จิ่งหนิงรู้สึกเพียงว่าหน้าอกเจ็บขึ้นมา
เธองุนงงเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าที่แปลกหน้าอันหนึ่งอยู่ข้างหลังลู่จิ่งเซิน
ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้า สีหน้าดูเหมือนมีความตื่นตะลึงเล็กน้อย ต่อจากนี้ก็คือโมโห
บนเรือสำราญที่สงบเงียบ เสียงปืนดังขึ้นอีก สงครามจลาจลฉากหนึ่งเริ่มเกิดจากตรงนี้
แต่เธอ ร่างกายสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง “ปุ้ง” เสียงหนึ่ง ตกลงไปในทะเล
……
คุณเคยสัมผัสความรู้สึกสิ้นหวังมาก่อนไหม?
จิ่งหนิงคิดว่า เธอได้สัมผัสแล้ว
ตอนที่น้ำทะเลเทเข้าไปในร่างกายของเธอจากทุกทิศทุกทางอย่างสุดชีวิต อยู่ดีๆเธอก็ได้สัมผัสถึงอะไรคือสิ้นหวังถึงกระดูก
บาดแผลที่อยู่หน้าอกส่งความรู้สึกเจ็บปวดที่ชัดเจนออกมา กลับสู้ความรู้สึกน่ากลัวของน้ำทะเลที่บีบอัดมาจากบริเวณรอบๆแบบนั้นไม่ไหว
เธอดิ้นรนโดยจิตใต้สำนึก อยากจะสู้สุดชีวิตว่ายขึ้นไปมาก แต่เธอทำไม่ได้
น้ำทะเลก็เหมือนดั่งน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ดึงร่างกายของเธอไว้ ดึงเธอลงไปข้างล่างอย่างสุดชีวิต
เธอดิ้นรนไม่ได้ และไม่สามารถต่อต้านเช่นกัน
ดังนั้นก็อยู่ในเวลานี้——
อยู่ดีๆบนศีรษะมีเสียงน้ำตกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง ต่อจากนี้ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกคนดันขึ้นไป
อยู่ช่วงระหว่างเลอะๆเลือนๆ เธอลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นอีกครั้ง
เขาออกแรงดันเอวของเธอไว้ พยายามพาเธอว่ายขึ้นไป
ทันใดนั้นน้ำตาของจิ่งหนิงไหลออกมาแล้ว
ลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินล่ะ……
คุณทำไมต้องหลอกฉันล่ะ?
ปีนั้นคนที่เคยช่วยฉันมาก่อนคนนั้น ทั้งๆที่เป็นคุณ บุญวาสนาของพวกเราเกิดขึ้นแต่ก่อนมานานแล้ว แต่คุณทำไมต้องปกปิดฉันไว้ล่ะ?
เธอยื่นมือออกไปยังลู่จิ่งเซิน อยากจะจับใบหน้าที่เย็นชากวดขันของเขาใบนั้น
แต่ก็อยู่ในเวลานี้ คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามา
นำน้ำวนที่ดุร้ายมาด้วย พลังที่แข็งแกร่งแทบจะบดร่างกายของคนทั้งสองจนละเอียด
เธอได้ยินเพียงเสียง อืม ต่อจากนี้ บนเอวหลวมขึ้นทันที ผู้ชายที่ดันเธอไว้โดยตลอดคนนั้นถูกน้ำวนหมุนเข้าไปในทะเลลึกๆแล้ว
เธออ้าปากค้าง น้ำทะเลเทเข้าไปอย่างดุเดือด นี่เธอจึงนึกถึงว่าตนเองยังอยู่ในทะเล รีบหุบปากไว้ ยื่นมือออกไปพยายามอยากจะดึงเขาไว้ แต่ในที่สุดยังคงดึงไว้ไม่ได้
เห็นเงากายของผู้ชายคนนี้ห่างกับตนเองยิ่งมายิ่งไกลกับตา สุดท้าย กลายเป็นจุดเล็กน้อยอันหนึ่งสูญหายไปกับน้ำทะเลที่มืดมิด เธอรู้สึกเพียงว่าสมองตึงจนใกล้จะระเบิดแล้ว
เธอนั่นคือ นั่นคือความรู้สึกขาดออกซิเจน
วันนีัก็จะตายอยู่ที่นี่จริงๆแล้วเชียวเหรอ?
ไม่ ไม่ใช่นะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพหลอน เป็นความฝัน เธอยังมีชีวิตอยู่ ลู่จิ่งเซินก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน!
ใช่ พวกเขายังแต่งงานแล้วอีกด้วย มีเบบี๋ที่น่ารักคนหนึ่ง เธอยังตั้งครรภ์อยู่ ลู่จิ่งเซินเคยบอกว่า รอเธอคลอดลูกสองคนนี้มา เขาก็จะพาทั้งครอบครัวไปชมดอกซากุระที่ภูเขาหิมะด้วยกัน ทิวทัศน์ฝั่งโน้นสวยงามสุดขีด พวกเขาสามารถพักอยู่บนภูเขาทั้งอาทิตย์ สัมผัสความสงบสุขที่ไม่มีทางโลกมารบกวนสักนิด
ใช่แล้ว สิ่งเหล่านั้นจึงจะเป็นความจริง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา!
จิ่งหนิงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน สู้สุดชีวิตจะว่ายขึ้นไป
อาการบาดเจ็บที่อยู่หน้าอกก็คล้ายดั่งไม่เจ็บแล้วเช่นกัน เธอปิดปากอย่างแน่น พยายามว่ายขึ้นไป ผ่านไปนานมากๆ ดูเหมือนในที่สุดก็ได้เห็นแสงอาทิตย์แรกอรุณเล็กน้อยแล้ว
ในใจเธอดีใจทันที กำลังจะทำการพุ่งสุดตัวในครั้งสุดท้ายพอดี
ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆ ข้อเท้าดูเหมือนถูกใครจับไว้อย่างโหดร้าย ต่อจากนี้่ร่างกายจมลงทันที เธอล้วนจมลงไปยังใต้น้ำทั้งตัวอีกครั้ง……
“อ่า!”
จิ่งหนิงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ตื่นขึ้นมา
บริเวณรอบๆเป็นฝาผนังที่ขาวสะอาด ในอากาศเต็มเปี่ยมด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหนึ่ง เธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่เรียบๆง่ายๆเตียงหนึ่ง ข้างเตียงผู้ป่วยเชื่อมต่อกับเครื่องมือขนาดใหญ่ที่เธอไม่รู้จักบ้างเล็กน้อย
บนเครื่องมือมีไฟสีแดงกะพริบอยู่ ตามด้วยการตื่นของเธอ ยิ่งเต้นยิ่งเร็วขึ้น
ที่นี่เป็นที่ไหนล่ะ?
จิ่งหนิงนวดหน้าผากที่มีความเจ็บปวดเล็กน้อยนวดแล้วนวดอีก ลุกขึ้นมานั่ง
เพียงเห็นด้านตรงข้ามของเตียง เป็นหน้าต่างบานหนึ่ง
มองผ่านหน้าต่างเข้าไป พบเห็นฝั่งโน้นเป็นห้องห้องหนึ่ง
เธอมีความอยากรู้อยากเห็น ดึงเครื่องมือที่มัดอยู่บนแขนออก กระโดดลงจากเตียงเดินไปยังห้องที่อยู่ด้านตรงข้าม
เพียงเห็นการจัดตกแต่งที่อยู่ในนั้น คล้ายคลึงกันกับห้องที่ตนเองอยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง สะดุดตามากก็คือลู่จิ่งเซิน
ในขณะนี้ สีหน้าของลู่จิ่งเซินเขียวซีดไปหมด นอนอยู่บนเตียงตั้งแคมป์ที่ง่ายๆหยาบๆ ก็เช่นดั่งคนกระดาษคนหนึ่ง
บนพื้นที่อยู่ข้างๆ ทิ้งเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดไว้มากมาย เลือดเหล่านั้นอาจเคยแช่น้ำทะเลมาก่อน ปรากฏเป็นสีแดงอ่อนที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง
ใจของจิ่งหนิง ดึงเข้ามาจับไว้แน่นอย่างโหดร้าย
“เหว่ย คุณเป็นยังไงแล้วล่ะ? คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เธอตบกระจกที่อยู่บนหน้าต่างตบแล้วตบอีก ร้องตะโกนพูด
หน้าต่างนี้ก็ไม่มีสวิสสักอัน ใช้สำหรับตกแต่งเท่านั้น หรือทำเพื่อคนในห้องอีกห้องหนึ่งสะดวกในการเฝ้าติดตามดูคนในห้องนี้ได้ทุกเวลา กระทั่งอาจจะมีการเก็บเสียงอีกด้วย
ดังนั้น ไม่ว่าเธอตบยังไง ร้องตะโกนยังไง คนอยู่ฝั่งโน้นล้วนไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร
จิ่งหนิงร้องตะโกนไปสักพัก พบเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ร้องตะโกนอีกเลย
ผ่านไปประมาณสิบนาที เธอได้ยินว่าข้างนอกมีเสียงคนพูดคุยกัน ยังมีเสียงย่างก้าว ก็รู้ว่าน่าจะมีหมอกับพยาบาลมาแล้ว
ดังนั้น รีบถอยกลับไปบนเตียง นอนลงไป
เธอแกล้งทำหลับตา ตามความจริงเหลือช่องไว้แอบพินิจพิเคราะห์สภาพการณ์ด้านตรงข้ามอยู่
เพียงเห็นหมอกับพยาบาลนั้นเข้ามาทำการตรวจเช็คให้กับลู่จิ่งเซิน จากนั้นก็ออกไปเลย
ในใจเธอโล่งอกไปที
บาดแผลที่อยู่บนหน้าอกรู้สึกยังมีความเจ็บปวดเล็กน้อย เธอเปิดเสื้อออกดูแล้วดูอีก พบเห็นบาดแผลของตนเองถูกคนพันไว้แล้ว
เธอก็ไม่รู้ว่าคนที่ยิงคือใคร ยิ่งไม่ชัดเจน ฝ่ายตรงข้ามทำไมต้องฆ่าเธอ
เธอแค่รู้ว่า ตอนนี้ลู่จิ่งเซินอยู่ที่นี่ เธอออกจากนี่คนเดียวไม่ได้
พูดแล้วก็แปลกประหลาดเช่นกัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในนี้ ล้วนเป็นเรื่องทั้งๆที่เกิดขึ้นจากเมื่อก่อนเป็นความทรงจำของสามเดือนนั้นที่จิ่งหนิงทำตกหายไป
แต่ว่าวิญญาณที่สวมใส่อยู่ในร่างกายนี้ตอนนี้ กลับคล้ายดั่งเป็นจิ่งหนิงเมื่อสิบปีหลังที่รู้จักรักกันกับลู่จิ่งเซินคนนั้น
ตัวจิ่งหนิงเองก็มีความเลอะเลือนเล็กน้อยแล้ว ไม่เข้าใจตรรกะทั้งหมดนี้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่
เธอสามารถอาศัยเพียงทำการโดยจิตเดิมของตนเอง
หลังจากรอคนข้างนอกล้วนออกไปแล้ว เธอจึงลงจากเตียง เดินไปยังหน้าประตู
เดิมทีคิดว่า ประตูจะถูกคนล็อกไว้ หรือข้างนอกอาจจะต้องมีคนเฝ้าดูไว้แน่นอน
แต่ตอนที่รอเธอเปิดประตูออก พบเห็นอย่างคาดไม่ถึง ข้างนอกเงียบสงัดอยู่
บนระเบียงทางเดินที่ไกลๆทางหนึ่ง ล้วนไม่มีสักคน
จิ่งหนิงออกจากประตูอย่างประหลาดใจ พบเห็นว่าข้างห้องยังมีประตูบานหนึ่ง เป็นประตูที่สามารถเข้าห้องที่ลู่จิ่งเซินอยู่ห้องนั้นโดยตรง
เธอลังเลพักหนึ่ง สุดท้ายยังคงเดินเข้าไป
ในห้องนอน ลู่จิ่งเซินนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆเหมือนเดิม
ดูจากสีหน้าของเขาสามารถดูออกว่า ในครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บไม่เบา
จิ่งหนิงมีความรักสงสารเล็กน้อย ทั้งมีการกล่าวโทษอีกเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าสาเหตุที่ลู่จิ่งเซินปกปิดเธอไว้เป็นเพราะอะไร แต่ในวินาทีนี้ เห็นลักษณะท่าทีที่คล้ายดั่งเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่งของเขา แม้แต่ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็กลายเป็นผอมแห้งมากอีกด้วย อดไม่ได้ที่จะรักสงสารจนจับมือของเขาไว้
“ลู่จิ่งเซิน คุณตื่นสิ บอกกับฉัน นี่เป็นสถานที่อะไรดีหรือไม่ดีล่ะ? คุณนอนอยู่ที่นี่ไม่ขยับสักนิด ฉันล้วนไม่มีความรู้สึกปลอดภัยสักนิด”
จิ่งหนิงนั่งลงอยู่ข้างเตียงกระซิบอยู่เบาๆ