู “เอางี้แล้วกัน ฉันกลับไปถามก่อน ถ้ามีเงินพอแล้ว ฉันจะมาหาคุณอีกครั้ง”

เจ้านายหยูยิ้มอย่างพอใจทันที “เฮ้อ โอเค งั้นก็ลำบากคุณลู่ด้วยนะครับ”

ลู่หลันจือยืนขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไปก่อนนะคะ”

“คุณลู่ ฉันจะไปส่งคุณครับ”

ลู่หลันจือโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ต้องไปเข้าห้องน้ำก่อน คุณส่งแค่นี้ก็แล้วกัน ฉันรู้ว่าทางมันเดินยังไง”

เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาและหัวรั้น เจ้านายหยูก็เลยไม่ไปส่ง ทำได้แค่หยุดฝีเท้า เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีอีกครั้ง “ห้องน้ำVIPอยู่ด้านซ้าย คุณลู่อย่าเดินผิดนะครับ”

ลู่หลันจือโบกมือ บ่งบอกว่ารู้

เมื่อเธอไปแล้ว โม่ไฉ่เวยที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณลู่ท่านนี้……ตรงไปตรงมาได้น่ารักจัง”

เจ้านายหยูหันศีรษะกลับมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ส่ายหน้าพูดขึ้น “อะไรคือตรงไปตรงมาได้น่ารักจัง? ในเมืองหลวงข่าวลือเกี่ยวกับเธอไม่ดีเลย พูดเพราะๆ ก็เรียกว่าตรงไปตรงมา พูดไม่เพราะก็เรียกเจ้าเล่ห์ การบังคับซื้อขายแบบนี้เธอไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าทำอย่างชำนาญคุ้นเคยอย่างมาก”

โม่ไฉ่เวยเห็นเขาบ่น ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ยังไงก็ไม่ได้มีเจตนาเกลียดชัง ก็ยังดี”

เจ้านายหยูพยักหน้า “ก็ยังดี”

ขณะที่พูด จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เงยหน้ามองไปทางพวกเขา

“จริงสิ พวกคุณเดินที่นี่ตั้งนานแล้ว เหนื่อยแล้วใช่ไหม? ต้องการให้ฉันส่งพวกคุณกลับคฤหาสน์ไปพักผ่อนก่อนไหม?”

โม่ไฉ่เวยยืนขึ้นมา “ไม่รบกวนพี่หยูแล้ว ฉันกับอะซู่มาจากที่นั่นตั้งแต่เช้า รู้ว่าไปยังไง เรากลับไปเองก็ได้ค่ะ”

เชวซู่ก็พูดคล้อยตาม “ใช่ครับ เรากลับไปเองก็ได้ คุณยังยุ่งกับที่นี่อยู่เลย คุณไปทำธุระคุณเถอะครับ”

เจ้านายหยูเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ถึงจะไม่เต็มใจแค่ไหน ก็พูดกำชับ “งั้นพวกคุณก็เดินทางระมัดระวัง”

ทั้งสองพยักหน้าก่อนจากไป

หลังจากพวกเขาไปแล้ว เจ้านายหยูกำลังจะออกไป ทันใดนั้นก็เห็นลู่หลันจือออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินมาทางนี้

เขารู้สึกปวดศีรษะ แต่ก็ไม่สามารถทำเป็นไม่เห็นได้ ทำได้แค่ยิ้มชอบใจไปทักทาย

“ไม่ทราบว่าคุณลู่ต้องการอะไรอีกครับ?”

ลู่หลันจือพูดขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากบอกคุณไว้ก่อน ก่อนที่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ เรื่องเหมืองนี้ คุณห้ามบอกใครอีก และห้ามไปขอความร่วมมือจากคนอื่น ทุกอย่างต้องรอคำตอบกลับจากฉันก่อนค่อยว่ากัน เข้าใจไหม?”

เจ้านายหยูรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”

ลู่หลันจือจึงพูดขึ้นว่า “ดี งั้นฉันไปแล้วนะ”

“คุณลู่เดินทางปลอดภัยครับ”

เจ้านายหยูก็ส่งลู่หลันจือไปในที่สุด ก่อนจะโล่งอก

และในเวลานี้ ลู่หลันจือเดินมาถึงประตู ปลายเท้าจู่ๆ ก็เหยียบของแข็งชิ้นหนึ่ง เธอขมวดคิ้วเลื่อนเท้าออกเพื่อดู กลับเห็นจี้หยกดอกบัวโปร่งใสชิ้นหนึ่ง

เธอหมอบลงด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ เก็บจี้หยกขึ้นมาแล้วดูอย่างละเอียด

แค่เห็นจี้หยกชิ้นนั้นโปร่งใส่เกลี้ยงเกลา ระดับความโปร่งใสสูงมาก บวกกับการแกะสลักอย่างดี เสมือนจริง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา

นี่มันของใคร? ทำไมมาหล่นตรงนี้?

ในใจกำลังครุ่นคิด ในเวลานี้ เสียงหวานหนึ่งก็ลอยมา

“พี่หลันจือ ทำไมพี่ออกมาแล้วไม่เรียกผมล่ะ”

เมื่อครู่นี้เห้อหยวนที่รอเธออยู่ด้านนอกตลอดเวลาก็วิ่งมา โอบแขนเธอทำท่าเจ้าชู้

ลู่หลันจือกำลังรำคาญ อีกฝ่ายจู่ๆ ก็เห็นจี้หยกในมือเธอพอดี ดวงตาเป็นประกาย “พี่หลันจือ จี้หยกอันนี้สวยมากอ่า ให้ผมเหรอ?”

ลู่หลันจือมองเขา ดวงตาเย็นชาไม่แยแส “ฝันไปเถอะ”

พูดจบ ก็ใส่มันลงกระเป๋าตัวเอง แล้วรีบเดินจากไป

เห้อหยวนตกตะลึง รีบร้องไห้แล้วตามไป

“พี่หลันจือ พี่อย่าเดินเร็วนักสิ รอผมด้วย!”

หลังจากลู่หลันจือออกไป ขึ้นรถแล้ว เพิ่งสตาร์ตรถ ก็เห็นเห้อหยวนตามออกมา ทำได้แค่พูดอย่างหมดหนทาง “ตอนนี้ฉันมีธุระต้องทำ นายนั่งรถกลับไปเองเถอะนะ ค่าขนมที่ออกมาเป็นเพื่อนฉันวันนี้ เดี๋ยวฉันเอาโทรศัพท์โอนให้นาย เอาตามนี้แหละ บ๊ายบาย”

พูดจบ ก็ขับรถจากไปทันที

เห้อหยวนถูกเธอทิ้งไว้ที่ริมถนน เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลย

แต่สุดท้าย ก็ทำได้แค่ทำเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความโกรธ แล้วนั่งรถกลับไปเอง

จริงๆ แล้ว ที่ลู่หลันจือไม่ยอมเอาเขาไปด้วย ต้องมีเหตุผลแน่

เมื่อครู่นี้เธอคิดอย่างรอบคอบ พันห้าร้อยล้าน ถือว่ายกเอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา รวมถึงขายตัวเอง ก็รวบรวมไม่ได้เงินเท่านี้

แต่ตอนนี้โอกาสดีขนาดนี้อยู่ตรงหน้า ถ้าทิ้งไปจริงๆ เธอไม่ยอมหรอก

ดังนั้น เธอต้องหาวิธีหาเงินให้ได้สิ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท