ประสบเจอเรื่องมากมายขนาดนี้มาด้วยกัน แม้ว่าลู่จิ่งเซินไม่จำเป็นต้องสงสัยบุคลิกกับความซื่อตรงของพวกเขาอีกแล้ว
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคนมากมายขนาดนี้ เชื่อว่าพวกเขาก็รู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้เช่นกัน จะไม่ทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ยิ่งกว่านั้นยังมีโม่หนานช่วยอยู่ฝั่งโน้น น่าจะไม่เป็นอะไร
ลู่จิ่งเซินก็เลยวางใจ อยู่นี่เป็นเพื่อนจิ่งหนิง
ข่าวการตายของหนานกงจิ่นส่งมาในคืนที่สาม
พวกเขาผ่านตัวระบุตำแหน่ง แน่ใจว่าหนานกงจิ่นกลับไปบนเกาะแห่งหนึ่ง อีกทั้งบริเวณรอบๆมีเพียงเขาคนเดียว
ดังนั้นกดสวิสลง ทำการระเบิดเลย
การระเบิดไม่ได้ทำให้เกิดความตระหนกตกใจมากเท่าไหร่เลย ถึงยังไงก็เป็นเกาะเดี่ยวๆแห่งหนึ่ง อีกทั้งในตอนต้นลู่จิ่งเซินสังเกตปริมาตรของระเบิดอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ นอกจากตัวเขาที่ตายเท่านั้น แม้กระทั่งบนเกาะล้วนไม่เกิดการทำร้ายมากเกินไปด้วย
กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีพาคนขององค์กรXขึ้นไปบนเกาะ หาศพที่ถูกระเบิดจนไม่เหมือนเค้าเดิมของหนานกงจิ่นเจอ
ใครก็นึกไม่ถึง ปีศาจแก่ที่อยู่มาเป็นพันปีคนหนึ่ง สุดท้ายจะตายอย่างเงียบๆด้วยวิธีนี้ อยู่บนเกาะร้างที่ไม่มีคนรู้จักแห่งนี้
วันที่สอง กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีกลับมาแล้ว
ตอนที่ถามลู่จิ่งเซินว่าคิดจะจัดการศพของหนานกงจิ่นยังไง
ลู่จิ่งเซินเงียบไปสักพักพูดเสียงเข้มว่า “เอาศพของเขากับเฉียนเฉียนฝังไว้ด้วยกันเถอะ”
ชั่วชีวิตของหนานกงจิ่นนี้ ทำร้ายคนมากมาย ทั้งทำเรื่องชั่วมามากมายเช่นกัน
แต่พูดถึงสุดท้าย ล้วนเป็นเพียงแค่เพื่อความเพ้อฝันของคนโง่อย่างหนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อมีชีวิตอยู่ไม่สามารถทำให้ฝันเขาเป็นจริง ก็ให้ฝันนี้เป็นจริงหลังจากเขาตายเถอะ
กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนมีความเงียบเล็กน้อย สุดท้ายยังคงให้คนไปจัดการเลย
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดร่างกายของจิ่งหนิงก็ฟื้นคืนได้เยอะเลย
เมืองเล็กๆที่อยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ เงื่อนไขแย่เกินไปแล้วจริงๆ ใครก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นผ่านการปรึกษาหารือกัน ตัดสินใจกลับไปปราสาทของเชวซู่ก่อน รอให้ร่างกายของจิ่งหนิงดีขึ้นอีกหน่อย ก็จะนั่งเครื่องบินกลับประเทศ
วันที่สองที่กลับไปปราสาท จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆไปที่หน้าหลุมฝังศพของหนานกงจิ่น
เพราะว่าหนานกงจิ่นกับเฉียนเฉียนก็คือพบเจอกันอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้สุดท้ายหลุมฝังศพของพวกเขาก็ถูกสร้างไว้อยู่ในทะเลทรายนี้
ไม่มีป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพ มีเพียงเนินทรายเล็กๆแห่งหนึ่ง เชวซู่บอกว่านี่เป็นวิธีการฝังที่ค่อนข้างเรียบง่ายเป็นที่นิยมของฝั่งนี้
ทะเลทรายกับอากาศที่ร้อนแผดเผาจะระเหยน้ำในตัวคนจนแห้งหมด สุดท้ายเป็นไปได้มากอาจจะกลายเป็นศพที่แห้งศพหนึ่ง เก็บรักษาไว้ได้ยาวนาน
พอจิ่งหนิงนึกถึงภาพนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคลื่นไส้ขนลุกไปพักหนึ่ง
ลู่จิ่งเซินกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ รีบให้เชวซู่อย่าพูดอีกเลย
เชวซู่ก็ได้พบเห็นว่าทำให้จิ่งหนิงตกใจแล้ว ยิ้มอย่างรู้สึกผิด
“จิ่งหนิง คุณอย่าหวาดกลัว ศพแห้งก็เพียงแค่ฟังแล้วน่ากลัวหน่อย ตามความจริงก็เหมือนเช่นดั่งมัมมี่ที่พวกคุณได้เห็นอยู่ในทีวี ไม่มีอะไรน่ากลัวนะ”
จิ่งหนิง “……”
โม่ไฉ่เวยบิดเอวของเขาหนึ่งที เหลือบมองเขาหนึ่งที
“ให้คุณอย่าพูดคุณยังพูดอีก”
เชวซู่งงๆเกาหัวแล้วเกาหัวอีก
เขาก็เพียงพูดทางวิทยาศาสตร์ตามปกติสักหน่อยล่ะ จะยังไงล่ะ?
คนทั้งหลายกลับถึงปราสาทในเวลาพลบค่ำ
ฝีมือการรักษาโรคของเชวซู่น่าตื่นตระหนกมาก จิ่งหนิงอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของเขา ปัจจุบันนี้ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว
ลู่จิ่งเซินตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ก็จะพาจิ่งหนิงกลับประเทศ
กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีก็จะออกไปเช่นกัน เมืองหลินฝั่งโน้นยังมีเรื่องมากมายรอเขาไปจัดการอยู่
แต่ก่อนคิดอยู่ว่าร่างกายของเฉียวฉีสำคัญที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทิ้งเรื่องเหล่านั้นไว้ข้างๆ ในเมื่อตอนนี้หนานกงจิ่นล้วนตายแล้ว เรื่องนี้ย่อมไม่มีความหวังอยู่แล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ยังคงรีบกลับไปเร็วหน่อยจะดีกว่า
ถึงยังไง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเข้มว่า “คนของผมได้พบเห็นผลของต้นเงินต้นทองบ้างเล็กน้อยอยู่บนเกาะที่หนานกงจิ่นพักอยู่ ถึงเวลานั้นผมให้คนส่งไปให้กับพวกคุณยังเมืองหลิน น่าจะสามารถประคองเวลาได้ไม่น้อย สำหรับเรื่องในอนาคต”
เขาหันหน้าจ้องมองเชวซู่หนึ่งที สายตาสัตย์ซื่อจริงใจ พูดว่า “คุณอาเชว ก็ต้องฝากฝังคุณแล้ว”
เชวซู่ไม่แคร์สักนิดโบกมือแล้วโบกมืออีก
“วางใจเถอะ! เรื่องนี้ถึงแม้ไม่ได้เกิดอยู่บนกายของคุณเฉียว เพียงแค่เกี่ยวเนื่องไปถึงชีวิตของคนมากมายขนาดนี้ ผมก็จะไม่อยู่เฉยแน่ ผมจะทำสุดความพยายามของผมไปค้นคว้าวิจัย ยาถอนพิษของโรคชนิดนี้ แม้ไม่กล้ารับรองเต็มร้อยว่าจะสามารถค้นคว้าวิจัยออกมาแน่นอน แต่เพียงแค่ผมมีชีวิตอยู่วันหนึ่งก็จะไม่ละทิ้ง”
คำพูดของเขา ทำให้กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีล้วนสั่นสะเทือนเหลือเกิน
กู้ซือเฉียนพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า “คุณเชวความชอบธรรมสูงส่ง บุญคุณอันใหญ่หลวงขอไม่กล่าวเพียงแค่คำขอบคุณ คำพูดอื่นๆผมก็ไม่พูดมากแล้ว วันหลังถ้าต้องการอะไรเอาแต่พูดตรงๆผมจะไม่ปฏิเสธแม้ตายเป็นหมื่นๆครั้ง”
เชวซู่ยิ้มเบิกบานพูดว่า “ได้ คำพูดนี้ของคุณกู้ผมจดจำไว้แล้ว”
กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีนี่จึงออกไป
ส่งกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีออกไป เพราะว่าลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงพรุ่งนี้ก็จะออกไปแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้โม่ไฉ่เวย ก็เลยตัดสินใจจัดเตรียมงานราตรีครอบครัวให้กับคนทั้งสอง ทำการฉลองสักหน่อย
หลังจากจิ่งหนิงรู้แล้ว ดีใจมากเช่นกัน ก็เลยช่วยโม่ไฉ่เวยจัดเตรียมอยู่
โม่ไฉ่เวยเป็นห่วงเธอว่าจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป ทำให้เกิดการรบกวนความสงบสุขของทารกในครรภ์ ไม่ให้เธอช่วยมากเกินไปเลย
และให้คนยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาไว้ข้างๆ ให้เธอนั่งอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนกับตนเอง
ฝีมือการทำอาหารของโม่ไฉ่เวยดีมาก ในเมื่อเป็นงานราตรีครอบครัว ย่อมต้องทำอาหารด้วยตนเอง กินในบ้านอยู่แล้ว
จิ่งหนิงกินอาหารที่โม่ไฉ่เวยทำตั้งแต่เด็กจนโต ชอบฝีมือการทำอาหารของเธอมากมาโดยตลอด ทั้งคิดถึงมากด้วย
ในช่วงเวลานี้ เธออยู่ฝั่งนี้ได้รับการดูแลจากโม่ไฉ่เวย แท้ที่จริงดีใจมากนะ
โม่ไฉ่เวยก็ดีใจที่ได้รักใคร่โปรดปรานเธอเช่นกัน
ถึงยังไง โม่ไฉ่เวยก็ไม่มีลูกของตนเอง แม้ว่าจิ่งหนิงไม่ใช่ลูกของเธอแท้ๆ กลับเป็นคนที่เธอเลี้ยงมากับมือ
อยู่ในใจเธอ จิ่งหนิงก็คือลูกแท้ๆของเธอ
งานเลี้ยงตอนกลางคืนคึกคักเหลือเกิน
เชวซู่เอาไวน์เก่าที่ดีของตนเองเก็บสะสมไว้ออกมา จิ่งหนิงตั้งครรภ์ดื่มไวน์ไม่ได้ ความสามารถในการดื่มเหล้าของโม่ไฉ่เวยก็ไม่ดี ดังนั้นมีเพียงแค่เชวซู่กับลู่จิ่งเซินดื่มอยู่สองคน
ทิวทัศน์ยามค่ำคืนดาวเต็มท้องฟ้า โต๊ะอาหารตั้งอยู่บนดาดฟ้าขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุด ทั้งครอบครัวทั้งดื่มไวน์พูดคุยกันทั้งรับลมพัดยามค่ำคืนอยู่อย่างสบายใจเหลือเกิน
อยู่ดีๆมือถือของจิ่งหนิงดังขึ้น
พอเธอควักออกมาดูเป็นอานอานโทรมา
ช่วงนี้ฝั่งนี้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินล้วนไม่วางใจให้เธอกับจิ้งเจ๋อน้อยอยู่ที่ฝั่งนี้ ด้วยเหตุนี้สั่งคนส่งพวกเขาทั้งสองกลับประเทศไปแล้วล่วงหน้า
โดยคร่าวๆท่านย่ากับท่านปู่ก็รู้สึกได้ว่าฝั่งนี้เกิดเรื่องแล้ว แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์กรX พวกเขาก็ถามมากไม่ได้
ก่อนหน้านี้ถามเพียงแค่ร่างกายของจิ่งหนิงไม่กี่คำ รู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนี่จึงวางใจ
จิ่งหนิงรับสายวิดีโอคอล ด้านตรงข้ามปรากฏใบหน้าเล็กๆที่งดงามของอานอานออกมาทันที ตื่นเต้นดีอกดีใจจนร้องตะโกนเรียกเธอ “หม่ามี๊”
จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า “แกทำอะไรอยู่ล่ะ?”
อานอานโผล่ฟันเขี้ยวน้อยแหลมของตนเองออกมา
“ฉันดูการ์ตูนเป็นเพื่อนน้องชายอยู่ หม่ามี๊คุณกับแด๊ดดี้จะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?”
ในเวลานี้ ลู่จิ่งเซินก็ได้ยินการเคลื่อนไหวของฝั่งนี้ ซุกหน้าเข้ามา
มองเห็นซาลาเปาเล็กสองลูกที่อยู่ด้านตรงข้าม สายตาของเขาอ่อนโยนลงหลายส่วน
“กี่โมงแล้วล่ะ? ทำไมยังไม่นอน?”
จิ่งหนิงเหลือบตามองเขาหนึ่งที
“อะไรกี่โมงแล้ว มีความต่างของเวลา ตอนนี้ในประเทศยังคงเป็นกลางวันล่ะ”
ลู่จิ่งเซินดื่มไวทน์ไปมาก สติมีความสับสนเล็กน้อย นี่จึงนึกได้ว่าทั้งสองฝั่งมีความต่างกันของเวลา