วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1074 เขาตายแล้ว

บทที่ 1074 เขาตายแล้ว

ประสบเจอเรื่องมากมายขนาดนี้มาด้วยกัน แม้ว่าลู่จิ่งเซินไม่จำเป็นต้องสงสัยบุคลิกกับความซื่อตรงของพวกเขาอีกแล้ว

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคนมากมายขนาดนี้ เชื่อว่าพวกเขาก็รู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้เช่นกัน จะไม่ทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

ยิ่งกว่านั้นยังมีโม่หนานช่วยอยู่ฝั่งโน้น น่าจะไม่เป็นอะไร

ลู่จิ่งเซินก็เลยวางใจ อยู่นี่เป็นเพื่อนจิ่งหนิง

ข่าวการตายของหนานกงจิ่นส่งมาในคืนที่สาม

พวกเขาผ่านตัวระบุตำแหน่ง แน่ใจว่าหนานกงจิ่นกลับไปบนเกาะแห่งหนึ่ง อีกทั้งบริเวณรอบๆมีเพียงเขาคนเดียว

ดังนั้นกดสวิสลง ทำการระเบิดเลย

การระเบิดไม่ได้ทำให้เกิดความตระหนกตกใจมากเท่าไหร่เลย ถึงยังไงก็เป็นเกาะเดี่ยวๆแห่งหนึ่ง อีกทั้งในตอนต้นลู่จิ่งเซินสังเกตปริมาตรของระเบิดอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ นอกจากตัวเขาที่ตายเท่านั้น แม้กระทั่งบนเกาะล้วนไม่เกิดการทำร้ายมากเกินไปด้วย

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีพาคนขององค์กรXขึ้นไปบนเกาะ หาศพที่ถูกระเบิดจนไม่เหมือนเค้าเดิมของหนานกงจิ่นเจอ

ใครก็นึกไม่ถึง ปีศาจแก่ที่อยู่มาเป็นพันปีคนหนึ่ง สุดท้ายจะตายอย่างเงียบๆด้วยวิธีนี้ อยู่บนเกาะร้างที่ไม่มีคนรู้จักแห่งนี้

วันที่สอง กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีกลับมาแล้ว

ตอนที่ถามลู่จิ่งเซินว่าคิดจะจัดการศพของหนานกงจิ่นยังไง

ลู่จิ่งเซินเงียบไปสักพักพูดเสียงเข้มว่า “เอาศพของเขากับเฉียนเฉียนฝังไว้ด้วยกันเถอะ”

ชั่วชีวิตของหนานกงจิ่นนี้ ทำร้ายคนมากมาย ทั้งทำเรื่องชั่วมามากมายเช่นกัน

แต่พูดถึงสุดท้าย ล้วนเป็นเพียงแค่เพื่อความเพ้อฝันของคนโง่อย่างหนึ่งเท่านั้น

ในเมื่อมีชีวิตอยู่ไม่สามารถทำให้ฝันเขาเป็นจริง ก็ให้ฝันนี้เป็นจริงหลังจากเขาตายเถอะ

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนมีความเงียบเล็กน้อย สุดท้ายยังคงให้คนไปจัดการเลย

หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดร่างกายของจิ่งหนิงก็ฟื้นคืนได้เยอะเลย

เมืองเล็กๆที่อยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ เงื่อนไขแย่เกินไปแล้วจริงๆ ใครก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นผ่านการปรึกษาหารือกัน ตัดสินใจกลับไปปราสาทของเชวซู่ก่อน รอให้ร่างกายของจิ่งหนิงดีขึ้นอีกหน่อย ก็จะนั่งเครื่องบินกลับประเทศ

วันที่สองที่กลับไปปราสาท จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆไปที่หน้าหลุมฝังศพของหนานกงจิ่น

เพราะว่าหนานกงจิ่นกับเฉียนเฉียนก็คือพบเจอกันอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้สุดท้ายหลุมฝังศพของพวกเขาก็ถูกสร้างไว้อยู่ในทะเลทรายนี้

ไม่มีป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ มีเพียงเนินทรายเล็กๆแห่งหนึ่ง เชวซู่บอกว่านี่เป็นวิธีการฝังที่ค่อนข้างเรียบง่ายเป็นที่นิยมของฝั่งนี้

ทะเลทรายกับอากาศที่ร้อนแผดเผาจะระเหยน้ำในตัวคนจนแห้งหมด สุดท้ายเป็นไปได้มากอาจจะกลายเป็นศพที่แห้งศพหนึ่ง เก็บรักษาไว้ได้ยาวนาน

พอจิ่งหนิงนึกถึงภาพนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคลื่นไส้ขนลุกไปพักหนึ่ง

ลู่จิ่งเซินกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ รีบให้เชวซู่อย่าพูดอีกเลย

เชวซู่ก็ได้พบเห็นว่าทำให้จิ่งหนิงตกใจแล้ว ยิ้มอย่างรู้สึกผิด

“จิ่งหนิง คุณอย่าหวาดกลัว ศพแห้งก็เพียงแค่ฟังแล้วน่ากลัวหน่อย ตามความจริงก็เหมือนเช่นดั่งมัมมี่ที่พวกคุณได้เห็นอยู่ในทีวี ไม่มีอะไรน่ากลัวนะ”

จิ่งหนิง “……”

โม่ไฉ่เวยบิดเอวของเขาหนึ่งที เหลือบมองเขาหนึ่งที

“ให้คุณอย่าพูดคุณยังพูดอีก”

เชวซู่งงๆเกาหัวแล้วเกาหัวอีก

เขาก็เพียงพูดทางวิทยาศาสตร์ตามปกติสักหน่อยล่ะ จะยังไงล่ะ?

คนทั้งหลายกลับถึงปราสาทในเวลาพลบค่ำ

ฝีมือการรักษาโรคของเชวซู่น่าตื่นตระหนกมาก จิ่งหนิงอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของเขา ปัจจุบันนี้ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว

ลู่จิ่งเซินตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ก็จะพาจิ่งหนิงกลับประเทศ

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีก็จะออกไปเช่นกัน เมืองหลินฝั่งโน้นยังมีเรื่องมากมายรอเขาไปจัดการอยู่

แต่ก่อนคิดอยู่ว่าร่างกายของเฉียวฉีสำคัญที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทิ้งเรื่องเหล่านั้นไว้ข้างๆ ในเมื่อตอนนี้หนานกงจิ่นล้วนตายแล้ว เรื่องนี้ย่อมไม่มีความหวังอยู่แล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ยังคงรีบกลับไปเร็วหน่อยจะดีกว่า

ถึงยังไง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “คนของผมได้พบเห็นผลของต้นเงินต้นทองบ้างเล็กน้อยอยู่บนเกาะที่หนานกงจิ่นพักอยู่ ถึงเวลานั้นผมให้คนส่งไปให้กับพวกคุณยังเมืองหลิน น่าจะสามารถประคองเวลาได้ไม่น้อย สำหรับเรื่องในอนาคต”

เขาหันหน้าจ้องมองเชวซู่หนึ่งที สายตาสัตย์ซื่อจริงใจ พูดว่า “คุณอาเชว ก็ต้องฝากฝังคุณแล้ว”

เชวซู่ไม่แคร์สักนิดโบกมือแล้วโบกมืออีก

“วางใจเถอะ! เรื่องนี้ถึงแม้ไม่ได้เกิดอยู่บนกายของคุณเฉียว เพียงแค่เกี่ยวเนื่องไปถึงชีวิตของคนมากมายขนาดนี้ ผมก็จะไม่อยู่เฉยแน่ ผมจะทำสุดความพยายามของผมไปค้นคว้าวิจัย ยาถอนพิษของโรคชนิดนี้ แม้ไม่กล้ารับรองเต็มร้อยว่าจะสามารถค้นคว้าวิจัยออกมาแน่นอน แต่เพียงแค่ผมมีชีวิตอยู่วันหนึ่งก็จะไม่ละทิ้ง”

คำพูดของเขา ทำให้กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนสั่นสะเทือนเหลือเกิน

กู้ซือเฉียนพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า “คุณเชวความชอบธรรมสูงส่ง บุญคุณอันใหญ่หลวงขอไม่กล่าวเพียงแค่คำขอบคุณ คำพูดอื่นๆผมก็ไม่พูดมากแล้ว วันหลังถ้าต้องการอะไรเอาแต่พูดตรงๆผมจะไม่ปฏิเสธแม้ตายเป็นหมื่นๆครั้ง”

เชวซู่ยิ้มเบิกบานพูดว่า “ได้ คำพูดนี้ของคุณกู้ผมจดจำไว้แล้ว”

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีนี่จึงออกไป

ส่งกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีออกไป เพราะว่าลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงพรุ่งนี้ก็จะออกไปแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้โม่ไฉ่เวย ก็เลยตัดสินใจจัดเตรียมงานราตรีครอบครัวให้กับคนทั้งสอง ทำการฉลองสักหน่อย

หลังจากจิ่งหนิงรู้แล้ว ดีใจมากเช่นกัน ก็เลยช่วยโม่ไฉ่เวยจัดเตรียมอยู่

โม่ไฉ่เวยเป็นห่วงเธอว่าจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป ทำให้เกิดการรบกวนความสงบสุขของทารกในครรภ์ ไม่ให้เธอช่วยมากเกินไปเลย

และให้คนยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาไว้ข้างๆ ให้เธอนั่งอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนกับตนเอง

ฝีมือการทำอาหารของโม่ไฉ่เวยดีมาก ในเมื่อเป็นงานราตรีครอบครัว ย่อมต้องทำอาหารด้วยตนเอง กินในบ้านอยู่แล้ว

จิ่งหนิงกินอาหารที่โม่ไฉ่เวยทำตั้งแต่เด็กจนโต ชอบฝีมือการทำอาหารของเธอมากมาโดยตลอด ทั้งคิดถึงมากด้วย

ในช่วงเวลานี้ เธออยู่ฝั่งนี้ได้รับการดูแลจากโม่ไฉ่เวย แท้ที่จริงดีใจมากนะ

โม่ไฉ่เวยก็ดีใจที่ได้รักใคร่โปรดปรานเธอเช่นกัน

ถึงยังไง โม่ไฉ่เวยก็ไม่มีลูกของตนเอง แม้ว่าจิ่งหนิงไม่ใช่ลูกของเธอแท้ๆ กลับเป็นคนที่เธอเลี้ยงมากับมือ

อยู่ในใจเธอ จิ่งหนิงก็คือลูกแท้ๆของเธอ

งานเลี้ยงตอนกลางคืนคึกคักเหลือเกิน

เชวซู่เอาไวน์เก่าที่ดีของตนเองเก็บสะสมไว้ออกมา จิ่งหนิงตั้งครรภ์ดื่มไวน์ไม่ได้ ความสามารถในการดื่มเหล้าของโม่ไฉ่เวยก็ไม่ดี ดังนั้นมีเพียงแค่เชวซู่กับลู่จิ่งเซินดื่มอยู่สองคน

ทิวทัศน์ยามค่ำคืนดาวเต็มท้องฟ้า โต๊ะอาหารตั้งอยู่บนดาดฟ้าขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุด ทั้งครอบครัวทั้งดื่มไวน์พูดคุยกันทั้งรับลมพัดยามค่ำคืนอยู่อย่างสบายใจเหลือเกิน

อยู่ดีๆมือถือของจิ่งหนิงดังขึ้น

พอเธอควักออกมาดูเป็นอานอานโทรมา

ช่วงนี้ฝั่งนี้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินล้วนไม่วางใจให้เธอกับจิ้งเจ๋อน้อยอยู่ที่ฝั่งนี้ ด้วยเหตุนี้สั่งคนส่งพวกเขาทั้งสองกลับประเทศไปแล้วล่วงหน้า

โดยคร่าวๆท่านย่ากับท่านปู่ก็รู้สึกได้ว่าฝั่งนี้เกิดเรื่องแล้ว แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์กรX พวกเขาก็ถามมากไม่ได้

ก่อนหน้านี้ถามเพียงแค่ร่างกายของจิ่งหนิงไม่กี่คำ รู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนี่จึงวางใจ

จิ่งหนิงรับสายวิดีโอคอล ด้านตรงข้ามปรากฏใบหน้าเล็กๆที่งดงามของอานอานออกมาทันที ตื่นเต้นดีอกดีใจจนร้องตะโกนเรียกเธอ “หม่ามี๊”

จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า “แกทำอะไรอยู่ล่ะ?”

อานอานโผล่ฟันเขี้ยวน้อยแหลมของตนเองออกมา

“ฉันดูการ์ตูนเป็นเพื่อนน้องชายอยู่ หม่ามี๊คุณกับแด๊ดดี้จะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?”

ในเวลานี้ ลู่จิ่งเซินก็ได้ยินการเคลื่อนไหวของฝั่งนี้ ซุกหน้าเข้ามา

มองเห็นซาลาเปาเล็กสองลูกที่อยู่ด้านตรงข้าม สายตาของเขาอ่อนโยนลงหลายส่วน

“กี่โมงแล้วล่ะ? ทำไมยังไม่นอน?”

จิ่งหนิงเหลือบตามองเขาหนึ่งที

“อะไรกี่โมงแล้ว มีความต่างของเวลา ตอนนี้ในประเทศยังคงเป็นกลางวันล่ะ”

ลู่จิ่งเซินดื่มไวทน์ไปมาก สติมีความสับสนเล็กน้อย นี่จึงนึกได้ว่าทั้งสองฝั่งมีความต่างกันของเวลา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท