วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1053 ตอบแทนอย่างสาสม

บทที่ 1053 ตอบแทนอย่างสาสม

ในตอนนี้ เขาเที่ยวไปทั่ว แต่ก็เพียงเพื่อระบายความเบื่อหน่ายในจิตใจของเขา

ไม่ได้คิดถึงเรื่องเป้าหมายของหนานกงจิ่นเลยสักนิด

บางทีไม่ใช่ว่าเขาไม่คิด อาจจะเคยคิด แต่เมื่อสัญชาตญาณบอกว่ามันอันตราย ก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะคิดถึงมันอีก

ดังนั้นเมื่อลู่จิ่งเซินถามขึ้นมา เขาถึงกับทำตัวไม่ถูกขนาดนี้

หนานมู่หรงมองที่ลู่จิ่งเซิน สายตาคู่นั้นบอกอะไรไม่ได้เลย

ลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้รีบร้อน ถ้าอย่างงั้นเขาก็แค่ต้องนั่งรอเงียบๆ รอให้เขาเปิดปากพูดเอง

ผ่านไปอยู่นาน ถึงจะได้เห็นหนานมู่หรงส่ายหัว สีหน้าสลด “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆว่าเขาต้องการแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ไปเพื่ออะไร?”

ลู่จิ่งเซินพูดตอบเบาๆ “ผมก็เชื่อว่าคุณหนานไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นนานแล้ว อีกอย่างพวกเราก็รู้เรื่องแล้ว ผมหวังว่าคุณหนานจะไม่เอาตัวรอดคนเดียว ถ้ามีโอกาส เราลองตรวจสอบกันดูนะครับ ยังไงซะถ้าหนานกงจิ่นมีเจตนาร้ายที่บอกใครไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหนานจะก็ได้รับผลกระทบ แม้แต่คุณหนานก็ไม่ยกเว้น”

หนานมู่หรงได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มอย่างผิดหวังทันที

“คุณไม่รู้หรอว่า ผมถูกเนรเทศออกมาจากตระกูลแล้ว เพราะฉะนั้นตระกูลจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว”

ลู่จิ่งเซินเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหนานมู่หรงจะถูกไล่ออกมาจากตระกูล

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่บังคับ ขอบคุณคุณหนานมากๆนะครับที่บอกเรื่องเหล่านี้กับผมในวันนี้ ต่อไปถ้ามีโอกาส ผมจะตอบแทนให้อย่างสาสมเลยครับ”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น

หนานมู่หรงเห็นอย่างนั้น ก็ลุกขึ้นด้วย

หลังจากคิดอยู่สักพัก ในที่สุดก็พูดเสริมอีกว่า“ผมจะช่วยหาที่อยู่ของคุณนายลู่อยากสุดความสามารถนะครับ แต่ว่าหนานกงจิ่นคนนี้ ถ้าเขาอยากจะซ่อนตัวจริงๆ เกรงว่าจะหาได้ยากจริงๆ เพราะฉะนั้นคุณอย่าฝากความหวังไว้เยอะนะครับ”

ลู่จิ่งเซินหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับมา

สักพัก ก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า “ขอบคุณมากครับ”

พูดจบ เขาก็เดินออกไปแล้ว

เสียง “เอี๊ยด”ดังออกมาจากประตูไม้เก่า ชายหนุ่มเดินออกไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน หนานมู่หรงยืนอยู่ในห้อง มองดูเงาที่ค่อยๆลับออกไป ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน สองนาน

หลังจากลู่จิ่งเซินออกมาจากวังเทพี ก็ขึ้นรถ

คนขับรถหันมาถาม “ท่านประทาน ตอนนี้พวกเราจะไปไหนครับ?”

ลู่จิ่งเซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “กลับไปที่ปราสาทก่อน”

“ครับ”

รถสตาร์ท ขับไปทางกลับปราสาท

ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่บนรถ มองทิวทัศน์ที่สลับผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่าง หรี่ตาลงเล็กน้อย

นิ้วของเขา หมุนแหวนแต่งงานบนนิ้วนางอย่างไม่รู้ตัว เป็นตอนที่เขาแต่งงานกับจิ่งหนิง จิ่งหนิงสวมให้เขากับมือของเธอเอง

ค่ำคืนที่เย็นสบาย ทันใดนั้นมุมปากของเขาก็แสยะยิ้มขึ้น ราวกับนกอินทรีที่หลับใหลอยู่ในความมืด

หนานกงจิ่น ที่แท้นี่ก็คือใบหน้าที่แท้จริงของแก

ฉันติดตามดูแกมาตั้งหลายปี รู้มาตลอดว่า แกต่างจากคนปกติ แต่คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าเบื้องหลังของแกจะเป็นอย่างนี้

คนจากหนึ่งพันปีก่อนหรอ……มิน่าล่ะ สิบปีก่อนเกือบจะจับแกได้แล้ว แต่แกยังซ่อนตัวจนได้

ในตอนนั้นไม่รู้ว่าแกเป็นคนของตระกูลหนาน ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว……อ๊า!

ลู่จิ่งเซินจะถอดแหวนแต่งงานที่นิ้วนางออก แต่เห็นว่าเพชรบนแหวนแต่งงานอยู่ๆก็เปลี่ยนสีไปในยามค่ำคืน สีแดงเลือดดุจอัญมณีที่ส่องประกายในความมืด ฉายแสงระยิบระยับ

เขากดเบาๆลงไปที่เพชรเม็ดนั้นด้วยหลายต่อหลายครั้ง

ในเวลาเดียวกัน อาคารสีเทาเหล็กที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นไมล์ คนกลุ่มนึงกำลังจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ๆก็มีรหัสปรากฏขึ้นมา พวกเขาตะโกนด้วยความประหลาดใจ

“หัวหน้าส่งข่าวมาแล้ว! ทุกคนมาดูเร็ว!”

……

เดิมทีจิ่งหนิงยังไม่อยากนอน

แต่น่าจะเป็นเพราะว่าตั้งครรภ์ ร่างกายก็อ่อนล้าได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน เธอทนอยู่จนถึงกลางดึกก็ผล็อยหลับไปจริงๆ

โม่ไฉ่เวยก็ไม่กล้าหลับเหมือนกัน แต่เมื่อเห็นจิ่งหนิงหลับไปแล้ว เธอก็เฝ้าที่นั่นอยู่คนเดียว ตอนแรก ก็เพราะว่ากลัวคนจะมาทำร้ายพวกเธอตอนนอนหลับ จึงได้อดทนถ่างตาไว้ได้

แต่พอตอนหลัง ไม่เพียงแค่ไม่มีคนมาทำร้ายพวกเธอ แต่ในห้องขนาดใหญ่นอกจากพวกเธอสองคนแล้ว คนสักคนก็ไม่มี เธอก็ทนก็ไปไม่ไหวแล้ว ก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน

ตื่นมาอีกที ก็เช้าของวันถัดมาแล้ว

เมื่อคืนโม่ไฉ่เวยฝันร้าย เธอฝันว่ามีคนจับตัวเธอและจิ่งหนิงไปทรมานอย่างป่าเถื่อน เธอกลัวมาจนตื่นขึ้นมาทันที

หลังจากตื่นขึ้นมา สองมือของเธอก็คว้าไปมั่ว หาจิ่งหนิงไปทั่ว

“หนิงหนิง หนิงหนิง !”

จิ่งหนิงได้ยินเสียงก็จับมือเธอเอาไว้ “แม่คะ ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวค่ะ ฉันอยู่ตรงนี้ไง”

โม่ไฉ่เวยค่อยๆเพ่งมองไป ถึงจะเห็นว่าหล่อนอยู่ข้างหน้านี่เอง ทั้งร่างกาย นอกจากสีหน้าที่ดูแย่นิดหน่อย ส่วนที่เหลือก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ถึงจะค่อยโล่งใจ

เมื่อวานก่อนนอนไม่ได้ปิดผ้าม่าน ดังนั้นตอนนี้จึงมีแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาจากด้านนอกหน้าต่าง สาดส่องให้ในห้องสว่างไสว

โม่ไฉ่เวยเอามือบังตา ถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”

จิ่งหนิงมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “เก้าโมงเช้าแล้วค่ะ”

“สายขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย?”

สีหน้าของโม่ไฉ่เวยเปลี่ยนไปทันที

“ค่ะ”จิ่งหนิงพยักหน้า แต่ก็ยังแน่นิ่ง

หลังจากผ่านเรื่องเมื่อคืนมา เธอก็คือได้ว่า แทนที่จะตกอกตกใจไปเอง ควรจะตั้งสติให้ได้ดีกว่า

ยังไงซะ ในตอนนี้หนานกงจิ่นก็ยังไม่มีได้คิดจะทำร้ายเธอจริงๆ เธอแค่ต้องเข้มแข็งก่อน จะได้รู้เป้าหมายของหนานกงจิ่นแล้ว ทุกๆอย่างก็จะมีทางออก

เมื่อคิดได้แบบนี้ จิ่งหนิงก็ไม่รีบร้อนแล้ว

มีคนรับใช้ได้ยินเสียงพวกเธอตื่น ก็ยกอาหารเช้าเข้ามา

จิ่งหนิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อรอให้คนรับใช้วางอาหารเสร็จ ก็พูดว่า “ฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำ”

คนรับใช้คนนั้นชะงักไปครู่นึง ราวกับกำลังลังเลว่าควรทำอย่างไร

จิ่งหนิงเลิกคิ้ว พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “เจ้านายของพวกเธอบอกแค่ว่าให้ขังฉันไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเข้าห้องน้ำก็ให้เข้าบนเตียงหรอกนะ ถ้าพวกเธอไม่ถือสา งั้นฉันเองก็ไม่ถือ แต่ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้านายของพวกเธอจะรับมือกับปัญหาได้รึป่าว?”

เมื่อคนรับใช้ได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป

รีบตอบไปว่า “คุณรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปถามให้ค่ะ”

ไม่นาน เธอก็กลับมา ในมือยังถือกุญมาพวงนึงด้วย

“คุณรอสักครูนะคะ ฉันจะไขออกให้เดี๋ยวนี้”

โม่ไฉ่เวยยืนอยู่ข้างๆ รีบเข้ามาดูเธอ

เมื่อเห็นว่าคนรับใช้คนนั้นได้ปลดกุญแจจากมือเท้าของเธอแล้ว ในวินาทีต่อมา จิ่งหนิงก็คว้าข้อมือของคนรับใช้ไว้ทันที บิดข้อมือแล้วนำตัวหล่อนมาที่หน้าอกของเธอ บีบคอของหล่อนไว้

คนรับใช้กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น

จิ่งหนิงมองไปยังกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงหน้า พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “หนานกงจิ่น ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายอะไร ปล่อยเราไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะบีบคอเธอให้ตายไปเลย”

เพียงแค่เธอออกแรง คนรับใช้ก็โดนเธอบีบคอจนตาเหลือกแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท