อัญมนีล็อตนี้ของเจ้านายหยู เป็นอัญมณีที่ขุดมาจากเหมืองแร่ที่หาเจอใหม่ ตอนนี้ทางด้านนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่ของมันถูกขุดออกมาแล้ว มันก็จะถูกคนรู้ไม่ช้าก็เร็ว
ในเวลานี้เขาก็กังวลเรื่องนี้อยู่ตลอด เสียดายเหมืองแร่แห่งนี้ที่กว่าจะสำรวจเจอ ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นเนื้อติดมันขนาดใหญ่ ตัวเองคนเดียวรับไม่ไหวแน่นอน ดังนั้นกำลังคิดหาทางแก้ไขอยู่ ลู่หลันจือก็มาหาถึงที่
เขาลังเลสักพัก แล้วถามขึ้น “ที่คุณลู่มาในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจของตัวเอง หรือว่าของตระกูลลู่?”
ลู่หลันจือเลิกคิ้วด้วยความโกรธ “มันต่างอะไรกันเหรอ? ทำไม? คุณไม่เชื่อใจฉันหรือไม่เชื่อใจตระกูลลู่ล่ะ?”
เจ้านายหยูยิ้มกระอักกระอ่วน “ไม่ใช่ไม่เชื่อใจครับ แต่……ยังไงแล้วนี่มันก็เรื่องใหญ่ การลงทุนแร่ไม่ใช่ว่าเงินเพียงเล็กน้อยแล้วจะทำได้ ฉันรู้คุณลู่มีเงิน แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันคิดว่าคุณจำเป็นต้อง……”
ลู่หลันจือยิ้มเยาะ “ฉันก็ถือว่าฟังออกนะ คุณไม่ใช่แค่กลัวว่าฉันไม่มีเงิน แต่กลัวตระกูลลู่ไม่สนับสนุนให้ฉันทำเรื่องนี้ใช่ไหม?”
ขณะที่เธอพูด ก็เปิดกระเป๋าถือออกมา ควักเช็คใบหนึ่งออกมาตบลงบนโต๊ะ
“ไม่งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เจ้านายหยู คุณบอกฉันมาว่าเหมืองของคุณอยู่ที่ไหน ยี่สิบล้านนี่ถือเป็นการมัดจำเงินของฉันให้คุณ คุณบอกฉันมาว่าต้องลงทุนเงินเท่าไร เดี๋ยวฉันไปดูเหมืองแร่แล้วจะโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีคุณ”
แววตาสีหน้าของเจ้านายหยูยิ่งกระอักกระอ่วน รีบเอาเช็คใบนั้นกลับไป
“คุณลู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เขาชะงักไป แล้วพูดเสียงเข้ม “คืองี้นะครับ ในเมื่อคุณอยากร่วมมือจริงๆ ฉันบอกคุณเกี่ยวกับมันก็ไม่เสียหาย ฉันเจอเหมืองแร่ที่ขนาดใหญ่มาก และมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์จริงๆ แต่ต้องขอโทษคุณจริงๆ ที่ตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกตำแหน่งโดยละเอียดให้คุณได้ เหมืองแร่นี้ ในปัจจุบันฉันอยากหาคนมีความสามารถมาขุดร่วมกันจริงๆ ถ้าคุณอยากลงทุนจริงๆ อย่างน้อยต้องมีพันห้าร้อยล้าน ถ้าน้อยกว่านั้น เหมืองนี้แค่เราสองคนมันไม่พอจริงๆ เงินจำนวนนี้มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ไม่งั้นคุณลองพิจารณามันอย่างรอบคอบอีกครั้ง ถ้าพิจารณาชัดเจนแล้วก็มาบอกฉัน ฉันค่อยพาคุณไป ว่าไง?
ลู่หลันจือขมวดคิ้ว “พันห้าร้อยล้าน? เยอะขนาดนี้เชียว?”
“ใช่ครับ นี่แค่ครึ่งเดียวนะ ฉันต้องออกอีกครึ่ง ถึงตอนนั้นเราก็แบ่งกันครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องขุดถ้าคุณไม่สะดวก ฉันก็ช่วยคุณรับผิดชอบได้”
ลู่หลันจือลังเลสักพัก ก็คิดๆ ดู “เอางี้แล้วกัน ฉันกลับไปถามก่อน ถ้ามีเงินพอแล้ว ฉันจะมาหาคุณอีกครั้ง”
เจ้านายหยูยิ้มอย่างพอใจทันที “เฮ้อ โอเค งั้นก็ลำบากคุณลู่ด้วยนะครับ”
ลู่หลันจือยืนขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไปก่อนนะคะ”
“คุณลู่ ฉันจะไปส่งคุณครับ”
ลู่หลันจือโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ต้องไปเข้าห้องน้ำก่อน คุณส่งแค่นี้ก็แล้วกัน ฉันรู้ว่าทางมันเดินยังไง”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาและหัวรั้น เจ้านายหยูก็เลยไม่ไปส่ง ทำได้แค่หยุดฝีเท้า เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีอีกครั้ง “ห้องน้ำVIPอยู่ด้านซ้าย คุณลู่อย่าเดินผิดนะครับ”
ลู่หลันจือโบกมือ บ่งบอกว่ารู้
เมื่อเธอไปแล้ว โม่ไฉ่เวยที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณลู่ท่านนี้……ตรงไปตรงมาได้น่ารักจัง”
เจ้านายหยูหันศีรษะกลับมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ส่ายหน้าพูดขึ้น “อะไรคือตรงไปตรงมาได้น่ารักจัง? ในเมืองหลวงข่าวลือเกี่ยวกับเธอไม่ดีเลย พูดเพราะๆ ก็เรียกว่าตรงไปตรงมา พูดไม่เพราะก็เรียกเจ้าเล่ห์ การบังคับซื้อขายแบบนี้เธอไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าทำอย่างชำนาญคุ้นเคยอย่างมาก”
โม่ไฉ่เวยเห็นเขาบ่น ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ยังไงก็ไม่ได้มีเจตนาเกลียดชัง ก็ยังดี”
เจ้านายหยูพยักหน้า “ก็ยังดี”
ขณะที่พูด จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เงยหน้ามองไปทางพวกเขา
“จริงสิ พวกคุณเดินที่นี่ตั้งนานแล้ว เหนื่อยแล้วใช่ไหม? ต้องการให้ฉันส่งพวกคุณกลับคฤหาสน์ไปพักผ่อนก่อนไหม?”
โม่ไฉ่เวยยืนขึ้นมา “ไม่รบกวนพี่หยูแล้ว ฉันกับอะซู่มาจากที่นั่นตั้งแต่เช้า รู้ว่าไปยังไง เรากลับไปเองก็ได้ค่ะ”
เชวซู่ก็พูดคล้อยตาม “ใช่ครับ เรากลับไปเองก็ได้ คุณยังยุ่งกับที่นี่อยู่เลย คุณไปทำธุระคุณเถอะครับ”
เจ้านายหยูเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ถึงจะไม่เต็มใจแค่ไหน ก็พูดกำชับ “งั้นพวกคุณก็เดินทางระมัดระวัง”
ทั้งสองพยักหน้าก่อนจากไป
หลังจากพวกเขาไปแล้ว เจ้านายหยูกำลังจะออกไป ทันใดนั้นก็เห็นลู่หลันจือออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินมาทางนี้
เขารู้สึกปวดศีรษะ แต่ก็ไม่สามารถทำเป็นไม่เห็นได้ ทำได้แค่ยิ้มชอบใจไปทักทาย
“ไม่ทราบว่าคุณลู่ต้องการอะไรอีกครับ?”
ลู่หลันจือพูดขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากบอกคุณไว้ก่อน ก่อนที่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ เรื่องเหมืองนี้ คุณห้ามบอกใครอีก และห้ามไปขอความร่วมมือจากคนอื่น ทุกอย่างต้องรอคำตอบกลับจากฉันก่อนค่อยว่ากัน เข้าใจไหม?”
เจ้านายหยูรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
ลู่หลันจือจึงพูดขึ้นว่า “ดี งั้นฉันไปแล้วนะ”
“คุณลู่เดินทางปลอดภัยครับ”
เจ้านายหยูก็ส่งลู่หลันจือไปในที่สุด ก่อนจะโล่งอก
และในเวลานี้ ลู่หลันจือเดินมาถึงประตู ปลายเท้าจู่ๆ ก็เหยียบของแข็งชิ้นหนึ่ง เธอขมวดคิ้วเลื่อนเท้าออกเพื่อดู กลับเห็นจี้หยกดอกบัวโปร่งใสชิ้นหนึ่ง
เธอหมอบลงด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ เก็บจี้หยกขึ้นมาแล้วดูอย่างละเอียด
แค่เห็นจี้หยกชิ้นนั้นโปร่งใส่เกลี้ยงเกลา ระดับความโปร่งใสสูงมาก บวกกับการแกะสลักอย่างดี เสมือนจริง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา
นี่มันของใคร? ทำไมมาหล่นตรงนี้?
ในใจกำลังครุ่นคิด ในเวลานี้ เสียงหวานหนึ่งก็ลอยมา
“พี่หลันจือ ทำไมพี่ออกมาแล้วไม่เรียกผมล่ะ”
เมื่อครู่นี้เห้อหยวนที่รอเธออยู่ด้านนอกตลอดเวลาก็วิ่งมา โอบแขนเธอทำท่าเจ้าชู้
ลู่หลันจือกำลังรำคาญ อีกฝ่ายจู่ๆ ก็เห็นจี้หยกในมือเธอพอดี ดวงตาเป็นประกาย “พี่หลันจือ จี้หยกอันนี้สวยมากอ่า ให้ผมเหรอ?”
ลู่หลันจือมองเขา ดวงตาเย็นชาไม่แยแส “ฝันไปเถอะ”
พูดจบ ก็ใส่มันลงกระเป๋าตัวเอง แล้วรีบเดินจากไป
เห้อหยวนตกตะลึง รีบร้องไห้แล้วตามไป
“พี่หลันจือ พี่อย่าเดินเร็วนักสิ รอผมด้วย!”
หลังจากลู่หลันจือออกไป ขึ้นรถแล้ว เพิ่งสตาร์ตรถ ก็เห็นเห้อหยวนตามออกมา ทำได้แค่พูดอย่างหมดหนทาง “ตอนนี้ฉันมีธุระต้องทำ นายนั่งรถกลับไปเองเถอะนะ ค่าขนมที่ออกมาเป็นเพื่อนฉันวันนี้ เดี๋ยวฉันเอาโทรศัพท์โอนให้นาย เอาตามนี้แหละ บ๊ายบาย”
พูดจบ ก็ขับรถจากไปทันที
เห้อหยวนถูกเธอทิ้งไว้ที่ริมถนน เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่สุดท้าย ก็ทำได้แค่ทำเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความโกรธ แล้วนั่งรถกลับไปเอง
จริงๆ แล้ว ที่ลู่หลันจือไม่ยอมเอาเขาไปด้วย ต้องมีเหตุผลแน่
เมื่อครู่นี้เธอคิดอย่างรอบคอบ พันห้าร้อยล้าน ถือว่ายกเอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา รวมถึงขายตัวเอง ก็รวบรวมไม่ได้เงินเท่านี้
แต่ตอนนี้โอกาสดีขนาดนี้อยู่ตรงหน้า ถ้าทิ้งไปจริงๆ เธอไม่ยอมหรอก
ดังนั้น เธอต้องหาวิธีหาเงินให้ได้สิ