วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1080 อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว

บทที่ 1080 อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว

ตีหน้าเล็กขรึม ลักษณะท่าทีแบบจริงจัง จ้องมองท้องของจิ่งหนิงอยู่พูดว่า “ผมจะต้องทำหุ่นยนต์หลายตัว จะทำให้ที่ดีที่สุดหลังจากรอน้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยออกมา ผมก็จะให้พวกเขาเลย”

จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า “งั้นถ้าหากน้องสาวน้อยไม่ชอบล่ะ?”

ทันใดนั้นจิ้งเจ๋อน้อยเบิกตาโพลง

เนื่องเพราะตัวเขาเองชอบหุ่นยนต์มาก ดังนั้นโดยจิตใต้สำนึกก็เลยคิดว่าหุ่นยนต์เป็นของขวัญที่ดีที่สุดบนโลกนี้

เขายากที่จะจินตนาการ มีคนไม่ชอบหุ่นยนต์ได้ยังไงล่ะ?

จิ่งหนิงเห็นลักษณะท่าทีที่น่ารักเต็มใบหน้าของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน

ลู่จิ่งเซินยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าหากน้องสาวน้อยไม่ชอบ งั้นก็ส่งของขวัญชิ้นหนึ่งที่เธอชอบดีหรือไม่ล่ะ? เพียงแค่ของขวัญที่พี่ชายให้น้องสาวล้วนจะชอบล่ะ”

ดูเหมือนนี่จิ้งเจ๋อน้อยจึงเข้าใจได้ พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

ตีหน้าเล็กขรึมจริงจังเต็มใบหน้าพูดว่า “หม่ามี๊แด๊ดดี้ พวกท่านวางใจเถอะ ผมย่อมจะดูแลน้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยให้ดีๆอย่างแน่นอนล่ะ!”

ลักษณะท่าทีแบบผู้ใหญ่ตัวเล็กอย่างนี้ของเขา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะในใจอบอุ่นขึ้นมา

อานอานเห็นน้องชายล้วนรับรองแล้ว ย่อมไม่ยอมล้าหลังด้วยแน่นอน

ก็ตบหน้าอกพูดว่า “แด๊ดดี้หม่ามี๊ พวกท่านวางใจเถอะ ฉันก็จะดูแลพวกเขาอย่างดีด้วยล่ะ!”

จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ลูบหัวของพวกเขาลูบแล้วลูบอีกอย่างรักทะนุถนอม

“ได้ ฉันรู้ว่าอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยล้วนเป็นลูกที่ดีที่เยี่ยมที่สุด! ฉันเชื่อพวกแก!”

เจ้าตัวเล็กทั้งสองเห็นความเชื่อใจของหม่ามี๊ นี่จึงดีใจจนหัวเราะออกมา

ตามด้วยท้องของจิ่งหนิงยิ่งมายิ่งโต เห็นกับตาว่าเวลาที่จะคลอดลูกก็ใกล้จะถึงแล้ว เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยจึงรีบเร่งจากทะเลทรายเข้ามา

ปัจจุบันนี้เชวซู่ฝั่งโน้นล้วนจบกันหมดแล้ว เขาเอาโครงการในการค้นคว้าวิจัยและห้องทดลองทั้งหมดล้วนย้ายมาในประเทศ

ไม่ว่าเป็นด้านเงินทุนหรือว่าเป็นด้านสถานที่กับเส้นสาย ลู่จิ่งเซินล้วนให้ความช่วยเหลืออย่างมาก

เพียงแค่เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยสามารถตั้งถิ่นฐานอยูในประเทศได้ ทำให้จิ่งหนิงดีใจ เขาล้วนยินยอมที่จะทำทุกอย่าง

โม่ไฉ่เวยเห็นทั้งหมดนี้อยู่กับตา ยิ่งรู้สึกปลื้มใจ รู้สึกว่าจิ่งหนิงหาคนที่ใช่เจอแล้ว

จิ่งหนิงก็มีความสุขมาก เมื่อนานมาแล้วเธอกับโม่ไฉ่เวยก็แยกออกจากกัน หลายปีที่ผ่านมานี้หวังที่จะได้พบเจอกับโม่ไฉ่เวยอีกครั้งมาโดยตลอด

เดิมทีคิดว่านี่เพียงแค่เพ้อฝัน นึกไม่ถึงปัจจุบันนี้ไม่เพียงแค่เจอหน้าเท่านั้นยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อีก

ก็เหมือนเช่นดั่งแต่ก่อน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น เธอย่อมดีใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว

เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยเพิ่งย้ายมาไม่นาน ยังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ

ในช่วงเวลานี้ เนื่องเพราะท้องของจิ่งหนิงค่อยๆโตขึ้น ด้วยเหตุนี้เธอก็ไม่ได้ไปทำงานเช่นกัน

แท้ที่จริงตามความคิดของจิ่งหนิงเอง เธอยังคงไปทำงานสักระยะหนึ่งได้อีก

แต่ลู่จิ่งเซินกลับยืนหยัดให้เธออยู่ที่บ้าน ไม่อนุญาตให้เธอไปบริษัทอีก

จิ่งหนิงเห็นเขายืนหยัดขนาดนี้ ก็ไม่ได้บีบบังคับอีกเช่นกัน

ถึงยังไงการตั้งครรภ์ของเธอในครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ถึงยังไงการตั้งครรภ์เป็นฝาแฝดท้องจะใหญ่กว่าแต่ก่อนเยอะมาก

อย่าพูดว่าลู่จิ่งเซินไม่วางใจเธอ แม้แต่ท่านปู่กับท่านย่ารู้ว่าเธอยังอยากจะไปทำงาน ล้วนอดไม่ไหวที่จะต่อว่าเธอหนึ่งยก

จิ่งหนิงเห็นทั้งครอบครัวล้วนประคองตนเองเหมือนดั่งสัตว์หายาก อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะเล็กน้อย

โม่ไฉ่เวยกลับรู้สึกนี่เป็นบุญวาสนาของเธอ

ถึงยังไงมีคนรักทะนุถนอมเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนมากมายขนาดนี้รักทะนุถนอมเธอ

นี่เป็นบุญวาสนาที่คนมากมายอยากจะขอล้วนขอมาไม่ได้

จิ่งหนิงย่อมเข้าใจถึงหลักการนี้อยู่แล้ว ดังนั้นก็จะไม่ตั้งใจไปหาความตายจะไปทำงานให้ได้

ดังนั้น ก็จิตใจสบายไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจพักผ่อนอยู่ที่บ้านเลย

เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยไม่ได้ไปพักที่วิลล่าเฟิงเฉียวโดยตลอดเลย แต่เป็นการวางแผนจากลู่จิ่งเซินซื้อวิลล่าใหม่อีกหลังหนึ่ง เป็นที่ไม่ห่างไกลจากวิลล่าเฟิงเฉียวให้พวกเขาเข้าไปพัก

เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน หลังจากย้ายเข้าไป จิ่งหนิงอยู่เป็นเพื่อนจัดแต่งในบ้านกับโม่ไฉ่เวยอีกด้วย

ตั้งแต่ต้นจนจบยุ่งไปมากกว่าครึ่งเดือน จึงได้คงที่โดยสิ้นเชิง

และช่วงเวลานี้ เชวซู่ยุ่งกับเรื่องที่อยู่ในห้องทดลองฝั่งโน้นโดยตลอด ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเช่นกัน

จิ่งหนิงบางทีก็นอนอยู่กับโม่ไฉ่เวยที่นั่น

แม่ลูกทั้งสองพูดคุยความในใจอยู่ด้วยกัน อยู่เป็นเพื่อนซึ่งกันและกันสักหน่อย ก็ค่อนข้างดีนะ

แม้ว่าลู่จิ่งเซินมีความไม่สมัครใจที่กลางคืนไม่เห็นเธอเล็กน้อย แต่เห็นลักษณะท่าทีตอนที่เธออยู่ด้วยกันกับโม่ไฉ่เวยดีใจขนาดนั้น เขาก็ใจร้ายไม่ลงที่จะเรียกเธอกลับมาอีกเลย

สำหรับอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อย เวลาอธิบายกับพวกเขากลับไม่ได้เสียแรงอะไร

จิ่งหนิงเพียงแค่บอกว่าพวกแกชอบอยู่ด้วยกันกับหม่ามี๊ไหม? ลูกทั้งสองคนก็จะพยักหน้าอย่างเป็นเด็กดี

ดังนั้นเธอก็จะพูดว่าฉันก็ชอบอยู่ด้วยกันกับหม่ามี๊เช่นกัน

ลูกทั้งสองคนก็สามารถเข้าใจถึงความหมายของเธอโดยคร่าวๆ

พวกเขาล้วนเป็นลูกที่เฉลียวฉลาดรู้จักความ ย่อมจะไม่เอะอะโวยวายอยู่แล้ว ยิ่งจะไม่บีบบังคับเธอ

อีกทั้งตัวจิ่งหนิงเองก็รู้จักความพอดีเช่นกัน

โดยพื้นฐานล้วนห่างกันหลายวันจริงจะมาพักอยู่กับโม่ไฉ่เวยที่นั่นหนึ่งวัน ยามปกติยังคงอยู่เป็นเพื่อนกับลูกและลู่จิ่งเซินมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ทุกคนล้วนพูดอะไรไม่ได้

ช่วงเวลานี้ เชวซู่ทำการค้นคว้าวิจัยยาถอนพิษที่เกี่ยวกับโรคของเฉียวฉีอยู่ตลอด

แต่ของแบบนี้เขาทำการค้นคว้าวิจัยมาหลายปีขนาดนี้ล้วนค้นคว้าวิจัยไม่ได้ผลลัพธ์อะไรออกมา

อยู่ในเวลาสั้นๆอยากจะหาวิธีการรักษาเจอ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น

หลักการนี้ทุกคนล้วนรู้ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าในใจล้วนร้อนใจมาก กลับไม่กล้าเร่งเขาเช่นกัน

กลับเป็นหลังจากเชวซู่รู้บอกว่าต้นเงินทองที่เหลืออยู่กับเฉียวฉีฝั่งโน้นไม่มากแล้ว ในใจยิ่งร้อนใจมากขึ้น

ช่วงระยะนี้แทบจะล้วนแช่อยู่ในห้องทดลองทั้งวันทั้งคืน

โม่ไฉ่เวยเห็นจนรักสงสารไปพักหนึ่ง ทั้งใจร้ายไม่ลงห้ามปรามเขาอีก

ถึงยังไงใครก็รู้ อยู่ในเวลานี้สามารถทำการค้นคว้าวิจัยวิธีการรักษาออกมาได้สำคัญที่สุด

นั่นเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนมากมายอยู่นะ!

ลู่จิ่งเซินยังกังวลว่าเชวซู่ตัวคนเดียวทำการค้นคว้าวิจัยสิ่งนี้เหนื่อยมากเกินไปแล้ว ดังนั้นแทบจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถและคนมีฝีมือเฉพาะด้านนี้จากทั่วโลกไม่น้อยเข้ามาช่วยเหลือเขา

แต่ก่อนเชวซู่เป็นคนที่หยิ่งทะนงคนหนึ่ง ถ้าหากวางอยู่ในเวลานั้น เขาย่อมไม่ยินยอมแน่นอน กลับจะรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เชื่อใจเขาดูถูกเขาอยู่

แต่ในครั้งนี้ เขากลับเห็นได้ยากที่ไม่ได้ปฏิเสธ กลับสุภาพอ่อนโยนให้คนเหล่านี้อยู่ต่อ

ดูจากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกถึงระดับความยากของเรื่องนี้แล้ว

ถึงแม้สำหรับเขามากล่าว ก็ไม่มีความมั่นใจอะไรเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ จึงจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยให้คนเหล่านี้อยู่ต่อ

คนเหล่านี้ตื่นเต้นขนาดนี้ กลับเป็นเฉียวฉีที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ดูแล้วปรุโปร่ง

ตอนจิ่งหนิงโทรหาเธอพูดถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ เธอกระทั่งยังมีอารมณ์ปลอบใจพวกเขา ให้พวกเขาไม่ต้องร้อนใจมากเกินไป

ความเป็นความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา ร่ำรวยมีเกียรติฟ้าลิขิต

ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตสิ่งที่เธออยู่ได้รักได้ทำได้ล้วนอยู่มาก่อนแล้ว รักมาก่อน ทำมาก่อนแล้ว

ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้ตายไป เธอก็ไม่เสียดายอะไรอีกเช่นกัน

ทุกครั้งพอจิ่งหนิงได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็เพียงแค่คัดจมูกอยากจะร้องไห้

เพียงรู้สึกเจตนาฟ้ากลั่นแกล้งคน หญิงงามอาภัพ

ทำจนเป็นเฉียวฉียังต้องกลับมาปลอบโยนเธออีก

แต่แม้ว่าเฉียวฉีมองโลกในแง่ดี กู้ซือเฉียนไม่เหมือนกันเลยล่ะ

ตั้งแต่กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแต่งงานมา ความรักความผูกพันของทั้งสองคนก็ดีมากมาโดยตลอด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท