วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1070 จมลงก้นเหว

บทที่ 1070 จมลงก้นเหว

“แม้ฉันไม่รู้ว่าในตอนต้นคุณทำไมต้องหลอกฉัน แต่ฉันรู้ว่าคุณย่อมมีสาเหตุของคุณแน่นอน สามารถได้เจอในนั้นอีกครั้ง ฉันรู้สึกพอใจมากแล้ว บอกกับอานอานและจิ้งเจ๋อน้อย ฉันรักพวกเขา”

เธอพูดจบ ถึงขนาดไม่สนใจไยดี จะพุ่งกระโดดลงในทะเลข้างๆ

แต่การเคลื่อนไหวของเธอเร็วขนาดไหนก็ยังเร็วไม่เท่าหนานกงจิ่น ด้วยเหตุนี้ยังไม่ทันก้าวออกไป ก็ถูกหนานกงจิ่นออกแรงดึงกลับมาแล้ว

ออกแรงล็อกตัวไว้อยู่ในมืออีกครั้ง

น้ำตาของจิ่งหนิงไหลออกมาในทันทีแป๊บเดียว เธอออกแรงดิ้นรนพูดว่า “หนานกงจิ่นคุณปล่อยฉันไป! การแลกเปลี่ยนนี้ฉันไม่ทำแล้ว คุณปล่อยฉันไป!”

แต่ที่ไหนหนานกงจิ่นจะเชื่อฟังเธอล่ะ เพียงแค่ออกแรงบีบคอของเธอไว้จ้องมองไปยังลู่จิ่งเซิน พูดเสียงเข้มว่า“ลู่จิ่งเซิน คุณมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว แลกหรือไม่แลก ถ้าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งก็เด็ดขาดหน่อย!”

จิ่งหนิงน้ำตาขมุกขมัวจ้องมองเขาอยู่ สู้สุดชีวิตส่ายหัว

แท้ที่จริงไม่ว่าเธอรับปากหนานกงจิ่นหรือไม่ ถึงสุดท้ายตอนจบนี้ล้วนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เริ่มตั้งแต่วินาทีที่จับเธอนั้นหนานกงจิ่นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหลอกใช้เธอมาแลกเปลี่ยนแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์

เพียงแค่เลือกวิธีที่อ่อนโยนนุ่มนวลกว่าอย่างหนึ่งเท่านั้น

นึกไม่ถึงจะไม่เชื่อฟังเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ เขาได้แต่ใช้ไม้แข็งแล้ว!

ในเวลานี้ ที่ไหนเขายังจะจำบุญคุณที่ช่วยชีวิตอะไรได้อีก ที่ไหนยังจะจำการตอบแทนหรือไม่ตอบแทนอะไรได้อีก อยู่นัยน์ตาเขามีแต่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เท่านั้น

เพียงมีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ เขาก็จะสามารถช่วยเฉียนเฉียนของเขาได้ ตั้งแต่นี้ไปเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเฉียนเฉียนของเขาต่อไปได้แล้ว

นึกถึงที่นี่นัยน์ตาของเขาเปล่งสีสันที่แวววาวอย่างบ้าคลั่งออกมา

พูดเสียงเคร่งขรึมเฉียบขาดตะโกนอีกว่า “ลู่จิ่งเซิน! คุณพูดล่ะ!”

ลู่จิ่งเซินจ้องมองเขาอยู่อย่างลึกๆ พูดเสียงเข้มว่า “ได้ ผมจะแลก”

เขาหยุดชะงักแล้วหยุดชะงักอีก พูดอีกว่า “แต่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในมือผมจริงๆ ถ้าหากคุณจะเอาล่ะก็ ต้องให้เวลาผมสักหน่อย ให้ผมส่งคนกลับไปเอา”

ข้อเรียกร้องนี้กลับสมเหตุสมผล

ด้วยเหตุนี้ หนานกงจิ่นก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

เขาพูดเสียงเข้มว่า “คนเข้ามา! มัดพวกเขาทั้งสามคนไว้เดี๋ยวนี้”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้ต่อต้าน กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีเห็นสภาพ แม้ว่ายังไม่เข้าใจโดยละเอียดว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ แต่เห็นลักษณะท่าทีของลู่จิ่งเซินอย่างนี้ พวกเขาย่อมจะไม่ต่อต้านอยู่แล้ว

ไม่นาน ทั้งสามคนก็ถูกมัดไว้แล้ว

ลู่จิ่งเซินใช้มือถือสั่งลูกน้องบางเรื่อง ให้พวกเขาไปเมืองKหยิบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์หลายชิ้นนั้นที่เขาทิ้งไว้อยู่ในห้องเข้ามา จากนั้นก็วางสายเลย

จิ่งหนิงได้ยินคำสั่งของเขา หัวใจดวงหนึ่งจมลงอยู่ในก้นเหวมานานแล้ว

เดิมทีในใจเธอยังหอบความหวังอยู่เล็กน้อย หวังว่าจะเป็นสิ่งที่หนานกงจิ่นหลอกเธอหวังว่าในมือของลู่จิ่งเซินจะไม่มีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์หลายชิ้นนั้นที่เขาพูดเลย

แต่จนถึงวินาทีนี้ ความหวังเล็กน้อยสุดท้ายนั้นก็สูญสลายโดยสิ้นเชิงแล้ว

อาจจะเพราะความสะดวก เพราะว่าอาจจะได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ยิ่งเร็วขึ้น หลังจากมัดหลายคนไว้ทั้งหมด หนานกงจิ่นไม่ได้หยุดอยู่บนทะเลต่อเลย แต่สั่งกัปตันเรือขับเรือสำราญไปยังข้างฝั่ง

ดังนั้นหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนทั้งหลายกลับมาถึงวิลล่าที่กักขังจิ่งหนิงไว้เมื่อก่อนหลังนั้นอีกครั้ง

ในเวลานี้ โม่ไฉ่เวยก็ถูกนำขึ้นมาด้วย

พอโม่ไฉ่เวยเห็นจิ่งหนิง ก็ร้อนใจเหลือเกิน ถามอย่างกังวลว่า “จิ่งหนิงคุณไม่เป็นไรนะ คุณเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ?”

จิ่งหนิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก

พวกเธอแยกกันกักขังกับพวกเขาลู่จิ่งเซินไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ก็ไม่สามารถพูดคุยกันด้วย

โม่ไฉ่เวยยิ่งไม่รู้ว่าลู่จิ่งเซินมาแล้ว รู้เพียงว่าเมื่อกี้ข้างนอกมีเสียงดังเอะอะโวยวายอยู่

เธอก็เลยถามว่า “เมื่อกี้ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ฉันเหมือนได้ยินข้างนอกมีเสียงลู่จิ่งเซิน เขามาแล้วเหรอ?”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า “แม่ เขาหลอกฉัน!”

โม่ไฉ่เวยอึ้งชะงัก นึ่จึงสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าจิ่งหนิงมีรอยน้ำตา

ใจของเธอขึงลับลงนิดๆ พูดว่า “เป็นเพราะว่าเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เหรอ?”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก น้ำตาไหลออกมาโดยไร้เสียง

“เดิมทีฉันคิดว่าหนานกงจิ่นเพียงแค่ตั้งใจพูดคำพูดอย่างนั้นมาขู่ขวัญฉัน กระทั่งตอนที่เขาช่วยฉันฟื้นความจำ ฉันยังคงไม่ยินยอมที่จะเชื่อเรื่องเหล่านั้นที่ฉันเห็นเมื่อสิบปีก่อนว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”

“แต่จนถึงเมื่อกี้ฉันเห็นเขายอมรับด้วยปากตนเองกับตา ฉันจึงรู้ว่าที่แท้อยู่ในเมื่อก่อนนานมาแล้วเขาก็ได้ยุ่งกับหนานกงจิ่นมาก่อนแล้วจริงๆ แม้แต่ฉัน เขาก็รู้จักมานานแล้ว เคยสื่อสารกันมานานแล้วเช่นกัน”

“เรื่องที่น่าขำที่สุดคืออะไรคุณรู้ไหม? นั่นก็คือฉันสืบหาคนกลุ่มนั้นที่ไล่ฆ่าฉันเมื่อสิบปีก่อนอยู่ตลอด ฉันสืบหานานมากๆ เคยมีช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคืนฉันล้วนฝันร้ายในตอนนี้ทรมานอยู่ ทั้งๆที่ว่าเขาก็จ้องมองอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่ว่าเขาก็รู้ความเป็นจริง แต่เขากลับไม่พูดอะไร”

“ฉันหมุนเวียนตามใจไปทั่วทุกที่เหมือนดั่งแมลงวันไร้หัว แม่ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรแค้นเขานะ แต่ตอนนี้ในใจฉันแค้นเขามากโกรธเขามากจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาทำไมต้องปกปิดฉันไว้ตลอด หรือว่าเขาไม่รักฉันไม่เชื่อใจฉันเลยสักนิดล่ะ?”

โม่ไฉ่เวยได้ยินคำพูด ทันใดนั้นสีหน้าก็ขึงลับลง

“อย่าพูดเหลวไหล!” เธอพูดเสียงต่ำเกลี้ยกล่อมว่า “ความรักของลู่จิ่งเซินที่มีต่อแก คนทั้งหลายล้วนเห็นอยู่นัยน์ตา คนคนหนึ่งจะจริงใจรักอีกคนหนึ่งหรือไม่ แม้ปากไม่พูดแต่ใช้ตาก็สามารถมองออกได้”

“ความรักความผูกพันที่เขามีต่อคุณไม่มีที่ไหนน่าสงสัย เรื่องนี้เขาไม่บอกกับแกก็จะต้องมีสาเหตุของเขาเช่นกัน ถึงยังไงสถานะของหนานกงจิ่นก็พิเศษ อาจจะเพียงแค่เขาไม่อยากให้แกคลุกเคล้าเข้ามาในสภาพวุ่นวายฉากนี้ ไม่อยากให้แกอันตรายเท่านั้น”

“แกต้องเห็นอกเห็นใจเขา อย่าคิดเหลวไหล ยิ่งอย่าให้ตัวเองเกิดความขัดแย้งภายในก่อน ถึงยังไงตอนนี้พวกเราจึงจะเป็นตั๊กแตนข้าวที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ทำไมหนานกงจิ่นต้องพูดสิ่งเหล่านี้กับแกล่ะ? ไม่ใช่ก็อยากจะทำให้พวกแกสามีภรรยาแตกแยกกันเหรอ? แกจงอย่าทำให้แผนร้ายของเขาสำเร็จได้ล่ะ!”

แท้ที่จริงที่ไหนจิ่งหนิงจะไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนร้ายของหนานกงจิ่น เธอก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน

แต่อยู่บนโลกใบนี้นะบางเวลาก็เป็นเช่นนี้ เรื่องบางเรื่องทั้งๆที่คุณรู้ว่าเป็นแผนร้าย ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นกับดัก แต่ยังคงควบคุมใจของตนเองให้ไปคิดเหลวไหล จะกระโดดเข้าไปไม่อยู่

เพราะว่าคุณแคร์ไง! หลังจากแคร์แล้วเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเผชิญหน้ากับการหลอกลวงและทรยศแล้วไม่ใส่ใจสักนิด

รักยิ่งลึกก็ยิ่งไม่สามารถอดกลั้นถึงแม้เป็นการหลอกลวงที่กระจิดริดของฝ่ายตรงข้าม

เพราะว่าคุณเข้าใจ ถ้าหากการหลอกลวงเหล่านั้นล้วนเป็นจริง การทำร้ายที่นำมาให้แก่คุณจะเป็นเท่าตัว!

โดยจิตใต้สำนึกทุกคนล้วนจะปกป้องตนเอง จิ่งหนิงก็ไม่ยกเว้น

เธอหลับตาลง ยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง ฝังใบหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเอง นั่งอยู่ที่นั่นน้ำตาไหลโดยไร้เสียง

โม่ไฉ่เวยเห็นลักษณะท่าทีของเธอแบบนี้ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนยังไงเช่นกัน

ตัวเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ถนัดในการปลอบใจคนอื่นคนหนึ่ง

ถ้าหากเธอถนัดในการปลอบใจคนอื่นจริงๆ ก็ไม่ถึงกับล้วนผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ตนเองยังเพราะว่าเรื่องในตอนต้นปิดใจของตนเองไว้อย่างโหดร้าย ไม่ยอมสัมผัสกับโลกภายนอกอีกเลย

นึกถึงที่นี่ โม่ไฉ่เวยได้แต่ถอนหายใจหนึ่งที ล้วนไม่ได้พูดอะไรอีก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท