พระชายาซุนช่วงนี้ก็ชอบมาที่จวนอ๋องฉู่ วันนี้ นำเอาเสื้อผ้าเด็กที่จวิ้นจู่จิ้งเหอทำขึ้นมาด้วยสามตัว
เพราะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่แนบเนื้อ จึงไม่ได้ปักลายอะไร
“นางบอกว่าผิวของเด็กบอบบางนุ่มนิ่ม เหมาะกับการสวมชุดผ้าฝ้าย นางมีจิตใจละเอียดอ่อนมาก จุดอื่นๆไม่สามารถปักลายได้ จึงได้ปักลายเป็นรูปดอกไม้หนึ่งดอกไว้ที่ชายเสื้อ ”พระชายาซุนพูด
หยวนชิงหลิงลูบไปที่ลายปักดอกไม้ ฝีมือการปักของจวิ้นจู่ดีมาก ละเอียดเป็นที่สุด ผ้าที่ใช้พอจับแล้วก็รู้สึกอ่อนนุ่มสบายมาก “ลำบากนางแล้ว เมื่อวานท่านไปเยี่ยมนางหรือ”
“ใช่ นางบอกว่าขอบคุณเจ้ามากที่ส่งคนไปดูแลนาง”พระชายาซุนมองนาง เต็มไปด้วยความตื้นตัน “เจ้าเป็นคนมีน้ำใจจริงๆ คนมากมายลืมนางไม่แล้ว มีเพียงเจ้าที่ยังจำได้ว่านางได้รับความทุกข์ทรมานมากแค่ในตอนอยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่ ส่งของกินของใช้ให้นางต่างๆนานา”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ที่จริง เป็นไท่ซ่างหวงที่บอกให้ข้าว่าถ้าว่างก็ให้ส่งคนไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับนาง”
“ไท่ซ่างหวง?”พระชายาซุนรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง “ไท่ซ่างหวงยังเป็นห่วงนางอยู่หรือ นางรู้แล้วต้องดีใจมากแน่ๆ”
“สภาพจิตใจของนางเป็นอย่างไรบ้าง ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
พระชายาซุนพับเสื้อไว้อย่างดี วางไว้ข้างๆ พูดว่า “ดีกว่าแต่ก่อนเยอะแล้ว แต่ว่าตอนกลางคืนก็ยังคงนอนไม่หลับ แต่ว่า นางบอกว่าตอนนี้ได้กินยาที่เจ้าให้คนส่งไปให้แล้ว ทั้งอารมณ์และทุกๆด้านก็ดีขึ้นเยอะมาก กินยาก็สามารถนอนหลับได้ แต่พอไม่กินยาก็นอนไม่หลับ ”
“ให้นางกินไปก่อนระยะหนึ่ง รอให้อาการดีขึ้นอีกหน่อย ค่อยๆปรับลดยาให้น้อยลง”หยวนชิงหลิงพูด
พระชายาซุนอืมเสียงหนึ่ง นิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดว่า “เจ้าสามเขียนจดหมายมาแล้ว”
หยวนชิงหลิงมองท่าทีเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่พูดของนาง จึงพูดว่า “เขาเขียนอะไรในจดหมาย”
พระชายาซุนส่ายหน้า “ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ถามถึงอาการของจวิ้นจู่จิ้งเหอเท่านั้น นี่ข้าก็กำลังลังเลใจอยู่ว่าสมควรจะบอกเขาดีหรือไม่ ความเห็นของพี่รองของเจ้า บอกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับจวิ้นจู่จิ้งเหอทั้งหมดให้บอกเขาไป แต่ข้ารู้สึกว่า ต่างก็หย่ากันแล้ว ให้เขารู้แล้วมีประโยชน์อะไร เกรงว่าจะกลับมาพัวพันวุ่นวายกันอีก จิ้งเหอคงทนไม่ได้แน่ๆ ”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พูดว่า “ถ้าหากเขาไม่ได้รับคำตอบ กลับทำให้ไม่สามารถอยู่ที่เป่ยจวิ้นได้อย่างวางใจ ท่านให้พี่รองบอกกับเขาว่า จวิ้นจู่สบายดีทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดอื่นๆ ”
พระชายาซุนพยักหน้าเงียบๆ สีหน้ามีแววเสียใจอยู่บ้าง “พวกเขาทะเลาะกันจนเป็นอย่างนี้ ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ หญิงอัปลักษณ์อย่างกู้จือคนนั้น ก็ไม่ได้นับว่ามีวิธีการที่ทำให้มีเสน่ห์น่าหลงใหลปานนั้น แต่กลับสามารถดึงดูดวิญญาณของเขาไปได้ ทำไมจึงทนต่อบททดสอบไม่ได้เลยนะ”
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบาว่า “ปัญหาของพวกเขาสองคน ไม่ได้อยู่ที่กู้จือ กู้จือก็แค่ตัวตลกที่คอยก่อกวน พวกเขามีปัญหาในเรื่องความเชื่อใจ ระหว่างสามีภรรยา ต่างก็เชื่อใจกันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ”
พระชายาซุนก็รู้สึกเช่นนั้นอยู่ลึกๆเหมือนกัน
ผ่านไปสองวัน หยวนชิงหลิงให้หยู่เหวินเห้าไปเชิญเจ้าพระยาเจียงหนิงและภรรยามาเป็นแขกที่จวน
นางรู้มาว่าภรรยาของเจ้าพระยาเจียงหนิงเคยติดตามอยู่ข้างกายของไทเฮาหลงแห่งแคว้นต้าโจวมานาน ไทเฮาหลงแตกฉานวิชาแพทย์ ฉะนั้นจึงอยากจะเชิญนางมาเยี่ยมที่จวน ถามเรื่องวิธีการทำผงอู๋โยว
สำหรับการศึกษาค้นคว้าเรื่องยา ไม่ว่าอย่างไรหยวนชิงหลิงก็ยังคงมีความสนใจอยู่ในระดับสูง
เพราะเห็นว่าคืนนี้มีแขกสำคัญมาเยือน ฉะนั้น หยู่เหวินเห้าจึง “อนุญาต”ให้หยวนชิงหลิงออกไปเดินเล่น นั่งเป็นเพื่อนได้
หยู่เหวินเห้ายังเชิญเหลิ่งจิ้งเหยียนมาร่วมงานเลี้ยงดื่มเหล้าด้วยกัน
ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เหลิ่งจิ้งหยวนกับหยวนชิงหลิงมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะพาอ๋องเว่ยไปพบจวิ้นจู่จิ้งเหอดีหรือไม่ สุดท้ายจวิ้นจู่จิ้งเหอเกือบจะเกิดเรื่องขึ้น เหลิ่งจิ้งเหยียนก็ได้แต่กังวลอยู่ในใจ ที่จริงเขาได้เชิญคนไปขอโทษจวิ้นจู่จิ้งเหอแทนตัวเขาอย่างลับๆแล้ว เพียงแต่ เขาเองก็ไม่ได้มีโอกาสที่เหมาะสมที่จะพูดกับหยวนชิงหลิงสักที
วันนี้พอพบกับหยวนชิงหลิง ฉวยโอกาสที่สองสามีภรรยาเจ้าพระยาเจียงหนิงยังมาไม่ถึง เขาก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เอ่ยจากใจจริงว่า “ความคิดของข้า ไม่ละเอียดรอบคอบเท่าพระชายาจริงๆ โชคดีที่สุดท้ายไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่โตบานปลายขึ้น”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่ใช่ข้าคิดได้อย่างละเอียดรอบคอบ เพียงแค่รู้ใจของผู้หญิงเท่านั้น แต่ว่าคำพูดของใต้เท้าเหลิ่ง ที่จริงข้าก็เห็นด้วย สุดท้ายคนเราก็ต้องเผชิญเพื่อให้ผ่านพ้นไป”
เพียงแต่สถานการณ์ของจวิ้นจู่จิ้งเหอนั้นไม่เหมือนกัน นางมีโรคทางอารมณ์
จุดนี้ หยวนชิงหลิงไม่ได้พูดออกไป
ช่วงเวลาพลบค่ำ สองสามีภรรยาเจ้าพระยาเจียงหนิงก็มาถึง
หยู่เหวินเห้ากับเหลิ่งจิ้งเหยียนรอต้อนรับอยู่ด้านนอก หยวนชิงหลิงมีหมันเอ๋อคอยประคองเอาไว้ ยืนอยู่หน้าระเบียงมองดูพวกเขาเดินเข้ามา
ท่าทีของเจ้าพระยาเจียงหนิงที่อายุประมาณสี่สิบปีแล้ว รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา มีดวงตาที่สว่างสดใสคู่หนึ่ง ไว้หนวดเครา แต่ผ่านการตัดแต่งแล้ว ดูจะเป็นคนหมดจดมากคนหนึ่ง
เขาสวมชุดผ้าทอสีดำทั้งตัว ตรงคอเสื้อของเสื้อคลุมปักลายไผ่สีเขียว เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและการควบคุมให้กับร่างที่บึกบึนของเขา
ข้างกายของเขามีร่างเล็กบอบบางของฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงจูเพ่ย ที่จริงถ้าพูดอย่างจริงจัง เรือนร่างของจูเพ่ยไม่นับว่าเล็ก เพียงแต่ข้างกายของนางประกอบไปด้วยเจ้าพระยาเจียงหนิง
ใบหน้าของนางงดงามมาก ผิวเหมือนจะมีความยืดหยุ่น ไม่เหมือนหญิงที่แต่งงานมีลูกแล้วสักนิด
แม้ว่าจะต้องมาเป็นแขกในจวนอ๋องที่อยู่ต่างแคว้น แต่นางดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องขนาดนั้น แต่งหน้าบางเบา ทำผมด้วยทรงผมเรียบๆ เครื่องประดับมีเพียงปิ่นปักผมหยกอันหนึ่งเท่านั้น
นางสวมชุดกระโปรงสีขาว เสื้อคลุมเป็นสีดำ เหมือนกันกับผ้าคลุมของเจ้าพระยาเจียงหนิง ปักลายไผ่เขียว
ทั้งสองก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆ ให้ความรู้สึกสง่างามและร่าเริงสดใส
“คำนับพระชายา”สองสามีภรรยาเดินขึ้นมาข้างหน้า คำนับหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงรีบย่อตัวคำนับกลับทันที “ท่านเจ้าพระยา ฮูหยิน อย่าพิธีรีตองเลย เชิญเข้าไปนั่งก่อน ”
ท่านป้าจูเพ่ยมองไปที่ท้องของหยวนชิงหลิง พูดยิ้มๆว่า “พระชายาจะให้กำเนิดแล้วหรือ อายุครรภ์เก้าเดือนแล้วกระมัง”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นข้างๆว่า “ยังไม่ถึงเลย ยังเหลืออีกเดือนกว่า”
“หา ยังเหลืออีกเดือนกว่า แล้วทำไม ……”ท่านป้าจูเพ่ยกับเจ้าพระยาเจียงหนิงอยู่แต่ในคอกม้าตลอด ช่วงเดือนสองเดือนนี้แทบไม่รู้เรื่องราวในที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเลย ฉะนั้น ก็ไม่รู้ด้วยว่าหยวนชิงหลิงนั้นตั้งครรภ์แฝดสาม
หยู่เหวินเห้ายกมือใหญ่ของตนเองขึ้นมา ยิ้มราวกับโจร “ไม่ใหญ่ ไม่ใหญ่ แฝดสามยังนับว่าเล็กไป”
ท่านป้าจูเพ่ยตกใจมาก “แฝดสาม สวรรค์ นี่มันโชคใหญ่เชียวนะ”
เจ้าพระยาเจียงหนิงได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ท้องของหยวนชิงหลิงหลายครั้ง น่าอิจฉาจริงๆ
ท่านฟ้าจูเพ่ยดีใจแทนหยวนชิงหลิง แต่ตอนที่เดินเข้าไป นางกลับแอบขมวดคิ้วเบาๆ
ผู้ชายมีเรื่องคุยกันแบบผู้ชาย ผู้หญิงย่อมต้องหลบไปคุยกันในตำหนักอุ่นที่อยู่ข้างๆ
หยวนชิงหลิงถามท่านป้าจูเพ่ยว่า “ผงอู๋โยวที่ไทเฮาทรงศึกษาและทำขึ้น ฮูหยินพอจะทราบวิธีทำหรือไม่”
พอท่านป้าจูเพ่ยได้ยินว่าถามถึงเรื่องผงอู๋โยว ก็ยิ้มและพูดว่า “พระชายาอยากได้หรือ ที่ข้ายังพอมีอยู่บ้าง จะนำมาให้ท่าน”
หยวนชิงหลิงโบกมือ อมยิ้มมองนาง “ข้ายังมี แค่อยากจะเรียนถามท่านป้าว่า เคยเรียนรู้วิชาแพทย์จากไทเฮาหรือไม่ ”
ท่านฟ้าจูเพ่ยยิ้มอ่อนๆพูดว่า “เรียนมาบ้างเล็กน้อย”
“เช่นนั้นสามารถเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับคุณสมบัติของผงอู๋โยว และผลข้างเคียงเหล่านี้เป็นต้นได้หรือไม่”หยวนชิงหลิงถาม
“แน่นอนว่าย่อมได้”ท่านป้าจูเพ่ยพูด
ทั้งสองคุยกันเป็นเวลานานในตำหนักอุ่น แม้แต่ข้าวเย็น ทั้งสองก็นั่งกินกันในตำหนักอุ่น
ระหว่างพูดคุยกัน ได้รับรู้ว่าท่านป้าจูเพ่ยเคยได้รับบุญคุณจากการช่วยชีวิตจากไทเฮาหลงมาก่อน จากนั้นก็ได้อยู่เป็นเพื่อนนางอีกหลายวัน หลังจากไทเฮาหลงกลับเข้าวังไปแล้ว นางจึงได้ช่วยไทเฮาหลงดูแลควบคุมเรื่องการก่อสร้างสุสานบ้านพักตากอากาศต้นอินทผลัม นับว่าเป็นหญิงที่มีความสามารถไม่น้อย
พูดถึงตอนท้าย ก็ได้รู้ว่าท่านป้าจูเพ่ยกับเจ้าพระยาเจียงหนิงนั้นเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน หลังจากแต่งงานกัน ก็ถูกส่งมายังเป่ยถังเพื่อซื้อม้าศึกทันที