บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 709 ท่านชายสี่ชื่ออะไร

บทที่ 709 ท่านชายสี่ชื่ออะไร

ท่านชายสี่กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้ท่าทางถ่อมตัวปรากฏตัวที่จวนอ๋องฉู่ อีกทั้ง ครั้งนี้เขาพามาทั้งบ้าน พาหมาป่าสีเทาสองตัวจากจื๋อลี่มาที่จวนอ๋องฉู่พร้อมกัน บอกว่าต้องการจะฉลองปีใหม่ที่นี่

ตอนนี้หยู่เหวินเห้าเห็นเขา มักจะรู้สึกว่าเขาเป็นหัวขโมยผู้หนึ่งเสมอ หัวขโมยที่กลับชอบแถมเงินให้ผู้หนึ่ง

ท่านชายสี่หาลานหนึ่งที่อยู่ใกล้ตำหนักเซี่ยวเยว่ เพราะว่าเจ้าตัวเล็กทั้งสามอยู่ที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ หมาป่าหิมะก็อยู่ที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการหมายปองหมาป่าหิมะ

ยิ่งเป็นของที่ขอมาไม่ได้ เขาก็ยิ่งอยากได้มากขึ้นอยู่ตลอดเวลา

วันนั้นเหลิ่งจิ้งเหยียนกู้ซือและคนอื่นๆเข้ามา หัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานขึ้นมา และเอ่ยถึงแฝดทั้งสามเป็นธรรมดา ทุกคนล้วนสามัคคีกันพูดขึ้นว่ารัชทายาทยอดเยี่ยม นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้พระชายารัชทายาทตั้งครรภ์แฝดสามได้

กู้ซือจึงกุมแก้วเหล้า พูดอย่างสบายๆประโยคหนึ่ง “กรรมพันธุ์ของวงศ์ตระกูล คิดว่าอนาคตเจ้าหญิงก็สามารถให้กำเนิดองค์ชายสามคนได้ ถูกแล้ว ได้ยินว่าปีนี้เจ้าหญิงต้องการคุยเรื่องการแต่งงานแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนที่เหมาะสมแล้วหรือไม่?”

“ยังไม่มี!” หยู่เหวินเห้าเหลือบมองท่านชายสี่แวบหนึ่งด้วยความไม่เต็มใจ เห็นเขาหันหน้ามาพอดี ท่าทางค่อนข้างประหลาด หูตั้งขึ้นมาแล้ว

ฝังเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว ทุกคนก็ไม่พูดสิ่งเหล่านี้แล้ว ดื่มเหล้าต่อ กลับเป็นท่านชายสี่ที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อยแล้ว

ในส่วนของหยู่เหวินหลิงทางนั้น ไทเฮาได้บอกให้พระชายาจี้และหยวนชิงหลิงเข้าวังไปพูดกับนางพร้อมกัน

เสียนเฟยตั้งแต่ที่วินิจฉัยออกมาแล้วว่าเป็นโรคฉุกเฉินมีอาการร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้หยู่เหวินหลิงไปพบนาง อย่างน้อยก่อนที่จะออกเรือน ไม่อยากให้หยู่เหวินหลิงได้ยินคำพูดโกหกของเสียนเฟย เพื่อเลี่ยงไม่ให้เรื่องนี้ล่าช้า

ขณะที่หยวนชิงหลิงและพระชายาจี้เข้าวัง ทั้งสองก็ตัดสินใจจะถามเพียงความประสงค์ของหยู่เหวินหลิง หากว่าหยู่เหวินหลิงไม่ยอม พวกนางทั้งสองก็จะช่วยพูดขอร้องให้

อันที่จริงพระชายาจี้ไม่ได้เป็นห่วงหยู่เหวินหลิง เพราะหยู่เหวินหลิงเคยมีความขัดแย้งกับนาง แน่นอนว่านี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งปีก่อนแล้ว ในหนึ่งปีนี้ นางกับหยวนชิงหลิงไปมาหาสู่กันเข้ากันได้อย่างดี ทัศนคติท่าทีของหยู่เหวินหลิงที่มีต่อนางถึงได้เปลี่ยนไปแล้ว

นางเห็นด้วยเป็นอย่างมากกับความคิดเห็นของหยวนชิงหลิง และยอมเข้าวังพร้อมกัน เป็นเพราะนางคิดว่าหากผู้หญิงแต่งงานกับคนผิดแล้ว เช่นนั้นก็เป็นความน่าเศร้าของทั้งชีวิต

ฉะนั้น หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญนาง นางจึงเข้าวังพร้อมหยวนชิงหลิงด้วยความยินดีแล้ว

