วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1047 ถูกคนกักขัง

บทที่ 1047 ถูกคนกักขัง

“ได้”

คนขับรถพูดแล้วกลับรถและขับไปอีกทาง

ส่วนอีกด้านในเวลานี้

ภายในคฤกาสน์ ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและเล่นกับลูก ๆ ทั้งสองคน

จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดเข้ามา จากนั้นก็เห็นชายผมทองตาสีฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามา

ตาของเขาสับสนและเลือดยังคงไหลอยู่บนหัวของเขา ทันทีที่เขาเข้าประตูพร้อมกับ “ตุบ” เขาก็ล้มลงต่อหน้าลู่จิ่งเซิน

“คะ…คุณนายกับคุณจิ่ง กะ…เกิดเรื่องแล้ว”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบก็สลบไปในทันที

…..

จิ่งหนิงฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงหรู

ความเจ็บปวดจากด้านหลังคอของเธอทำให้เธอส่งเสียงร้อง “จึ๊” เล็กน้อย

เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ในขณะที่แขนและขาขยับก็มีเสียงโซ่เหล็กดังซวบซาบ

สีหน้าเธอเปลี่ยนไปและหันไปมองจึงพบว่ามือและเท้าของตนถูกคนใช้โซ่ล่ามไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

ปลายโซ่เหล็กด้านหนึ่งพันรอบข้อมือและข้อเท้าของเธอ และปลายอีกข้างหนึ่งเจาะลึกเข้าไปในผนังและพื้นโดยรอบ เช่นเดียวกับโซ่ที่ใช้ในคุกใต้ดินเมื่อนักโทษถูกคุมขังในสมัยโบราณ

ทันใดนั้นใจของเธอก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอย่างแรง

ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เป็นสไตล์ยุโรปสีทองสลับขาว

ม่านเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอก เป็นเวลากลางคืนแล้ว

ในหัวของจิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย

ที่นี่คือที่ไหน?

เกิดอะไรขึ้น?

ภาพสุดท้ายในความทรงจำของเธอยังคงอยู่ในรถ และจู่ ๆ ก็มีใครบางคนโผล่ออกมาจากใต้เบาะหลังและแทงเข็มเข้าที่คอของเธอ

แล้วโม่ไฉ่เวยก็ดูเหมือนจะถูกฉีนยาด้วย

ใช่แล้ว โม่ไฉ่เวยล่ะ?

เธอตื่นตระหนกและมองไปรอบห้อง กลับพบกับห้องที่ว่างเปล่า นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีแม้เงาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย?

โม่ไฉ่เวยหายไปแล้ว!

เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ หัวใจของจิ่งหนิงก็เต้นระรัว ดิ้นรนที่จะลุกขึ้นนั่งและตะโกน: “แม่ แม่ แม่อยู่ไหนคะ?”

“มีใครอยู่ไหม? พวกแกเป็นใครกันแน่? ทำไมจะต้องฉันไว้ที่นี่?”

“มีปัญญาจับฉัน ไม่มีปัญญาโผล่ออกมาให้ฉันเห็นงั้นเหรอ?”

“พวกแกต้องการอะไร? เงินหรือผลประโยชน์? ขอเพียงพวกแกพูดมา ฉันจะทำให้ทุกอย่าง แต่ต้องปล่อยแม่ของฉันก่อน!”

จิ่งหนิงตะโกนอยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ห้องนั้นว่างเปล่าจนดูเหมือนว่าเธออยู่เพียงลำพังจริง ๆ เวลาที่เธอตะโกนร้องเรียก เธอได้ยินเสียงสะท้อนกลับมาอย่างแผ่วเบา

สีหน้าของจิ่งหนิงดูแย่เล็กน้อย

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยละเอียด แต่คร่าว ๆ แล้วก็สามารถเดาได้ว่า ตนเองถูกคนจับมาซ่อน

สุดท้ายอีกฝ่ายจะเป็นใคร? รวมทั้งมีจุดประสงค์อะไร?

ไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายอะไร ก่อนอื่นเธอต้องรู้ก่อนว่าเป็นใคร

และดูจากตอนนี้ อีกฝ่ายแค่มัดเธอไว้กับเตียงแต่ไม่ได้พาเธอไปดูที่อื่น

อีกฝ่ายไม่ได้อยากได้ชีวิตเธอ

ขอเพียงไม่ได้คิดจะฆ่าเธอก็ยังคงมีหวัง

เมื่อคิดแบบนี้ เธอจึงหันความคิดเฉียบแหลมและมองดูมุมต่างๆ ของห้องอย่างเฉียบขาด แน่นอนว่า เธอเห็นจุดสีแดงที่ซ่อนอยู่ในหลายที่ที่ยังคงกะพริบอยู่

เธอเยาะเย้ยมองจุดที่ใกล้ตัวเธอที่สุดแล้วพูดอย่างเย็นชา: “ไม่ออกมาใช่ไหม? ในเมื่อไม่ออกมา งั้นก็อย่าว่าฉันไม่เกรงใจ ฉันเชื่อว่าพวกแกพยายามหาทางเอาฉันมาถึงที่นี่ พวกแกจะต้องมีจุดมุ่งหมายสินะ? หากคุณต้องการได้รับศพ แกก็ทำตัวเป็นเต่าหัวหดต่อไป แล้วดูว่าแกจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือเปล่า”

เธอพูดแล้วคิดจะใช้แรงเพื่อกัดลิ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมาจากนอกประตู “ช้าก่อน”

จากนั้น ก็เห็นร่างผอมเพรียวเดินมาจากข้างนอก

รูม่านตาของจิ่งหนิงหดตัว

หนานกงจิ่น? ทำไมถึงเป็นเขาได้?

มีรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงจิ่น แม้ในเวลานี้เขาไม่เคยแสดงอารมณ์

ยังคงดูอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย: “คุณจิ่ง เราเจอกันอีกแล้ว”

ใบหน้าของจิ่งหนิงมืดมน

“หนานกงจิ่น คุณจับตัวฉันมาไว้ที่นี่ทำไม?”

หนานกงจิ่นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ที่แท้คุณก็รู้ตัวตนของผมแล้ว”

จิ่งหนิงส่งเสียงเยาะเย้ย

วันนี้หนานกงจิ่นสวมชุดสูทสีขาวทั้งตัว ผมของเขาได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน และเขาก็ดูอ่อนโยนและอ่อนโยนมาก

แต่จิ่งหนิงรู้ดีว่าความอ่อนโยนของเขาเป็นเพียงฉากหน้า แต่ในกระดูกของเขา แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์

จิ่งหนิงไม่เคยคิดจะทำหน้าดี ๆ กับคนร้ายเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามของวายร้ายคือเพื่อนที่ดีของเธออย่างกู้ซือเฉียนและเฉียวฉี

ดังนั้นพอเห็นว่าเป็นเขา จิ่งหนิงจึงไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

จึงได้ถามออกไปตรง ๆ: “คุณจิ่งอย่าเพิ่งรีบร้อน ครั้งนี้ผมเชิญคุณมาเป็นแขกโดยเฉพาะ ย่อมจะต้องมีเหตุผล แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ไม่แน่ว่าต่อไปคุณอาจจะต้องขอบคุณผมด้วย”

“ขอบคุณ?”

จิ่งหนิงหัวเราะเยาะและเขย่าโซ่เหล็กที่มือของเธอ

“คุณทำแบบนี้กับฉัน ฉันยังจะต้องขอบคุณคุณอีกเหรอ? หนานกงจิ่น คุณมันโรคจิตวิปริต อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นโรคจิตแบบคุณ”

เธอพูดจากับเขาอย่างไม่เกรงใจ หนานกงจิ่นไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเธอ

คิ้วของเขายังคงเรียวบางและยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด: “ผมรู้ว่าวิธีการนี้นั้นเสียมารยาทไปมาก แต่หากไม่ใช้วิธีนี้ ผมเป็นกังวลว่าคุณจิ่งจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของเรา ดังนั้นจึงต้องทำให้ขุ่นเคืองเป็นการชั่วคราว”

จิ่งหนิงถูกเขาเล่นทีเผลอแบบนี้ มันเหมือนกับการที่เธอใช้กำปั้นต่อยฝ่ายในทันใด และโกรธจนแทบทนไม่ไหว

ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากคำพูดของหนานกงจิ่น จึงทำให้เธอไม่สามารถจะถามสิ่งที่ต้องการได้เลย

สุดท้ายก็ได้แต่เพียงจ้องมองเขาอย่างดุร้าย

“แม่ฉันล่ะ? คุณเอาเธอไปไว้ที่ไหน?”

หนานกงจิ่นยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อคุณนายโม่เป็นแม่ของคุณ ผมย่อมต้องดูแลเธอด้วยมารยาท ตอนนี้เธอพักผ่อนอยู่ข้างล่าง ยังไม่ฟื้น รอเธอฟื้น ผมจะคุณไปเจอเธอ”

หนานกงจิ่นพูดจบก็สั่งการข้างนอก “เข้ามา เอาชามาให้คุณจิ่ง”

คนรับใช้จากข้างนอกตอบกลับ

หนานกงจิ่นจึงหันมาแล้วยิ้มและพูด: “ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังปลดโซ่ให้คุณไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่ดูแลคุณไม่ดี ด้านนอกมีคนรับใช้สองคน คุณต้องการอะไร ก็บอกพวกเขาได้ หากหิวหรือกระหาย ก็บอกพวกเขา ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

เขาพูดจบก็นิ่งไปครู่หนี่ง ไม่นานก็มีคนรับใช้ยกน้ำชาเข้ามา

ถึงแม้ทั้งมือและเท้าของจิ่งหนิงจะถูกโซ่ล่ามไว้ แต่เพราะโซ่นั้นค่อนข้างยาว จึงไม่ได้ส่งผลให้เธอยกมือยกเท้าหรือการกินอะไรของเธอ

คิดดูแล้ว นี่คือสิ่งที่หนานกงจิ่นจงใจทำ ก็เพื่อให้เธอไม่มีข้ออ้างให้เขาปลดโซ่ให้เธอ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท