เสียนเฟยหัวเราะอย่างแปลกประหลาดพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เจ้าเป็นคนดีเสียที่ไหน? ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ เพื่อคนบนเขาโรคเรื้อน เจ้าเป็นปฏิปักษ์กับข้า เป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลซู ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลซู มีคนถูกเผาตายทั้งเป็นมากมายขนาดนี้ เจ้าทำไมถึงไม่ออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรม?”
หยวนชิงหลิงก็หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสียนเฟยเหนียงเหนียง ไม่มีอะไรในโลกที่จะหนีพ้นผลประโยชน์ เรื่องบนเขาโรคเรื้อน สามารถทำให้ข้ามีชื่อเสียง ข้าต้องตั้งใจทำอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ตระกูลซูลอบทำร้ายข้าหลายครั้ง ข้าอยากที่จะฆ่าพวกเขาจนหมดสิ้นด้วยซ้ำ แล้วจะไปเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเขาได้อย่างไร? ข้ามีเพียงความเกลียดที่มีคนตายไม่มากพอ”
ฮองเฮาฉู่กับกุ้ยเฟยต่างตกตะลึง พระชายารัชทายาทก็บ้าไปแล้วหรือ? ตอนนี้เสียนเฟยรับการกระตุ้นไม่ได้อย่างที่สุด นางพูดเช่นนี้ จะไม่เป็นการยิ่งทำให้เสียนเฟยบ้าคลั่งหรือ?
เสียนเฟยได้ยินเช่นนี้ แล้วก็โกรธโมโหอย่างมาก กำเส้นผมของหยู่เหวินหลิงไว้แน่ พร้อมพูดขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “เจ้ามานี่ ไสหัวมานี่”
หยู่เหวินหลิงร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง มือทั้งคู่คว้าจับเสียนเฟย ปิ่นปักผมในมือของเสียนเฟย กรีดบนมือของนางหลายที หยู่เหวินหลิงเจ็บปวด และก็ไม่กล้าขยับอีก
หยวนชิงหลิงกลับยืนอยู่กับที่ หัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมข้าจะต้องไป? เจ้าฆ่าลูกสาวของตนเอง เกี่ยวอะไรกับข้า? สิ่งที่ข้าต้องการ ที่มาก็เพื่อแสดงละครเท่านั้น ให้เสด็จพ่อเห็นว่าข้ามีเมตตา เจ้าจะฆ่าก็ฆ่าเลย เจ้าหญิงตายแล้ว ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ จะทำหน้าที่ของข้าที่จะเผาเงินกระดาษให้นางมากหน่อย”
ฮองเฮาฉู่พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “พอเถอะ พระชายารัชทายาท เห็นทีที่ข้าตามเจ้าเข้าวังมาเป็นเรื่องที่ผิด”
กุ้ยเฟยกลับมองออกถึงความตั้งใจของหยวนชิงหลิง เสียนเฟยไม่มีทางที่จะแลกตัวประกัน เพราะนางยังจะต้องใช้เจ้าหญิงเพื่อข่มขู่ฮ่องเต้ นางเรียกพระชายารัชทายาทไปหา เพียงแค่ต้องการทรมานพระชายารัชทายาท เหมือนเมื่อกี้ที่ทำกับเต๋อเฟยแบบนั้น
ส่วนพระชายารัชทายาท กลับอยากที่จะกระตุ้นนาง ให้นางลืมผลประโยชน์ของตระกูลซู สนใจความเกลียดแค้นเพียงอย่างเดียว แล้วแลกเปลี่ยนตัวประกัน
เสียนเฟยกลับเสียสติไปเพียงวินาทีนั้นเท่านั้น แต่เมื่อนางเห็นฝีเท้าของหยวนชิงหลิง เดินมาถึงตรงหน้าของหยู่เหวินหลิงแล้ว กลับได้สติขึ้นมาในทันใด ตะคอกพูดขึ้นว่า “เจ้าหยุดยืนอยู่ตรงนั้น”
หยวนชิงหลิงหยุดฝีเท้า มองเห็นปิ่นปักผมของนางปักเข้าไปลึกอีกนิด ดวงตาค่อยๆแน่วแน่ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านให้ข้ามาไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามาแล้ว”
“คลานมา” เสียนเฟยพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม นางกำเส้นผมของหยู่เหวินหลิงไว้ หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่สนใจชีวิตของนางหรือ? เจ้าสมคบกับตระกูลเหลิ่ง เจ้าหญิงอภิเษกไปแล้ว เจ้าได้รับผลประโยชน์อย่างมาก เจ้าจะไม่สนใจหรือ?”
หยู่เหวินหลิงเจ็บปวดจนไม่มีเสียงร้อง แววตาเต็มไปด้วยความหมดหวัง ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรน ห้อยมือทั้งคู่ลง อดทนไว้ด้วยลมหายใจสุดท้าย
หยวนชิงหลิงยกมือทั้งสองขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าคลานไป”
หางตาของนางเหลือบมองอะซี่ที่อยู่บนกำแพง อะซี่ส่ายหัวอย่างร้อนใจ ตำแหน่งของเสียนเฟยไม่เหมาะที่จะลงมือ นางหลบอยู่ใต้หลังคา ส่วนอะซี่อยู่ด้านหลังซ้ายของนาง มีเสากับชายคากีดขวางไว้
หยวนชิงหลิงก็เห็นแล้ว นิ้วมือทั้งห้าของนางค่อยๆหดลงสี่นิ้ว เหลือเพียงนิ้วชี้ชูขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงก้อนกรวดลอยมาในอากาศ ตีโดนเข่าของนาง
หยวนชิงหลิงล้มลงไปข้างหน้า ตอนที่จะล้มลง นางใช้เท้าข้างหนึ่งเตะไปทางด้านหลังหนึ่งที เพื่อให้ตนเองล้มไปไกลที่สุด
เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เสียนเฟยก็ไม่ทันคาดคิด หยวนชิงหลิงกระโดดขึ้นมาบนบันไดหิน เสียนเฟยยื่นมือไปคว้าจับเส้นผมของนาง แล้วก็รีบใช้ปิ่นปักผมเล็งไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิง
อะซี่โดดลงมาจากข้างบน คว้าตัวหยู่เหวินหลิงไปข้างหลังแล้วก็โดดลงพื้น ฮองเฮาฉู่รีบมาอุ้มนางไว้ พูดขึ้นว่า “นางข้าหลวง นางข้าหลวง นางข้าหลวงมาเร็วเข้า”
หยู่เหวินหลิงถูกยกลงไปอย่างรวดเร็ว วินาทีที่นางได้ความอิสรภาพกลับขึ้นมาอีกครั้ง นางก็เป็นลมไป
เสียนเฟยเห็นหยู่เหวินหลิงถูกช่วยเหลือไปแล้ว ส่วนฮ่องเต้กลับยังไม่มา ความโกรธโมโหทั้งหมดจึงลงที่หยวนชิงหลิง คว้าจับเส้นผมของนางไว้แล้วก็ลากดึงขึ้นไป ดึงจนหยวนชิงหลิงเจ็บปวด จนขนลุกขนพองขึ้นมา
ปิ่นปักผมกรีดจากใบหน้าลงมาจนถึงคอของหยวนชิงหลิง นางพยายามหดคอของตนเอง เพื่อให้ปิ่นปักผมของนางไม่กรีดถูกเส้นเลือดใหญ่ของตนเอง มือทั้งคู่พยายามจับบันไดหินไว้แน่น เพื่อให้ตนเองจะได้ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บจากการถูกฉุดกระชากลากถู
อะซี่ไม่กล้าไปข้างหน้า ทำได้เพียงหมุนวนอยู่รอบข้าง รอคอยโอกาสช่วยคน
“เสียนเฟย เจ้าอย่ากระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกเลย”ฮองเฮาฉู่พูดขึ้นอย่างโมโห
เสียนเฟยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ตระกูลซูก็ไม่ต้องมีวันนี้ ในเมื่อข้าช่วยตระกูลซูไม่ได้ งั้นก็พาเจ้าไปลงนรกด้วยกัน จะได้เป็นการไถ่โทษให้กับวงศ์ตระกูลของข้า”
นางฉุดกระชากหยวนชิงหลิงมาข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง มือเหมือนดั่งคีมเหล็ก รัดคอของหยวนชิงหลิงจากด้านหน้า ชูปิ่นปักผมขึ้น แล้วก็แทงเข้าไปบนหลังของหยวนชิงหลิง ติดต่อกันหลายครั้ง ทุกครั้งที่แทงลงไป ล้วนมีเลือดไหลออกมา
ทุกคนมองดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ต่างก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ฮองเฮาฉู่จับไหล่กุ้ยเฟยไว้ น้ำตาไหลทั้งสองข้าง พึมพำพูดขึ้นว่า “มีคนตายแล้ว จะมีคนตายแล้ว”
หยวนชิงหลิงล้มนอนฟุบอยู่ หางตาประกายแดงก่ำ อดทนต่อความเจ็บปวดตรงแผ่นหลัง ลูบเข็มออกมาจากในกระเป๋าแขนเสื้อ จากนั้นก็คว้าจับแขนข้างหนึ่งของเสียนเฟยยื่นไปข้างหลัง ลูบเจอเส้นเอ็นแล้วก็รีบฉีดยาชาเข้าไป
ดีที่นางชำนาญ และก็โชคดี ในสถานการณ์ที่มองไม่เห็น ยังสามารถคลำหาตำแหน่งเส้นเอ็นได้ เมื่อเสียนเฟยรู้ตัว ยาชาก็ได้ซึมเข้าไปในเส้นเลือดแล้ว
นางแอบนับในใจห้าครั้ง แล้วก็รู้สึกว่าข้างหลังหนักหน่วง เสียนเฟยล้มทับอยู่บนตัวของนาง
หยวนชิงหลิงรู้สึกได้ถึงเพียงความวุ่นวาย ตนเองถูกอะซี่ดึงขึ้นมา อุ้มเข้าไปภายในตำหนัก นางลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เห็นอะซี่ร้อนใจอย่างมาก รูจมูกใหญ่มาก ปากก็บ่นพูดว่า หมอหลวงไสหัวไปที่ไหนแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินฮองเฮาฉู่สั่งบ่าวใช้ให้มัดเสียนเฟยไว้ แล้วลากเข้าไปภายในตำหนัก
หยวนชิงหลิงยังมีสติดีอยู่ เพียงแค่ข้างหลังคอเจ็บปวดอย่างมาก นางยังสามารถพูดเล่นกับอะซี่ว่า “ข้างหลังของข้าถูกแทงเจ็ดแปดรู”
อะซี่ตะคอกพูดขึ้นว่า “สิบสองรู”
นางถูกอุ้มเข้าไปในตำหนักด้านข้าง แล้วก็อยู่ในท่านอนฟุบ นางถอนหายใจ รู้สึกว่าความเจ็บปวดไม่ได้รถน้อยลง แล้วก็เริ่มเวียนหัวขึ้นมา จึงพูดขึ้นว่า “สิบสองรู ความรวดเร็วนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เฮ้อ ยังต้องนอนฟุบอยู่ ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าห้าถูกโบยอีกแล้ว”
นางพูดไปด้วย น้ำตาก็ไหลออกมา มือทั้งคู่วางหนุนอยู่บนหน้าผาก ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
อะซี่นึกว่านางกลัว จึงพูดปลอบด้วยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร เสียนเฟยถูกจับตัวแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
หยวนชิงหลิงไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องนี้ นางเพียงแค่รู้สึกว่า พระไตรปิฎกที่เจ้าห้าคัดลอกทุกวันพวกนั้น มีประโยชน์แล้ว เขาสามารถไถ่บาปให้กับเสียนเฟยแล้ว
นางเจ็บปวดใจแทนคนที่เงียบสงัดมาหลายวันแล้วคนนั้น
นางร้องไห้สักพัก แล้วก็เริ่มสอนอะซี่ ช่วยล้างแผลให้กับนาง ปิ่นปักผมนั่นไม่รู้ว่าทำจากอะไร ทำร้ายเจ้าห้าก่อน ต่อมาทำร้ายเจ้าหญิงกับเต๋อเฟย ตอนนี้ยังใช้ทำร้ายนาง
ผ่านไปสักพัก ฮองเฮาฉู่ก็มาแล้ว เห็นอะซี่กำลังช่วยจัดการบาดแผลให้กับงาน ก็พ่นลมหายใจเยือกเย็นออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า แทงเยอะขนาดนี้ คงจะเจ็บมาก”
หยวนชิงหลิงเงยหน้าถามขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “เสด็จแม่ เจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฮองเฮาฉู่ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตกใจอย่างมาก ถึงแม้คนจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายก็สั่นเทาอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าหนาวหรือว่ากลัว เห็นแล้วก็น่าสงสารจับใจ”
“เสียนเฟยล่ะ?”หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างโศกเศร้า
ดวงตาฮองเฮาฉู่เยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ขังไว้แล้ว นางสลบไปสักพักแล้วก็ฟื้นขึ้นมา หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วก็เอะอะโวยวาย ข้าได้สั่งคนมัดนางไว้แล้ว ใช้ผ้าปิดปากนางไว้ รอฮ่องเต้ตัดสินโทษ”
พวกกุ้ยเฟย หลู่เฟย เต๋อเฟย ฉินเฟยต่างก็เข้ามาเยี่ยมหยวนชิงหลิง เต๋อเฟยได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้บนหัวพันแผลไว้ ดูแล้วก็ย่ำแย่อย่างมาก
ผ่านเรื่องนี้มา ทุกคนต่างก็โศกเศร้าเสียใจ อารมณ์ความรู้สึกมึนอึ้ง ไม่รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรดี ความจริงนี้ช่างน่าหดหู่ใจยิ่งนัก
อย่าว่าแต่ไม่เคยเกิดขึ้นภายในวัง แม้แต่คนอื่นด้านนอก ก็คงไม่เคยเกิดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ คนเป็นแม่จับลูกสาวของตนเองเป็นตัวประกัน ยังทำร้ายลูกสะใภ้ของตนเอง