หยวนชิงหลิงเชื้อเชิญพระชายาจี้ ที่สำคัญยังเป็นเพราะพระชายาจี้เป็นนักบรรยายหลักปรัชญาในการใช้ชีวิตมือดี นางสามารถช่วยหยู่เหวินหลิงวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียเรื่องการแต่งงานได้อย่างละเอียด ให้หยู่เหวินหลิงพิจารณาบวกกับทำการตัดสินใจต่อความรู้สึกที่ตัวนางเองมีต่อท่านชายสี่ออกมา

แน่นอน ท้ายที่สุดไม่ว่าหยู่เหวินหลิงจะทำการตัดสินใจอย่างไร พวกนางล้วนสนับสนุน

หยู่เหวินหลิงอยู่เป็นเพื่อนไทเฮาในตำหนัก ไทเฮาตั้งใจหลีกทางออกเป็นที่ที่ให้พวกนางได้สนทนากัน

แม้ว่าหยู่เหวินหลิงจะอาศัยอยู่ในวังหลังเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจเรื่องทางโลก

ก่อนหน้านี้หลังจากที่ดื่มจนเมาอยู่ในซาวโถ๋จุ้ยแล้วถูกส่งกลับวัง นางก็รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องมีตอนหลังตามมาแน่

ดังนั้น หลังจากที่นางได้ยินหยวนชิงหลิงพูดเรื่องการแต่งงานกับท่านชายสี่เหลิ่งออกมาอย่างอ้ำๆอึ้งๆ นางจึงพยักหน้า กล่าว: “ได้เพคะ!”

หยวนชิงหลิงและพระชายาจี้ตะลึงครู่หนึ่ง ได้สิหมายความว่าอะไร? ตกลง?

หยวนชิงหลิงมองดูนาง กล่าว: “ความหมายของเจ้า เจ้าเต็มใจอภิเษกสมรสกับท่านชายสี่เหลิ่ง?”

หยู่เหวินหลิงอืมคำหนึ่ง “เต็มใจสิเพคะ!”

“เจ้า…….เจ้าชอบเขาหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ เดิมคิดว่าบอกให้นางแต่งงานกับคนทำการค้าผู้หนึ่ง นางจะไม่ถูกใจ ใครจะรู้ว่าแค่คำเดียวนางก็เห็นด้วยอย่างคาดไม่ถึงแล้ว

หยู่เหวินหลิงค่อนข้างงุนงง “ชอบใคร?”

“ท่านชายสี่เหลิ่งไง!” หยวนชิงหลิงทอดถอนใจ

หยู่เหวินหลิงอ๋อเสียงหนึ่ง เอียงหน้าคิดครู่หนึ่ง “ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบ ยังไงซะก็ต้องอภิเษกสมรส การอภิเษกสมรสของข้าก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ แต่งกับใครก็เหมือนกันเพคะ เป็นคนที่เสด็จพ่อและเสด็จย่าเลือกไว้ก็ดีแล้ว พวกเขาไม่ทำร้ายข้าแน่”

ความรู้แจ้งนี้……ก็ไม่มีใครแล้ว

แม้พระชายาจี้ก็ไม่มีคำจะพูดชั่วขณะ เพราะที่หยู่เหวินหลิงพูดก็ถูก คนที่ฮ่องเต้เลือกไว้แน่แล้ว แม้ว่านางจะไม่ยอม สุดท้ายก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม อย่างน้อยในมุมมองของนางก็เป็นเช่นนี้

หยวนชิงหลิงกล่าว: “หากว่าเจ้าไม่เต็มใจอภิเษกสมรสกับเขาจริงๆ ข้ากับพระชายาจี้จะช่วยเจ้าขอร้อง”

“ทำไมจะไม่เต็มใจเพคะ?” หยู่เหวินหลิงมองดูทั้งสองด้วยความแปลกใจ “ข้าอายุสิบหกแล้ว ควรพูดเรื่องการอภิเษกสมรสแล้ว ท่านชายสี่เหลิ่งก็ไม่เลว หน้าตาดี มีเงิน การค้าก็กระจายไปทั่วหัวระแหง หลังจากที่ข้าอภิเษกสมรสกับเขา อยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ไม่ต้องถูกขังอยู่ในวังหลังนี้ แหงนหน้าเห็นท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง อิสรเสรีมากเพียงไหนกันเพคะ”

หยวนชิงหลิงจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “ก็เพราะสิ่งนี้? แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะต้องอภิเษกสมรสให้ได้ แม้ว่าจะอภิเษกสมรสกับผู้ใด เจ้าก็สามารถออกจากวังหลังไปยังโลกภายนอกได้”

พระชายาจี้ก็รู้สึกว่านางความคิดในสมองของนางค่อนข้างแปลก เพียงเพราะสลัดออกจากวังหลังจึงได้แต่งงาน นั่นมักจะเป็นการตัดสินใจอย่างลวกๆ

“ใช่แล้ว เจ้าหญิง เรื่องการอภิเษกสมรสสำคัญ อย่างไรก็ต้องคิดทบทวนจึงจะดี พระชายารัชทายาทพูดได้มีเหตุผล หากว่าเจ้าไม่เต็มใจจริงๆ พวกเราสองคนจะช่วยเจ้าพูดขอร้องต่อเสด็จพ่อ”

หยู่เหวินหลิงเองกลับหัวเราะขึ้นมา “พวกท่านมาโน้มน้าวให้ข้าไม่อภิเษกสมรสหรือเพคะ?”

ทั้งสองส่ายหน้า พวกนางมาโน้มน้าวให้แต่งงาน

หยู่เหวินหลิงเก็บใบหน้าหัวเราะอย่างทะเล้นไว้ กล่าวอย่างจริงจัง: “พวกพี่สะใภ้ ข้าขอบคุณที่พวกท่านยินยอมออกหน้าให้ข้า แต่เรื่องการอภิเษกสมรสครั้งนี้เสด็จพ่อคัดเลือกเพื่อข้า เสด็จพ่อรู้สึกว่าเขาดี เช่นนั้นก็จะต้องดี อีกทั้งอย่างไรเสียข้าก็เจอเขาครั้งหนึ่งแล้ว เล่นกับเขาทั้งคืน หากว่าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ล้วนไม่ได้เจอกันก็ต้องเป็นสามีภรรยากันแล้ว เช่นนั้นไม่ใช่ความน่าเศร้าหรือเพคะ? และท่านชายสี่เหลิ่งผู้นี้ ในตอนหลังข้าก็ได้สืบถามแล้ว เขาเคยตอบรับคำขอร้องบริจาคเงินให้เด็กกำพร้ากับคนแก่ของเสด็จพี่รัชทายาท คนผู้นี้สีหน้าเย็นชาจิตใจอบอุ่น ไม่เลวเป็นอย่างมากเพคะ”

หยวนชิงหลิงมองดูสีหน้าของหยู่เหวินหลิง รู้สึกว่านางก็ไม่ได้มีความรักแรกพบต่อท่านชายสี่เหลิ่ง แต่ โดยปกตินางที่มีความเห็นเป็นของตัวเอง ทำไมครั้งนี้กลับปฏิบัติตามอย่างสงบเช่นนี้?

หวังเพียงแค่นางจะรู้สึกว่าท่านชายสี่เหลิ่งไม่เลวจริงๆ คุ้มค่าที่จะฝากฝังชีวิตไว้จึงแต่งงานล่ะนะ

ดังนั้น หยวนชิงหลิงและพระชายาจี้ก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นแล้ว หลังจากที่น้อมทักทายไทเฮาแล้ว จึงได้ออกจากวังไป

หยู่เหวินหลิงกลับห้องบรรทม สาวใช้ที่ปรนนิบัตินางเสี่ยวหยิ่งเอ่ยถาม: “เจ้าหญิงเพคะ ท่านต้องการจะอภิเษกสมรสกับท่านชายสี่เหลิ่งจริงหรือเพคะ? เขาเป็นเพียงคนทำการค้า และอายุมากกว่าเจ้าหญิงหลายปีนะเพคะ จะคู่ควรกับเจ้าหญิงได้อย่างไรล่ะเพคะ?”

หยู่เหวินหลิงนั่งกินซุปเม็ดบัวอยู่บนเก้าอี้ ในสมองนึกถึงตาเฒ่าผู้สง่างามเล่นกับหมาป่าหิมะอยู่ในลานนั่นอย่างเบิกบานในที่สุดอย่างฉับพลัน เขาชั่งน่าสนใจจริงๆ อย่างน้อย ให้นางกินเหล้า เที่ยวเล่น ก่อความวุ่นวายอย่างบ้าคลั่ง ไม่เหมือนกับผู้ชายธรรมดาทั่วๆไปเหล่านั้น ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนมีกฎเกณฑ์

นางอยู่ในพระราชวังรักษากฎเกณฑ์มาสิบหกปี หลังจากนี้หากว่านางแต่งงานเข้าจวนเจ้าพระยา แม้จะบอกว่าเจ้าหญิงสามารถอยู่จวนของเจ้าหญิงได้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องรักษากฎเกณฑ์แต่ละอย่าง ทำไมถึงจะไม่สามารถแต่งงานเข้าบ้านคนรวยธรรมดาๆได้ อย่างน้อย เงินไม่ขาด ทั้งสบายใจทั้งอิสระ

สองสามปีมานี้ของนาง คว้าโอกาสได้ก็วิ่งออกไปนอกพระราชวัง ทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกพระราชวังในมุมมองของนางแล้วล้วนงดงาม ไม่อึดอัดเหมือนในพระราชวังแห่งนี้ นางแทบอยากจะแต่งงานออกไปทันทีเชียว

ท่านชายสี่เหลิ่ง…….นางเงยหน้าขึ้นถามเสี่ยวหยิ่ง “ท่านชายสี่เหลิ่งชื่ออะไร?”

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท