วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 986 เธอฆ่าคน

บทที่ 986 เธอฆ่าคน

ถึงยังไงจิ่งหนิงก็ยังตั้งครรภ์อยู่ ต่อให้เธอจะคิดว่าสุขภาพตัวเองแข็งแรงดี ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้

แต่สำหรับลู่จิ่งเซิน เขาจะไม่ใส่ใจไม่ได้

จิ่งหนิงเห็นดังนั้น ก็ไม่อยากจะทิ้งความหวังดีของเขา เธอคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “งั้นก็ให้คนขึ้นมาส่ง แล้วก็ทานที่ห้องก็แล้วกัน”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้ารับ หลังจากถามว่าเธออยากทานอะไร เขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งอาหาร แล้วก็ให้คนขึ้นมาส่ง

ทั้งสองทานอาหารค่ำด้วยกัน ผ่านไปไม่นาน โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ ก็กลับมา

โม่ไฉ่เวยค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของจิ่งหนิง พอกลับมาในโรงแรมเธอก็ตั้งใจเข้ามาหาจิ่งหนิงโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันจิ่งหนิงก็กำลังทานข้าวอยู่ พอเห็นเธอเข้ามาก็รีบยืนขึ้นทันที

“คุณแม่ กลับมาแล้วเหรอคะ”

โม่ไฉ่เวยรีบเข้าไปกดเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ทันที “ใช่ พวกเราออกไปเดินเล่นมานิดหน่อยแล้วก็กลับเข้ามา ลูกเป็นยังไงบ้าง? วันนี้เหนื่อยขนาดนี้ สุขภาพร่างกายเป็นยังไง?”

“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ สบายดี”

จิ่งหนิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

แต่โม่ไฉ่เวยก็ยังไม่วางใจ เธอเองก็ไม่ใช่คนเย็นชา ถึงแม้จะจำเรื่องในอดีตไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่จิ่งหนิงคอยเอาใจใส่และคอยเป็นห่วงเธอในช่วงที่ผ่านมานี้เธอทั้งมองเห็น ทั้งสัมผัสได้ เพราะงั้น เธอถึงมีใจที่เป็นห่วงและหวังดีต่อจิ่งหนิงจริง ๆ

โม่ไฉ่เวยมองไปทางเชวซู่ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“อะซู่หนิงหนิงกำลังท้องอยู่ ต้องกำหนดวันเวลาตรวจร่างกายนะ สองวันนี้ก็วิ่งไปทั่ว ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะได้รับผลกระทบอะไรรึเปล่า คุณช่วยตรวจให้เธอหน่อยได้ไหม?”

จิ่งหนิงชะงักไป ก่อนจะถามด้วยคววามสงสัยว่า “ที่นี่อุปกรณ์อะไรก็ไม่มี จะตรวจยังไงคะ?”

โม่ไฉ่เวยยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรอก คุณอาเชวของลูกไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญแพทย์แผนตะวันตกนะ ท่านยังเรียนแพทย์แผนจีนเพิ่มอีก นอกจากนี้ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องชีพจรที่เก่งมากด้วย”

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับพร้อมกับร้อง “อ๋อ” ขึ้นมาทันที

เชวซู่เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเธอ “ยื่นมือออกมาสิ”

จิ่งหนิงค่อย ๆ ยื่นมือออกไป

เชวซู่ใช้สองนิ้วทาบไว้ตรงจุดชีพจรของเธอ ผ่านไปสักพัก ก็ให้เธอยื่นมืออีกข้างมา

พอตรวจอย่างละเอียดอยู่สักพัก เขาก็ยืดตัวขึ้น

“ไม่เป็นอะไร เธอสบายดี”

จิ่งหนิงดึงมือกลับ พร้อมกับปล่อยแขนเสื้อลง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณแม่ดูสิคะ หนูบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร”

โม่ไฉ่เวยยิ้มอย่างจนปัญญา “ลูกนี่ ไม่เคยจะใส่ใจว่าร่างกายตัวเองจะเป็นยังไงเลยนะ”

ถึงแม้จิ่งหนิงจะไม่ค่อยใส่ใจ แต่ลู่จิ่งเซินกลับใส่ใจมาก

ดังนั้น เขาจึงหันไปพูดกับ เชวซู่ด้วยความเคารพ “ขอบคุณมากครับ”

เชวซู่ตอบรับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ไม่ต้องเกรงใจ”

ทั้งหมดพูดคุยกันอยู่สักพัก โม่ไฉ่เวยก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาทานอาหารของพวกเขา เธอเลยขอตัวกลับห้องตัวเองก่อน

หลังจากทานเสร็จ จิ่งหนิงก็ให้ลู่จิ่งเซินพาเธอออกไปเดินที่ระเบียงเพื่อย่อยอาหารสักหน่อย

บังเอิญอานอานโทรศัพท์เข้ามาหาเธอพอดี

ตอนนี้อานอานมีโทรศัพท์เป็นของตัวเองแล้ว เธอเลยส่งข้อความแล้วก็โทรหาจิ่งหนิงอยู่บ่อย ๆ ถึงแม้จะแค่ไม่กี่ประโยค บางทีก็แค่บอกว่าคิดถึงหม่ามี๊ หรือไม่ก็ถามว่าหม่ามี๊ทำอะไรอยู่

แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ถูกส่งมา ทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรู้สึกต้องการที่พึ่งพิงจากเด็ก ๆ

จิ่งหนิงถือโทรศัพท์ไว้ พลางเดินไปเดินมาไปด้วยขณะคุย

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่จิ้งเจ๋อน้อยต่างหากที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของเธอ แต่พออยู่ในบ้าน จิ้งเจ๋อน้อยกลับสนิทสนมกับลู่จิ่งเซินมากกว่า กลายเป็นอานอานที่ติดเธอแจ ราวกับว่าเธอคือแม่แท้ ๆ ก็ไม่ปาน

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พออานอานเริ่มโตขึ้น โครงร่างความเป็นหญิงสาวเริ่มปรากฏออกมา จิ่งหนิงก็พบว่าเด็กสาวยิ่งโตยิ่งเหมือนกับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้เธอประหลาดใจคนเดียว แม้กระทั่งทางป้าหลิว ยังพากันหัวเราะแล้วบอกว่าอานอานนั้นเหมือนกับเธออย่างกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน

ท่านย่าเชิ๋นเองก็รู้เรื่องนี้ แต่ท่านย่านั้นผ่านประสบการณ์มาเยอะแล้ว ท่านเลยไม่ได้ติดใจอะไร

ตรงกันข้ามท่านกลับหัวเราะน้อย ๆ พร้อมกับบอกว่า เด็กคนนี้กับจิ่งหนิงมีวาสนาต่อกัน ทั้งสองมีชะตาเป็นแม่ลูก ก็ต้องคล้ายกันเป็นธรรมดา

สรุปก็คือ ผู้คนรอบตัวเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ ดังนั้นจิ่งหนิงเองก็เลยไม่ได้คิดมาก

มีแค่ลู่จิ่งเซินเท่านั้น ที่พอเห็นอานอานตัวติดกับจิ่งหนิงแล้ว นัยน์ตามักจะฉายแววเศร้าสร้อยออกมา

หลังจากที่จิ่งหนิงคุยโทรศัพท์กับอานอานเสร็จ เธอก็เตรียมตัวไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน

แต่ทันใดนั้นเอง อยู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์อีกสายดังขึ้น

ซึ่งก็คือลู่หลันจือที่โทรเข้ามา

พอกดรับสาย ก็ได้ยินเสียงลู่หลันจือร้องไห้มาแต่ไกล

“จิ่งเซิน รีบมาช่วยฉันเร็ว เกิด..เกิดเรื่องแล้ว!”

สีหน้าของลู่จิ่งเซินเปลี่ยนไปทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉัน….ฉันเหมือนจะฆ่าคนไปแล้ว!”

………..

ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็รีบมาหาลู่หลันจือที่บาร์แห่งหนึ่งทันที

บาร์ใต้ดินเหล่านี้ ก็เป็นเหมือนบาร์ปกติทั่วไป สิ่งที่คิดว่าไม่กล้าจะเที่ยเล่น ที่นี่ก็มีให้เห็นทั้งหมด

เช่นมวยใต้ดิน การแสดงเปิดเปลือย รวมถึงพวกทำธุรกิจการค้าที่สกปรกนองเลือด

ลู่จิ่งเซินเองก็คาดไม่ถึง เขาไม่คิดว่าลู่หลันจือจะมาเที่ยวเล่นในที่แบบนี้ สีหน้าของเขานิ่งขรึมมาตลอดทาง

จิ่งหนิงทั้งประหลาดใจและสับสน เธอรู้จักนิสัยใจคอของลู่หลันจือดี เพราะลู่จิ่งเซินเองก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าหล่อนก่อเรื่องใหญ่จนตัวเองไม่สามารถจัดการได้จริง ๆ ปกติแล้วหล่อนก็จะไม่โทรมา

ที่โรงแรม โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ ก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขารีบร้อนออกจากห้อง เลยโทรมาถามด้วยความเป็นห่วง

จิ่งหนิงก็ไม่กล้าเล่ารายละเอียดให้พวกเขาฟัง กลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง เลยบอกแค่ว่าเกิดเรื่องกับลู่หลันจือ พวกเธอเลยต้องตามมาดูสักหน่อย พร้อมกับบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนจะวางสายไป

โม่ไฉ่เวยเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าตัวเองคงช่วยอะไรไม่ได้ เลยไม่อยากสร้างความวุ่นวายเพิ่ม ทั้งสองทำได้แค่กำชับว่าให้ระวังตัวไว้ด้วย แล้วค่อยวางสาย

ในตอนที่ทั้งคู่มาถึงบาร์ ก็พบว่าลู่หลันจือกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่

เบื้องหน้าของเธอ มีร่างของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยสักนอนสลบอยู่

ชายคนนั้น มีรูปร่างไม่สูงมาก น่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบถึงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร หุ่นของเขาค่อนข้างผอมบาง มีผิวสีเข้ม นอนพาดอยู่กับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากหัว โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

พอเห็นลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิง ลู่หลันจือก็รีบยืดตัวขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาพวกเขาทันที

“จิ่งเซิน หนิงหนิง ในที่สุดพวกเธอก็มาสักที”

จิ่งหนิงรีบประคองหล่อนไว้ เธอมองไปยังกลุ่มชายหญิงที่กำลังโยกย้ายไปมาอยู่รอบ ๆ ราวกับฝูงปีศาจ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“ฉัน……”

เธอยังไม่ทันดพูด เบื้องหน้า ก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามา

“เห้ย พวกแกคือญาติ ๆ ของหล่อนใช่ไหม?”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ

เธอกุมมือลู่หลันจือไว้ ก่อนจะถามอีกฝ่ายว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ชายคนนั้นชี้ไปยังคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ จากนั้นก็ชี้มาทางลู่หลันจือ “ผู้หญิงคนนั้น ฆ่าพวกพ้องคนสนิทของเราจนตาย ตอนนี้เราเลยต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากหล่อน ในเมื่อพวกเธอเป็นญาติ งั้นก็เอาเงินออกมา ไม่อย่างนั้นก็เอาเรื่องขึ้นศาลไปเลย แต่ก็คงไม่จบง่าย ๆ เหมือนให้เงินหรอก”

“ใช่ ๆ รีบเอาเงินออกมา!”

“ฆ่าคนตายแต่ให้พวกแกแค่จ่ายเงิน นี่ก็ถือว่าใจดีแค่ไหนแล้ว! รีบเอาเงินออกมาสิ”

อีกฝ่ายมีกำลังคนมากกว่า แถมแต่ละคนยังมีรูปร่างกำยำกันทั้งนั้น ประกอบกับแสงไฟสลัว ๆ ในบาร์ และบรรยากาศที่มีควันจาง ๆ ทำให้หลายคนอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

ทว่าสีหน้าของจิ่งหนิงกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

ส่วนสีหน้าของลู่จิ่งเซินเองก็ยังคงไร้อารมณ์

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท