วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 998 ความพลัดพรากกำลังใกล้เข้ามา

บทที่ 998 ความพลัดพรากกำลังใกล้เข้ามา

ลู่จิ่งเซินนึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง และได้แนะนำเจ้านายหยูให้เขารู้จัก

ถึงแม้ว่าเจ้านายหยูนั้นเป็นแค่นักธุรกิจคนหนึ่ง แต่เรื่องบางเรื่อง อาจจะช่วยอะไรไม่ได้บ้าง

แต่อย่างน้อยแล้วเขาก็ได้ทำธุรกิจที่เมืองTเป็นระยะเวลานาน คุ้นเคยกับคนที่นี่มากกว่าพวกเขา ในเรื่องแบบนี้ บางทีเขาอาจจะช่วยได้จริงๆ

กู้ซือเฉียนพยักหน้า หลังจากที่ได้กล่าวขอบคุณแล้ว ถึงจะมองดูเขาเดินจากไป

เมื่อจิ่งหนิงและคนอื่นๆกลับไปถึงเมืองหลวง ก็เป็นช่วงค่ำมืดแล้ว

เดิมทีเธอต้องการเชิญโม่ไฉ่เวยและเชวซู่ไปพักที่วิลล่าเฟิงเฉียวชั่วคราว แต่ก็ถูกโม่ไฉ่เวยปฏิเสธ

เธอจับมือของจิ่งหนิงไว้และยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมพูดว่า:“หนิงหนิง ขอบคุณนะ ถึงแม้ว่าฉันจะยังนึกเรื่องราวของเมื่อก่อนไม่ออก แต่ฉันในตอนนี้ไม่ค่อยกลัวผู้คนแล้ว ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้คือดีขึ้นมากเลย มันเป็นผลงานของคุณทั้งนั้น”

ในช่วงเวลานี้ จิ่งหนิงได้อยู่ข้างเธอมาโดยตลอด พยายามใช้ความอ่อนโยนและความเมตตาของเธอเพื่อให้เธอรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยังคงใจดีและไม่มีใครอยากทำร้ายเธอ

พอโม่ไฉ่เวยได้อยู่กับเธอมาเป็นเวลานาน และการป้องกันโลกภายนอกจากลึกๆ ในใจของเธอก็ค่อยๆ คลายลง

ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะใกล้คนแปลกหน้าแล้วก็ยังคงกลัวอยู่

แต่ถ้าเป็นการเข้าหาสังคมปกติละก็ก็ยังพอได้อยู่ จะไม่เหมือนกับตอนแรกที่พึ่งมาถึงเมืองหลวงอย่างนั้น พอเห็นคนแปลกหน้าก็ตกใจเป็นอย่างมากอีกต่อไป แต่ต้องมีเชวซู่ดูแลอยู่ข้างๆอย่างไม่ห่างหาย

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า:“แม่ลูกด้วยกันจะพูดคำขอบคุณอีกทำไม ขอแค่เพียงคุณแม่ดีขึ้นมา ฉันก็ดีใจยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด”

ในขณะที่เธอพูดอยู่ ก็เห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทีจะออกจากสนามบิน เธอจึงถามว่า:“นี่พวกคุณวางแผนจะไปไหนกันหรือ?”

โม่ไฉ่เวยยิ้มและพูดว่า:“ออกมาครั้งนี้ พวกเราก็อยู่ที่นี่มานานมากพอแล้ว วางแผนไว้ว่าจะกลับไปวันนี้แหละ เดิมทีแล้วจะกลับตั้งแต่อยู่เมืองTแล้ว แต่ฉันไม่อยากจากคุณไป ก็เลยบินมาเมืองหลวงกับคุณ แต่ตั๋วเครื่องบินที่พวกเราได้จองไว้คืออีกสักพักหนึ่ง เดี๋ยวจะไปในอีกไม่ช้า”

จิ่งหนิงผวา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้

ในใจเธออดไม่ได้จะรู้สึกซาบซึ้งและไม่อยากจะจากกัน จึงจับมือของโม่ไฉ่เวยเอาไว้

“ทำไมพวกคุณถึงกลับไปเร็วเช่นนี้ล่ะ?ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ทันได้พูดคุยอะไรกับคุณเลย”

ขณะที่เธอพูดอยู่ ตาของเธอก็แดงขึ้นมาทันที

โม่ไฉ่เวยก็ตาแดงด้วยเช่นกัน แต่เธอรู้ว่า ถ้าเทียบกับการที่ต้องมาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว เธออยากกลับไปที่ทะเลทรายมากกว่า

“ไม่เป็นนะหนิงหนิง เมื่อไหร่ที่คุณมีเวลาว่าง ก็สามารถมาเที่ยวหาฉันได้ตลอดเวลา ฉันจะส่งที่อยู่ของพวกเราให้คุณ พวกเราก็ยังมีวีแชทอยู่ไม่ใช่หรือ? ก็สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา”

จิ่งหนิงจึงจะเช็ดน้ำตาของเธอและยิ้ม

“โอเค”

พอหลังจากที่ทั้งสองคนพูดจบ ก็ล่ำลากันที่สนามบิน ต่างคนต่างจากไป

เนื่องจากโม่ไฉ่เวยพวกเขาต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอีกที่หนึ่ง จิ่งหนิงพวกเขาต้องออกจากสนามบิน จึงไม่สะดวกในการส่งพวกเขาอีก ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ แล้วต่างคนต่างไปคนละทิศคนละทาง

ระหว่างทางกลับบ้าน จิ่งหนิงรู้สึกถึงความเศร้าโศกเล็กน้อย

ลู่จิ่งเซินรู้แน่นอนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจับมือเธอและปลอบเธอ:“อย่าเสียใจเลยนะ รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน แล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวที่ทะเลทราย พอถึงตอนนั้นคุณก็จะได้เจอกับคุณแม่อีกครั้งแล้ว”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วถอนหายใจ

“ในเมื่อก่อนไม่รู้สึกว่าการพลัดพรากนั้นจะมีอะไร พอถึงตอนนี้แล้วค่อยพบว่า มันน่ารำคาญซะจริง”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าตอบรับ

“มันน่ารำคาญจริงๆ”

พอกลับถึงบ้านแล้ว จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินไปที่บ้านเก่าก่อน ไปรับเจ้าก้อนทั้งสองคนกลับบ้าน

อานอานและจิ้งเจ๋อน้อยผู้ซึ่งไม่ได้พบหน้าพ่อแม่เป็นเวลานาน แน่นอนว่ามีความสนิทสนมและอบอุ่นใจ จากนั้นความรู้สึกเศร้าของ จิ่งหนิงที่เกิดขึ้นจากการจากกันก็ลดลงเล็กน้อย

นายหญิงหชินรู้ว่าโม่ไฉ่เวยได้ไปกับพวกเขาด้วยในครั้งนี้ พอหลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย ก็ให้จิ่งหนิงเหลืออยู่คนเดียว ถามด้วยความเป็นห่วงว่า:“แม่ของคุณสบายดีไหม?”

จิ่งหนิงพยักหน้า “ก็ดี ณ ตอนนี้ร่างกายไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจำเรื่องในอดีตไม่ได้เท่านั้นเอง”

นายหญิงหชินนั้นรู้เรื่องในอดีตของเธอ แน่นอนว่าก็ต้องรู้เรื่องของโม่ไฉ่เวย

เธอรู้สึกปลงอนิจจังเล็กน้อย

“จำไม่ได้ก็ดี ทุกคนล้วนเจอเรื่องเศร้าและเจ็บปวดมากมายในชีวิตนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสลืม ถ้าแม่ของคุณจำไม่ได้จริงๆ ก็ถือเป็นเรื่องดีอีกอย่างหนึ่ง ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

พวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านเก่านาน ได้พูดคุยกับนายหญิงหชินสักพัก ก็จากไป

พอกลับถึงวิลล่าเฟิงเฉียว จิ่งหนิงก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน รู้สึกแต่ว่าสมองของเธอถูกสูบฉีดและเจ็บปวดราวกับเข็มแทง

ลู่จิ่งเซินกังวลเป็นอย่างมาก จะโทรเรียกหมอมา แต่กลับถูกเธอหยุดเอาไว้

จิ่งหนิงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า:“มันร้ายแรงตรงไหน?ดึกขนาดนี้แล้วหากเรียกหมอมา เดี๋ยวก็ทำทุกคนตื่นกันหมดหรอก อีกอย่างเด็กทั้งสองคนก็นอนกันแล้ว ก็ไม่ต้องยุ่งยากอะไรแล้ว ”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว“แต่ร่างกายของคุณ……”

“ฉันไม่เป็นอะไร คุณช่วยฉันนวดหน่อยก็พอแล้ว”

เธอพูดพร้อมกับจับมือของเขาวางไว้บนหน้าผากของเธอ

ลู่จิ่งเซินทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้ว่าในใจยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่เห็นเธอยืนกราน จึงทำได้เพียงนั่งอยู่หลังเธอ แล้วให้เธอหนุนตักตัวเอง และนวดอย่างเบาๆ

ห้องนอนเงียบกริบ ทั้งคู่ไม่พูดอะไร

มุมปากของจิ่งหนิงยกขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่รู้เพราะอะไร สัมผัสกับมือของเขาที่วางอยู่บนหน้าผากของตัวเองแล้วนวดเบาๆ ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดนั้นจะบรรเทาลงได้มากจริงๆ

เมื่อลู่จิ่งเซินเห็นเธอดูเหนื่อยๆ ก็กระซิบว่า:“เหนื่อยแล้วก็นอนพักผ่อนก่อนไหม ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่เอง”

จิ่งหนิงตอบกลับ“อื้ม”

จากภายใต้การดูแลของเขา เธอหลับไปในไม่ช้าจริงๆด้วย

กลางดึกอากาศหนาวเย็น เมื่อลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอหลับสนิทแล้ว เขาหยุดมือที่กำลังนวดอยู่ ได้กอดเธอไว้กับเตียง และห่มผ้าห่มให้

จากนั้นปรับอุณหภูมิในห้องอีกครั้ง จึงกอดเธอและผล็อยหลับไปพร้อมกัน

วันรุ่งขึ้น

เมื่อจิ่งหนิงตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว

ไม่รู้ว่าลู่จิ่งเซินเขาตื่นมาเมื่อไร แล้วกำลังออกกำลังกายตอนเช้าที่ชั้นล่างอยู่

ประตูถูกผลักเปิดจากด้านนอก ศีรษะของเจ้าก้อนทั้งสองยื่นเข้ามาผ่านร่องประตูเล็กๆนั้น

เมื่อเห็นเธอตื่นแล้ว ก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาพร้อมกับกระโจนเข้ามา

“หม่ามี๊ หม่ามี๊ รีบดูดาวที่หนูพับสิ”

“หม่ามี๊ วันนี้หนูไม่ได้ไปเรียนหนังสือ หม่ามี๊สามารถเล่นกับหนูได้ใช่ไหมเอ่ย”

จิ่งหนิงยิ้มและได้กอดเจ้าก้อนทั้งสองเข้ามาที่อ้อมกอด ได้แตะที่จมูกของพวกเขา

“เจ้าตัวแสบทั้งสองคน อยากให้หม่ามี๊เล่นกับพวกหนู การบ้านพวกหนูเสร็จหมดแล้วหรือเปล่า?ถึงแม้ว่าจะไม่ไปเรียนหนังสือ แต่ก็มีการบ้านให้ทำอยู่ใช่ไหม?ทำเสร็จกันหรือยังเอ่ย?”

พอพูดถึงเรื่องเรียนเท่านั้น เจ้าก้อนทั้งสองก็ขมวดคิ้วทันที

“หม่ามี๊ พวกหนูทำอยู่แล้ว หม่ามี๊เล่นกับพวกหนูหน่อยสิ”

จิ่งหนิงหลงใหลกับน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของเจ้าก้อนทั้งสอง หัวใจของเธอกลายเป็นแอ่งน้ำตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว จะยังสนใจกับการสั่งสอนพวกเขาได้สักที่ไหน?

พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“โอเคๆๆ หม่ามี๊จะเล่นกับพวกหนู แต่ตอนนี้พวกหนูลุกขึ้นกันก่อน รอหม่ามี๊ลุกออกจากเตียงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เจ้าก้อนทั้งสองเมื่อเห็นขายความสงสารของตัวเองได้ผล ก็ส่งเสียงดีใจ รีบลงจากตัวของเธออย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จิ่งหนิงล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงจะลงไปข้างล่างพร้อมกับพวกเขา

ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ลู่จิ่งเซินออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท