บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 457

ตอนที่ 457

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่านารีเป็นเหตุแท้ ๆ นางจึงทำใจแข็ง หันหลังเดินออกไปเรียกแม่นมหูให้มาคุยธุระบางอย่าง

“ท่านหญิง มีอะไรรับใช้หรือเพคะ?” จนถึงตอนนี้แม่นมหูก็ยังเข้าไปข้างในไม่ได้ แต่เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในตำหนักเซี่ยวเยว่ ยังได้พบกับพระชายาอยู่ครู่หนึ่ง

เสียนเฟยถามว่า: “แม่นม เจ้าก็ได้เห็นมาแล้ว ตามความคิดเห็นของเจ้า พระชายาฉู่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะคลอดได้หรือไม่?”

แม่นมหูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นี่… ท่านหญิงอย่าได้กังวลใจไปเลยเพคะ มีหมอหลวงอยู่ตั้งมากมายขนาดนี้ พระชายาจะต้องไม่เป็นไรแน่”

เสียนเฟยบีบมือแน่น นัยน์ตาเย็นชาเคร่งขรึม “นางจะเป็นไรหรือไม่เป็นไร ข้าก็ไม่สนใจเลยซักนิด ข้าสนเพียงแค่ว่าหลานชายของข้าจะปลอดภัยดีหรือไม่ มีคำพูดหนึ่งที่ข้าต้องพูดกับเจ้าไว้ก่อน หากวันนี้มีปัญหาอะไรในระหว่างการคลอด ข้าจะเลือกปกป้องแค่ลูกไม่ปกป้องคนแม่ ใครๆ ในที่แห่งนี้ต่างก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าห้าเป็นคนดื้อด้าน เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมา เจ้าต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อกันเขาออกไป ข้ากลัวว่าเขาจะตามเข้าไปในห้องคลอดด้วย”

แม่นมหูตกใจจนผงะ “นี่…ท่านหญิง ท่านจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วนะเพคะ ? ตอนนี้ยังไม่เริ่มคลอดเลย”

เสียนเฟยพูดว่า “ แม่นม เจ้าอยู่ในวังก็คงเคยเห็นบรรดาท่านหญิงคลอดลูกมาไม่น้อยใช่หรือไม่? หรือเจ้าไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของนางว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคลอดเด็กถึงสามคนไหว?”

สีหน้าของแม่นมหูถึงกับซีดไปเล็กน้อย “แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับพระชายาจริง ๆ เด็กในครรภ์ก็ย่อมเกิดเรื่องไปด้วยเป็นธรรมดา ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะสามารถปกป้องเด็กเอาไว้ได้หรือเพคะ?”

เสียนเฟยกดเสียงลงแล้วพูดว่า “ เมื่อก่อนตอนที่ข้าคลอดองค์หญิง ส่วนเท้าขององค์หญิงออกมาก่อน สุดท้ายนางผดุงครรภ์ก็ดึงองค์หญิงออกมาจนได้ หากว่ามันไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นแล้ว”

หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ แม่นมหูก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบพูดขึ้นว่า “นั่นจะเหมือนกันได้อย่างไรล่ะเพคะ ? เรื่องของท่านในตอนนั้น มันเพราะตำแหน่งของทารกในครรภ์อยู่ผิดที่ อีกทั้งเท้าทั้งสองก็ยื่นออกมาแล้ว แต่พระชายาคือครรภ์แฝดสามนะเพคะ ถ้าฝืนดึงออกมาดื้อ ๆ มันจะไม่เท่ากับหมายชีวิตคนทั้งคนหรอกหรือ ? ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ท่านหญิง ท่านต้องคิดให้รอบคอบนะเพคะ อย่าหุนหันพลันแล่น ไทเฮาจะไม่ทรงอนุญาตให้ทำเช่นนั้นแน่”

เสียนเฟยคิดไม่ถึงว่า กระทั่งแม่นมหูก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการเช่นนี้ของนาง จึงอดโมโหไม่ได้ “หากไทเฮาทรงอยู่ที่นี่ พระนางจะต้องทรงเห็นด้วยแน่ เจ้าไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร? ไทเฮาทรงตั้งตารอคอยเหลนชายมานานเพียงใด ทรงตั้งตารอคอยจนพระทัยแทบจะขาดรอน ๆ ให้ได้อยู่แล้ว หากครั้งนี้เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นมา ไทเฮาจะยังทรงสบายดีได้อยู่หรือ? พระชายาฉู่คนนี้ตายไป ก็ยังมีพระชายาฉู่คนใหม่ได้ แต่ไทเฮาจะทรงอดทนต่อความทรมานสิ้นหวังเช่นนี้ไปได้อีกสักกี่ครั้ง ? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่?”

แม่นมหูถูกนางพูดใส่แบบนี้ ก็นึกย้อนกลับไปคิดถึงความสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่าของไทเฮา ยิ่งตอนนี้พระนางถึงกับประชวรแล้ว หากไม่สามารถรักษาเหลนทั้งสามคนนี้ไว้ได้ ไทเฮาจะต้องถูกความผิดหวังโจมตีอย่างหนักแน่นอน

แต่เรื่องอย่างการฆ่าแม่แย่งลูกเช่นนี้ ราชวงศ์จะกล้าทำลงคอได้อย่างไรกัน?

ที่นี่มีคนมากมายที่ต้องได้รู้ได้เห็น หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป จะเป็นผลดีได้อย่างไร?

เมื่อเสียนเฟยเห็นว่านางไม่พูดอะไรอีก ก็ถือว่านางตอบตกลง จึงไปเรียกพ่านย่วนกับหมอหลวง รวมถึงบรรดานางผดุงครรภ์มา แล้วพูดถึงพระราชเสาวนีย์ของไทเฮาอีกครั้ง

เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

วิธีการนี้ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้มันยังไปไม่ถึงจุดนั้น มาพูดเอาตอนนี้ ย่อมส่งผลให้ในใจของทุกคนรู้สึกตื่นตระหนก อกสั่นขวัญหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่นี่คือพระประสงค์ของไทเฮา ทุกคนจะพูดอะไรได้?

กลับกัน นางผดุงครรภ์ผู้ที่ได้รับการแนะนำจากใต้เท้าชุยพลันเอ่ยขึ้นว่า “ท่านหญิง ข้าน้อยขอบังอาจกล่าววาจาไม่สุภาพ แม้ว่าพระชายาจะร่างกายอ่อนแอ แต่พลังใจในการเป็นแม่ของนางกลับมีอย่างมหาศาล ใครก็ไม่อาจประเมินค่าสิ่งนี้ให้ต่ำได้ อีกทั้งพระชายาก็เป็นคนที่สวรรค์อำนวยพร เทพบนสรวงสวรรค์ย่อมปกป้องคุ้มครองนางแน่ ท่านหญิงโปรดวางใจได้”

เสียนเฟยพูดอย่างเย็นชาว่า: “นี่คือพระประสงค์ของไทเฮา พวกเจ้าจะทำเช่นไรก็ตามที่เห็นสมควรเถอะ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็จงระวังหัวของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี”

พูดจบ นางก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องคลอดชั้นนอก

ทุกคนที่เหลืออยู่ ต่างพากันถอนหายใจเฮือก ไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไรไปครู่ใหญ่

เมื่อถึงปลายยามโหย่ว การหดตัวของหยวนชิงหลิงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ความเจ็บปวดก็เริ่มถาโถมเข้าใส่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่านางจะไม่ใช่หมอแผนกสูตินรีเวช แต่ทั้งหมอหลวงและนางผดุงครรภ์ต่างก็บอกว่า หากยึดตามอาการเจ็บปวดในลักษณะนี้ คาดว่าภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วยาม จะอย่างไรก็ต้องถึงเวลาคลอดอย่างแน่นอน

แต่เจ้าอาวาสยังไม่กลับมานี่สิ

นางรอต่อไปไม่ได้แล้ว จะลองคลอดตามธรรมชาติไม่ได้ เสียนเฟยอยู่ข้างนอก แล้วเรียกพวกหมอหลวงออกไป ไม่รู้ว่าวางแผนการอะไรไว้กันแน่ นางไม่อาจฝากชีวิตตัวเองกับลูกไว้ในมือของคนพวกนั้นได้แน่นอนแล้ว

นอกจากนี้ ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงก็ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก นางยังต้องการคำชี้แนะจากหยวนชิงหลิงอยู่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วพูดกับเจ้าห้า ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิง รวมถึงอาซี่ว่า : “เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เข้าห้องผ่าตัดกัน”

หยู่เหวินเห้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง กล้ามเนื้อทั่วร่างพลันกระชับหดเกร็งขึ้นมาทันใด

แต่ละคนผลัดกันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนครบ แม่นมสี่ดึงนางผดุงครรภ์คนที่ถูกแนะนำโดยใต้เท้าชุยเข้ามา แล้วพูดว่า ” เมื่อถึงเวลาท่านช่วยหน่อยเถิดนะ ท่านมีประสบการณ์”

หยวนชิงหลิงฉวยโอกาสจากช่วงที่ผ่านความเจ็บปวดหลังการหดตัวมาได้ ยังพอมีแรงพูดอะไรได้อีกซักสองสามประโยค ขอให้หยู่เหวินเห้าช่วยพยุงนางลุกขึ้น นางมองไปที่ย่วนพ่านแล้วพูดว่า ” ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่ดูแลและเอาใจใส่ข้าอย่างดี แต่ทุกคนก็คงรู้ดีว่า ตอนนี้ร่างกายข้าอ่อนแอมาก ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดจากการคลอดเองได้จริง ๆ จากสถานการณ์เหล่านี้ ข้าจึงจะขอเลือกการผ่าตัดคลอด ส่วนการผ่าตัดคลอดคืออะไร? แน่นอนว่าทุกท่านอาจมีคำถาม ข้าจะอธิบายให้ทุกท่านฟังว่า การผ่าตัดคลอด เป็นสิ่งที่มีความหมายตามชื่อ นั่นคือให้คนผ่าเปิดผิวบริเวณหน้าท้องของข้า แล้วนำทารกออกมา หลังจากนำเอาทารกออกมาแล้ว ค่อยทำการเย็บปิดผิวที่บริเวณหน้าท้องของข้า…”

นางมองดูทุกคนพากันเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ายังไม่กลัวเลย พวกเจ้าจะกลัวไปทำไมกัน? วางใจเถอะ หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง จะไม่มีใครมาร้องถามความรับผิดชอบจากพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

ย่วนพ่านโบกมือ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ พระชายา พวกข้าไม่ได้กลัวเรื่องที่ต้องแบกความรับผิดชอบที่จะตามมา แต่วิธีการผ่าเปิดหน้าท้องที่ท่านว่ามานี้ มันจะสร้างความเจ็บปวดให้ท่านมากแค่ไหนหรือ? ตัวท่านเอง กระทั่งความเจ็บปวดจากการคลอดเองก็ยังไม่อาจทนรับไหว แล้วท่านจะทนรับความเจ็บปวดจากการผ่าท้องได้อย่างไรกัน?”

หยวนชิงหลิงไม่ได้อธิบายเรื่องยาชาให้พวกเขาฟัง แต่พูดแบบเลี่ยงปัญหาสำคัญไปว่า: “อย่างน้อย เด็กก็จะปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน”

ทุกคนหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครพูดอะไรเลย เมื่อเสียนเฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็เห็นด้วยเป็นอย่างแรก รีบพูดขึ้นว่า “นี่ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ทำตามที่เจ้าพูดเถอะ เมื่อครู่ทุกคนอยู่ข้างนอกต่างก็พูดกันว่าเจ้าได้รับพรมากมายนัก ข้าเชื่อว่าทั้งเจ้าและลูกจะต้องปลอดภัยไร้กังวล”

หยวนชิงหลิงไม่สนใจนาง แต่หยู่เหวินเห้ากลับชำเลืองตามองดุ ๆ ใส่นางแวบหนึ่ง

ไม่ว่าวิธีการนี้ หมอหลวงจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงกับคนอื่น ๆ ก็ไปที่หลังฉากกั้นซึ่งอยู่ในห้องชั้นนอกเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว

คืนนี้อาซี่อยู่ข้าง ๆ หยวนชิงหลิงตลอดโดยไม่พูดอะไร ที่จริงแล้วนับตั้งแต่ที่หยวนชิงหลิงขอให้นางมาเป็นผู้ช่วย หัวใจของนางก็อยู่ในสภาวะตึงเครียดสุดขีด รู้สึกวิตกกังวลจนแทบทนไม่ได้

แต่เมื่อเห็นฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้า นางก็วางความรู้สึกทั้งหมดลง จูงมือแม่นมสี่หมันเอ๋อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

รวมไปถึงนางผดุงครรภ์ ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน

หยวนชิงหลิงหันไปมองย่วนพ่านกับหมอหลวง แล้วพูดว่า: “ทุกท่านโปรดรออยู่ที่นี่ก่อน หากมีเรื่องฉุกเฉินร้ายแรงอะไร หมันเอ๋อจะออกมาแจ้งกับทุกท่านเอง”

หยู่เหวินเห้าก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เสียนเฟยรีบเข้ามาคว้าตัวเขาไว้ทันที “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ห้องที่มีกลิ่นคาวเลือดเช่นนั้น เจ้าจะเข้าไปได้อย่างไรกัน?”

หยู่เหวินเห้าแกะมือของนางออก “ ชีวิตภรรยาของข้าแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว ข้ายังต้องสนใจอะไรกับแค่ห้องที่มีกลิ่นคาวเลือด หรือไม่มีกลิ่นคาวเลือดด้วยล่ะ? ถ้าท่านกลัวล่ะก็ โปรดออกไปเสียเถอะ”

พูดจบ ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหลัง

เสียนเฟยโกรธจนแทบจะเสียสติอยู่แล้ว นับตั้งแต่สมัยโบราณมา มีผู้ชายที่ไหนเข้าห้องคลอดไปอยู่ดูการคลอดด้วย ? ช่างเป็นเรื่องอัปมงคลอะไรอย่างนี้!

นางรอให้หยู่เหวินเห้าออกมา แล้วไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขา พูดอย่างใส่อารมณ์ว่า: “หากเจ้ากล้าเข้าไปล่ะก็ ข้าจะสั่งให้คนมาจับเจ้ามัดไว้เสียเดี๋ยวนี้!”

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท