หยู่เหวินเห้าคุกเข่าอยู่ข้างหัวเตียง พลางยื่นออกไปโอบใบหน้าของนางพร้อมกับลูบหน้านางเบาๆ โดยที่ไม่สามารถกล่าวคำพูดปลอบใจใดๆ ได้เลย มีเพียงบางครั้งที่เขาจะโน้มริมฝีปากจูบลงบนใบหน้าของนางอย่างเบาบาง
หยวนชิงหลิงรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเขา นางจึงพยายามที่จะอดทนเอาไว้ ไม่ให้ตัวเองร้องเจ็บปวดออกมา ทั้งที่ความเป็นจริงมันเจ็บปวดจนไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้อีก นางอ้าปากกว้างสูดลมหายใจเข้า
และเป็นอยู่เช่นนี้ร่วมเวลาหนึ่งชั่วยาม และท้ายที่สุดหยวนชิงหลิงก็ไม่อาจอดทนต่อความเจ็บปวดได้อีก ร่างกายของนางกระตุกขึ้นมา และเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้มีเหงื่อไหลออกมาจนท่วมตัว เหงื่อไหลลงมาเต็มหน้าผากพร้อมกับน้ำตาจากความเจ็บปวดที่ไม่อาจอดกลั้นเอ่อล้นออกมาพร้อมกัน
“ข้าเจ็บ……” นางกัดฟันสั่น ซึ่งตรงหัวไหลถือเป็นจุดที่เจ็บที่สุด เพราะลูกธนูไปแทงทะลุกระดูกลงไป และคาดว่าอาจเป็นเพราะกระดูกแตกจึงทำให้ความเจ็บแผ่ซ่านออกมา โดยที่ความเจ็บปวดนั้นค่อยๆ แผ่ออกมาเป็นระลอกๆ
หยู่เหวินเห้าเช็ดน้ำตาของนาง และเมื่อได้ยินนางพูดว่าเจ็บ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปตะคอกใส่หมอหลวง
: “ท่านเร่งวิธีเข้าสิ!”
“เม็ดยาจื่อจินพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้หมอหลวงไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ พร้อมกับคุกเข่าลง : “ท่านอ๋องยังมียาเม็ดจื่อจินหรือไม่? ยาเม็ดจื่อจินสามารถระงับความเจ็บปวดได้ชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปมียาเม็ดจื่อจินได้อย่างไรกัน?” หยู่เหวินเห้าคำรามออกมา ราวกับสิงโตที่กำลังเดือดดาล ทั้งยาเม็ดจื่อจินของอ๋องฉี และของอ๋องชินลุ่ยล้วนถูกเขากินไปหมดแล้ว
พี่น้องคนอื่น เขาก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดยินยอมมอบให้อีก
“ข้าจะไปขอน้องหก!” ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็นึกถึงอ๋องหวยขึ้นมา เขากำลังจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกหยวนชิงหลิงที่รวบรวมแรงทั้งหมดดึงนิ้วมือหนึ่งของเขาเอาไว้ พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่หวาดกลัวและสิ้นหวัง “อย่า……ไป อย่าทิ้งข้าไว้!”
ทังหยางจึงรีบเข้าไปหาทันที : “กระหม่อมไปเอง กระหม่อมจะไปร้องขอเองพ่ะย่ะค่ะ”
ทังหยางรีบวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ ยาเม็ดจื่อจินนี้เป็นยาช่วยชีวิต อ๋องหวยน่าจะยอมมอบให้ แต่หลู่เฟยก็อยู่ที่จวนด้วยเช่นกัน หลู่เฟยจะยินยอมงั้นหรือ?
เขาอยากจะเข้าไปขอคำชี้แนะจากฮ้งเต้หมิงหยวนก่อน ทว่าตอนนี้ฮ้องเต้หมิงหยวนได้เสด็จกลับเข้าวังไปแล้ว เมื่อสักครู่นี้เขาอยู่ที่ฝั่งอ๋องซุนเพียงครู่เดียว ก็เสด็จกลับแล้ว
จะให้เข้าวังไปร้องขออีกครั้ง การเดินทางไปมา ก่อให้เกิดการเสียเวลา ความเจ็บปวดของพระชายาในตอนนี้นั้นสาหัสเป็นอย่างมาก ไม่สามารถที่จะเสียเวลาได้อีกแล้ว
ดังนั้นทังหยางจึงควบม้ามุ่งตรงไปยังจวนอ๋องหวยทันที
ตอนนี้ก็ใกล้จะเลยเวลาแล้ว หากตามเวลาในวันก่อนๆ หยวนชิงหลิงควรจะมาถึงจวนอ๋องหวยตั้งนานแล้ว
แต่วันนี้หลู่เฟยรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นนางมาเสียที ซึ่งอ๋องหวยก็เตรียมตัวจะทานยาครั้งที่หนึ่งแล้ว ถึงจะบอกว่าที่นี่ยังมียา แต่ว่าทุกวันไม่ใช่ว่าจะต้องฉีดยาอะไรนั่นหรอกหรือ?
“วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางถึงยังมาไม่ถึงเลย” หลู่เฟยนั่งอยู่ตรงหน้าอ๋องหวยอย่างไม่สามารถระงับอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ได้
อ๋องหวยก็ยังคงกล่าวอย่างเรียบนิ่ง : “บางทีอาจจะมีธุระสำคัญเลยล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ใช่ บางทีอาจจะล่าช้าเสียหน่อย” หลู่เฟยนึกถึงเรื่องที่ถูกวางยาเมื่อวานนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ในขณะที่กำลังร้อนรนอยู่นั่น ก็มีคนรับใช้เข้ามารายงานว่ามีขุนนางในจวนอ๋องฉู่เข้ามาพบด้วยธุระด่วน
หลู่เฟยถึงกับตกตะลึง “ขุนนางในจวนอ๋องฉู่งั้นหรือ ?ไม่ใช่พระชายาฉู่ที่มาหรอกหรือ?หรือว่าจะนำยามาส่ง?รีบให้เขาเข้ามา”
หลู่เฟยคิดว่าในเมื่อหยวนชิงหลิงสามารถฉีดยาเหล่านั้นได้ นางคงจะสอนให้ผู้อื่นรู้วิธีการฉีดยานั้นด้วย บางทีวันนี้นางอาจจะมีธุระจนอาจจะมีความล่าช้า ดังนั้นจึงได้สั่งให้ขุนนางในจวนมาฉีดยาให้หวยเอ๋อร์แทน
ทังหยางที่เข้ามาก็คุกเข่าลงทันทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวลใจ “กระหม่อมขอถวายบังคมหลู่เฟย และอ๋องหวยพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เฟยตอบกลับทันที : “เจ้าลุกขึ้นเถอะ พระชายาฉู่ส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อฉีดยาใช่หรือไม่?”
ทังหยางไม่ลุกขึ้นและยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น เขาที่เร่งเข้ามาทำให้ยังมีอาการหายใจติดขัด “เปล่า ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ โปรดกระหม่อมหลู่เฟย และอ๋องหวย กระหม่อมมาที่นี่ด้วยคำสั่งของอ๋องฉู่ในการร้องขอยาเม็ดจื่อจินของอ๋องหวยพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เฟยที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวปฏิเสธทันที “ยาเม็ดจื่อจิน?ไม่ได้ นี่เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถที่จะมอบให้เจ้าได้”
ตอนนี้ในวังไม่มียาเม็ดจื่อจินแล้ว และเหล่าอ๋องทุกคนล้วนมีเพียงคนละเม็ดเท่านั้น ในยามขับขานสามารถช่วยหนึ่งชีวิตได้ จะมอบให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร?
อ๋องหวยกลับดันตัวขึ้นนั่ง “ทังหยาง เหตุใดถึงต้องการยาเม็ดจื่อจินด้วย ?ท่านพี่ห้ามีปัญหาเกิดขึ้นเช่นนั้นหรือไม่?”
ทังหยางที่ได้ยินหลู่เฟยกล่าวปฏิเสธ เขาก็ใจฝ่อไปไม่น้อย ตอนน้ได้เพียงแต่ต้องร้องขออ๋องหวยแล้วเท่านั้น
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ท่านอ๋อง แต่เป็นพระชายา เมื่อคืนนี้ในขณะที่กลับจากจวนอ๋องหวย ระหว่างทางถูกลอบสังหารพ่ะย่ะค่ะ ทั้งพระชายาและอ๋องซุนต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อ๋องซุนนั้นมียาเม็ดจื่อจิน แต่พระชายาไม่มี พระชายากำลังอยู่ในอันตราย จึงโปรดกระหม่อมอ๋องหวยมอบยาเม็ดจื่อจินให้ด้วย ท่านอ๋องของเราจะทรงจดจำความกรุณานี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เฟยและอ๋องหวยต่างก็ตกใจอย่างมาก ก่อนที่หลู่เฟยจะลุกขึ้นแล้วกล่าวด้วยความร้อนใจ : “พระชายาฉู่ถูกลอบสังหาร?แล้วผู้ใดเป็นคนลงมือ?”
ทังหยางส่ายหน้า “ยังคงอยู่ในระหว่างการสืบสวน แต่สามารถเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการสังหารพระชายา เพื่อไม่ให้อ๋องหวยหายประชวร เพราะหากพระชายาสิ้นชีวิต อ๋องหวยเองก็ไร้ซึ่งหนทางรักษา”
ถึงทังหยางเองจะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ก็มีเพียงจะต้องพูดแบบนี้แล้วเท่านั้น
ทันใดนั้นสีหน้าของหลู่เฟยก็ซีดเซียวขึ้นมา
“เสด็จแม่ รีบไปหยิบยาเม็ดจื่อจินมาเร็วเข้า มันอยู่ในกล่องใต้ลิ้นชักนั่น” อ๋องหวยรีบบอกทันที
หลู่เฟยยืนนิ่งด้วยความสับสน ก่อนจะเดินไปยังตู้นั้นด้วยความเฉื่อยชา แล้วดึงลิ้นชักออกมาแล้วนำกล่องสีทองใบหนึ่งออกมา
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พลางส่ายหน้าทันที “ไม่ ไม่ได้ ถ้าหากแม้แต่พระชายาฉู่ยังถูกลอบสังหาร เช่นนั้นก็ยากที่จะมั่นใจได้แล้วว่าหวยเอ๋อจะรอดพ้นจากการถูกปองร้าย ข้าไม่สามารถมอบยาเม็ดจื่อจินนี้แก่นางเด็ดขาด”
อ๋องหวยร้อนใจ “เสด็จแม่ ถ้าหากไม่ใช่พี่สะใภ้ห้า หม่อมชั้นก็คงจะตายไปนานแล้ว และอีกประการหนึ่งหากครั้งนี้พี่สะใภ้ห้าเป็นอันใดไป ข้าก็คงจะไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เฟยส่ายหน้าอย่างหนัก ในสมองตอนนี้มึนงงสับสนไปหมด เพราะถูกข่าวที่หยวนชิงหลิงถูกลอบสังหารทำให้สติกระเจิงไปจนหมด
“แต่ว่าเจ้าในตอนนี้ อาการดีกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมากแล้ว เป็นไปได้ที่จะสามารถเชิญให้หมอหลวงมาให้การรักษาเจ้าต่อไป เจ้าจะต้องหายดีเป็นแน่”
อย่ามาโทษว่านางเห็นแก่ตัวเลย ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจเทียบได้กับชีวิตของลูกชายได้อีกแล้ว
ตอนนี้ทังหยางได้เพียงอ้อนวอนต่ออ๋องหวยเท่านั้นแล้ว “โปรดกระหม่อม เรื่องนี้หากกล่าวให้ชัดเจนแล้ว เดิมทีพระชายาจะไม่พบเจอกับเรื่องเช่นนี้ แต่เป็นเพราะต้องให้การรักษาแก่ท่านอ๋อง ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เฟยกล่าวอย่างโกรธเคือง : “หุบปาก หุบปากของเจ้าเสีย นางเองก็ไม่ได้ให้การรักษาหวยเอ๋อด้วยความจริงใจเสียหน่อย นางเพียงต้องการสร้างผลงานเท่านั้น”
“ท่านหญิงไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ ในใจของพระชายาไม่เคยคิดที่จะสร้างผลงานใดๆ ทั้งสิ้น การที่พระนางทรงให้การรักษาไท่ซ่างหวงจนหายดี ก็นับว่ามีคุณงามความดีมากพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทังหยางที่เห็นยาเม็ดจื่อจินในมือของหลู่เฟย ก็แทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปแย่งชิงมา
อ๋องหวยเองก็เดือดขึ้นมาเช่นกัน “เสด็จแม่ ถ้าหากท่านจะให้ข้าเป็นคนที่อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แล้วเช่นนั้นข้าจะมีหน้าที่ไหนมาอยู่บนโลกนี้ต่อไปเล่าพ่ะย่ะค่ะ ?ให้ข้าตายเสียอย่างจะดีกว่า”
หลู่เฟยที่ได้ยินคำว่าตายเพียงคำเดียวก็ถึงกับสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เงามืดแห่งความตายได้ตามหลอกหลอนนางมานานเหลือเกิน
สามปีมานี้นางจมอยู่กับความสิ้นหวัง
แต่เป็นเพราะช่วงไม่นานมานี้ได้พบกับแสงรุ่งอรุณแห่งความหวัง
แต่แสงสว่างนั้นกลับเป็นสิ่งที่พระชายาฉู่เป็นผู้ที่มอบให้
ในใจของนางตอนนี้ซับซ้อนอย่างมาก นางไม่เกรงกลัวที่จะกลายเป็นผู้ลืมบุญคุณคน นางสนใจเพียงแต่ความอยู่รอดของลูกชายเท่านั้น
แต่ว่าผู้ใดกันที่ได้มอบความหวังให้กับนางในตอนที่นางสิ้นหวังที่สุดเล่า?
ทังหยางกัดฟันแน่นกล่าวด้วยความเศร้าโศก : “ท่านหญิง ถึงแม้พระชายาจะมารักษาอ๋องหวยตามพระบัญชาฝ่าบาท แต่นางไม่ได้กล่าวว่าจะสามารถให้การรักษาจนหายป่วยได้ พระชายาไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น และไม่มีความจำเป็นต้องขัดแย้งกับพระชายาจี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะพระนางกลัวว่าพระชายาจี้จะสร้างผลกระทบต่อการรักษาท่านอ๋อง และไม่ลังเลเลยแม้จะต้องบาดหมางกับพระชายาจี้ นี่นับเป็นเพียงการร้างคุณงามความชอบเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
หลู่เฟยถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะมอบยาเม็ดจื่อจินให้กับทังหยาง ถึงแม้จะมีความลังเล แต่ใบหน้าของนางก็แสดงความโล่งใจออกมา
“เอาล่ะ จะเป็นหรือตายแล้วขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว ยาเม็ดจื่อจินนี้ได้มอบไปแล้ว ระหว่างหวยเอ๋อร์และนางก็นับว่าสิ้นแล้วต่อกัน”
ที่จริงแล้วนางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่อาจที่จะสิ้นแล้วต่อกัน เพราะการที่พระชายาฉู่ประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ เกิดมาจากอ๋องหวย
ถึงงอย่างนั้น การพูดก่อนย่อมดีกว่าเพื่อไม่ให้ถูกผู้นำไปติฉินนินทาได้
และนี่คือวิธีการในการจัดการปัญหาของหลู่เฟย นางไม่มีความต้องการในการแสวงความได้เปรียบ หรือต่อให้นางจะได้เปรียบมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่นางไม่มีทางยอมที่จะเป็นฝ่ายเสียแต้มเด็ดขาด
มีหรือที่ทังหยางจะไปสนใจเกี่ยวกับความหมายจากคำพูดของนาง?เมื่อได้ยาเม็ดจื่อจินมา เขาก็รีบกล่าวขอบพระทัยแสดงถึงความซึ้งใจก่อนที่จะจากไป