ตีหน้าเล็กขรึม ลักษณะท่าทีแบบจริงจัง จ้องมองท้องของจิ่งหนิงอยู่พูดว่า “ผมจะต้องทำหุ่นยนต์หลายตัว จะทำให้ที่ดีที่สุดหลังจากรอน้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยออกมา ผมก็จะให้พวกเขาเลย”
จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า “งั้นถ้าหากน้องสาวน้อยไม่ชอบล่ะ?”
ทันใดนั้นจิ้งเจ๋อน้อยเบิกตาโพลง
เนื่องเพราะตัวเขาเองชอบหุ่นยนต์มาก ดังนั้นโดยจิตใต้สำนึกก็เลยคิดว่าหุ่นยนต์เป็นของขวัญที่ดีที่สุดบนโลกนี้
เขายากที่จะจินตนาการ มีคนไม่ชอบหุ่นยนต์ได้ยังไงล่ะ?
จิ่งหนิงเห็นลักษณะท่าทีที่น่ารักเต็มใบหน้าของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน
ลู่จิ่งเซินยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าหากน้องสาวน้อยไม่ชอบ งั้นก็ส่งของขวัญชิ้นหนึ่งที่เธอชอบดีหรือไม่ล่ะ? เพียงแค่ของขวัญที่พี่ชายให้น้องสาวล้วนจะชอบล่ะ”
ดูเหมือนนี่จิ้งเจ๋อน้อยจึงเข้าใจได้ พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ตีหน้าเล็กขรึมจริงจังเต็มใบหน้าพูดว่า “หม่ามี๊แด๊ดดี้ พวกท่านวางใจเถอะ ผมย่อมจะดูแลน้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยให้ดีๆอย่างแน่นอนล่ะ!”
ลักษณะท่าทีแบบผู้ใหญ่ตัวเล็กอย่างนี้ของเขา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะในใจอบอุ่นขึ้นมา
อานอานเห็นน้องชายล้วนรับรองแล้ว ย่อมไม่ยอมล้าหลังด้วยแน่นอน
ก็ตบหน้าอกพูดว่า “แด๊ดดี้หม่ามี๊ พวกท่านวางใจเถอะ ฉันก็จะดูแลพวกเขาอย่างดีด้วยล่ะ!”
จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ลูบหัวของพวกเขาลูบแล้วลูบอีกอย่างรักทะนุถนอม
“ได้ ฉันรู้ว่าอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยล้วนเป็นลูกที่ดีที่เยี่ยมที่สุด! ฉันเชื่อพวกแก!”
เจ้าตัวเล็กทั้งสองเห็นความเชื่อใจของหม่ามี๊ นี่จึงดีใจจนหัวเราะออกมา
ตามด้วยท้องของจิ่งหนิงยิ่งมายิ่งโต เห็นกับตาว่าเวลาที่จะคลอดลูกก็ใกล้จะถึงแล้ว เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยจึงรีบเร่งจากทะเลทรายเข้ามา
ปัจจุบันนี้เชวซู่ฝั่งโน้นล้วนจบกันหมดแล้ว เขาเอาโครงการในการค้นคว้าวิจัยและห้องทดลองทั้งหมดล้วนย้ายมาในประเทศ
ไม่ว่าเป็นด้านเงินทุนหรือว่าเป็นด้านสถานที่กับเส้นสาย ลู่จิ่งเซินล้วนให้ความช่วยเหลืออย่างมาก
เพียงแค่เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยสามารถตั้งถิ่นฐานอยูในประเทศได้ ทำให้จิ่งหนิงดีใจ เขาล้วนยินยอมที่จะทำทุกอย่าง
โม่ไฉ่เวยเห็นทั้งหมดนี้อยู่กับตา ยิ่งรู้สึกปลื้มใจ รู้สึกว่าจิ่งหนิงหาคนที่ใช่เจอแล้ว
จิ่งหนิงก็มีความสุขมาก เมื่อนานมาแล้วเธอกับโม่ไฉ่เวยก็แยกออกจากกัน หลายปีที่ผ่านมานี้หวังที่จะได้พบเจอกับโม่ไฉ่เวยอีกครั้งมาโดยตลอด
เดิมทีคิดว่านี่เพียงแค่เพ้อฝัน นึกไม่ถึงปัจจุบันนี้ไม่เพียงแค่เจอหน้าเท่านั้นยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อีก
ก็เหมือนเช่นดั่งแต่ก่อน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น เธอย่อมดีใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว
เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยเพิ่งย้ายมาไม่นาน ยังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ
ในช่วงเวลานี้ เนื่องเพราะท้องของจิ่งหนิงค่อยๆโตขึ้น ด้วยเหตุนี้เธอก็ไม่ได้ไปทำงานเช่นกัน
แท้ที่จริงตามความคิดของจิ่งหนิงเอง เธอยังคงไปทำงานสักระยะหนึ่งได้อีก
แต่ลู่จิ่งเซินกลับยืนหยัดให้เธออยู่ที่บ้าน ไม่อนุญาตให้เธอไปบริษัทอีก
จิ่งหนิงเห็นเขายืนหยัดขนาดนี้ ก็ไม่ได้บีบบังคับอีกเช่นกัน
ถึงยังไงการตั้งครรภ์ของเธอในครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ถึงยังไงการตั้งครรภ์เป็นฝาแฝดท้องจะใหญ่กว่าแต่ก่อนเยอะมาก
อย่าพูดว่าลู่จิ่งเซินไม่วางใจเธอ แม้แต่ท่านปู่กับท่านย่ารู้ว่าเธอยังอยากจะไปทำงาน ล้วนอดไม่ไหวที่จะต่อว่าเธอหนึ่งยก
จิ่งหนิงเห็นทั้งครอบครัวล้วนประคองตนเองเหมือนดั่งสัตว์หายาก อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะเล็กน้อย
โม่ไฉ่เวยกลับรู้สึกนี่เป็นบุญวาสนาของเธอ
ถึงยังไงมีคนรักทะนุถนอมเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนมากมายขนาดนี้รักทะนุถนอมเธอ
นี่เป็นบุญวาสนาที่คนมากมายอยากจะขอล้วนขอมาไม่ได้
จิ่งหนิงย่อมเข้าใจถึงหลักการนี้อยู่แล้ว ดังนั้นก็จะไม่ตั้งใจไปหาความตายจะไปทำงานให้ได้
ดังนั้น ก็จิตใจสบายไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจพักผ่อนอยู่ที่บ้านเลย
เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยไม่ได้ไปพักที่วิลล่าเฟิงเฉียวโดยตลอดเลย แต่เป็นการวางแผนจากลู่จิ่งเซินซื้อวิลล่าใหม่อีกหลังหนึ่ง เป็นที่ไม่ห่างไกลจากวิลล่าเฟิงเฉียวให้พวกเขาเข้าไปพัก
เชวซู่กับโม่ไฉ่เวยก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน หลังจากย้ายเข้าไป จิ่งหนิงอยู่เป็นเพื่อนจัดแต่งในบ้านกับโม่ไฉ่เวยอีกด้วย
ตั้งแต่ต้นจนจบยุ่งไปมากกว่าครึ่งเดือน จึงได้คงที่โดยสิ้นเชิง
และช่วงเวลานี้ เชวซู่ยุ่งกับเรื่องที่อยู่ในห้องทดลองฝั่งโน้นโดยตลอด ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเช่นกัน
จิ่งหนิงบางทีก็นอนอยู่กับโม่ไฉ่เวยที่นั่น
แม่ลูกทั้งสองพูดคุยความในใจอยู่ด้วยกัน อยู่เป็นเพื่อนซึ่งกันและกันสักหน่อย ก็ค่อนข้างดีนะ
แม้ว่าลู่จิ่งเซินมีความไม่สมัครใจที่กลางคืนไม่เห็นเธอเล็กน้อย แต่เห็นลักษณะท่าทีตอนที่เธออยู่ด้วยกันกับโม่ไฉ่เวยดีใจขนาดนั้น เขาก็ใจร้ายไม่ลงที่จะเรียกเธอกลับมาอีกเลย
สำหรับอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อย เวลาอธิบายกับพวกเขากลับไม่ได้เสียแรงอะไร
จิ่งหนิงเพียงแค่บอกว่าพวกแกชอบอยู่ด้วยกันกับหม่ามี๊ไหม? ลูกทั้งสองคนก็จะพยักหน้าอย่างเป็นเด็กดี
ดังนั้นเธอก็จะพูดว่าฉันก็ชอบอยู่ด้วยกันกับหม่ามี๊เช่นกัน
ลูกทั้งสองคนก็สามารถเข้าใจถึงความหมายของเธอโดยคร่าวๆ
พวกเขาล้วนเป็นลูกที่เฉลียวฉลาดรู้จักความ ย่อมจะไม่เอะอะโวยวายอยู่แล้ว ยิ่งจะไม่บีบบังคับเธอ
อีกทั้งตัวจิ่งหนิงเองก็รู้จักความพอดีเช่นกัน
โดยพื้นฐานล้วนห่างกันหลายวันจริงจะมาพักอยู่กับโม่ไฉ่เวยที่นั่นหนึ่งวัน ยามปกติยังคงอยู่เป็นเพื่อนกับลูกและลู่จิ่งเซินมากกว่า
ด้วยเหตุนี้ทุกคนล้วนพูดอะไรไม่ได้
ช่วงเวลานี้ เชวซู่ทำการค้นคว้าวิจัยยาถอนพิษที่เกี่ยวกับโรคของเฉียวฉีอยู่ตลอด
แต่ของแบบนี้เขาทำการค้นคว้าวิจัยมาหลายปีขนาดนี้ล้วนค้นคว้าวิจัยไม่ได้ผลลัพธ์อะไรออกมา
อยู่ในเวลาสั้นๆอยากจะหาวิธีการรักษาเจอ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น
หลักการนี้ทุกคนล้วนรู้ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าในใจล้วนร้อนใจมาก กลับไม่กล้าเร่งเขาเช่นกัน
กลับเป็นหลังจากเชวซู่รู้บอกว่าต้นเงินทองที่เหลืออยู่กับเฉียวฉีฝั่งโน้นไม่มากแล้ว ในใจยิ่งร้อนใจมากขึ้น
ช่วงระยะนี้แทบจะล้วนแช่อยู่ในห้องทดลองทั้งวันทั้งคืน
โม่ไฉ่เวยเห็นจนรักสงสารไปพักหนึ่ง ทั้งใจร้ายไม่ลงห้ามปรามเขาอีก
ถึงยังไงใครก็รู้ อยู่ในเวลานี้สามารถทำการค้นคว้าวิจัยวิธีการรักษาออกมาได้สำคัญที่สุด
นั่นเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนมากมายอยู่นะ!
ลู่จิ่งเซินยังกังวลว่าเชวซู่ตัวคนเดียวทำการค้นคว้าวิจัยสิ่งนี้เหนื่อยมากเกินไปแล้ว ดังนั้นแทบจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถและคนมีฝีมือเฉพาะด้านนี้จากทั่วโลกไม่น้อยเข้ามาช่วยเหลือเขา
แต่ก่อนเชวซู่เป็นคนที่หยิ่งทะนงคนหนึ่ง ถ้าหากวางอยู่ในเวลานั้น เขาย่อมไม่ยินยอมแน่นอน กลับจะรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เชื่อใจเขาดูถูกเขาอยู่
แต่ในครั้งนี้ เขากลับเห็นได้ยากที่ไม่ได้ปฏิเสธ กลับสุภาพอ่อนโยนให้คนเหล่านี้อยู่ต่อ
ดูจากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกถึงระดับความยากของเรื่องนี้แล้ว
ถึงแม้สำหรับเขามากล่าว ก็ไม่มีความมั่นใจอะไรเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยให้คนเหล่านี้อยู่ต่อ
คนเหล่านี้ตื่นเต้นขนาดนี้ กลับเป็นเฉียวฉีที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ดูแล้วปรุโปร่ง
ตอนจิ่งหนิงโทรหาเธอพูดถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ เธอกระทั่งยังมีอารมณ์ปลอบใจพวกเขา ให้พวกเขาไม่ต้องร้อนใจมากเกินไป
ความเป็นความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา ร่ำรวยมีเกียรติฟ้าลิขิต
ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตสิ่งที่เธออยู่ได้รักได้ทำได้ล้วนอยู่มาก่อนแล้ว รักมาก่อน ทำมาก่อนแล้ว
ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้ตายไป เธอก็ไม่เสียดายอะไรอีกเช่นกัน
ทุกครั้งพอจิ่งหนิงได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็เพียงแค่คัดจมูกอยากจะร้องไห้
เพียงรู้สึกเจตนาฟ้ากลั่นแกล้งคน หญิงงามอาภัพ
ทำจนเป็นเฉียวฉียังต้องกลับมาปลอบโยนเธออีก
แต่แม้ว่าเฉียวฉีมองโลกในแง่ดี กู้ซือเฉียนไม่เหมือนกันเลยล่ะ
ตั้งแต่กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแต่งงานมา ความรักความผูกพันของทั้งสองคนก็ดีมากมาโดยตลอด