ทั้งสามคนถือคบเพลิงเดินเข้าไป ทางเทพเจ้าคดเคี้ยวเลี้ยงลดเป็นอย่างมาก ราวกับเขาวงกตก็ไม่ปาน ดีที่ทั้งสามคนดูแผนที่มาก่อน ไม่เช่นนั้นคงหลงทางแน่
ทางสวิ้นจ้างนั้นอยู่บริเวณรอบๆทั้งสี่ด้านของจุดศูนย์กลางวังใต้ดิน เป็นหลุมใหญ่ๆที่ขุดลึกลงไปด้านล่าง มีสิ่งของนานาชนิดที่ถูกฝังไว้พร้อมกันกับศพ โครงกระดูกของม้าวัวและแพะ เงินทองอัญมณีมีค่า เครื่องปั้นดินเผา อาวุธ นางกำนัลกับขันทีที่ปั้นขึ้นจากดินเหนียว ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทั้งสามคนมองดูแวบหนึ่ง เหมือนสิ่งของที่ฝังร่วมกับโลงศพไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนคนนี้ไม่ได้มาเพื่อขโมยของล้ำค่าในสุสานจริงๆ
เดินต่อเข้าไปข้างใน ก็เป็นจุดศูนย์กลางที่ใช้วางโลงศพแล้ว
ประตูหินได้ถูกทำลายแล้ว ระดับความเสียหายเท่ากับประตูสามหิน หินแตกละเอียดหล่นเกลื่อนพื้น แสงสว่างจากภายในส่องออกมา ทั้งสามคนดับคบเพลิงของตัวเอง โยนทิ้งไว้ข้างนอก แล้วเดินเข้าไป
อากาศข้างในไม่นับว่าอึดอัดมาก เห็นได้ชัดว่าที่นี่ได้ถูกทำลายไม่ใช่แค่เวลาวันสองวันแล้ว
ที่นี่เหมือนตำหนักในวังตำหนักหนึ่ง เสาทั้งสี่ต้นแกะสลักด้วยลวดลายมังกรเหิน ทั้งสูงทั้งยาว ราวกับจะทะลุขึ้นไปบนฟ้า ด้านบนสุดแกะสลักลายเมฆและลายมังกร ภาพวาดฝาผนังต่างๆ ไข่มุกมังกรสี่เม็ดส่องสว่างไปทั่ววังใต้ดิน
โลงศพของฮ่องเต้ฮุยจงถูกวางเอาไว้บนแท่นสูงในวังใต้ดิน ขนาดของแท่นวางนั้นออกแบบตามลักษณะของตำหนัก ราวบันไดหยกขาว ขั้นบันไดหยกขาว เผยให้เห็นถึงเกียรติอันสูงส่งของฮ่องเต้
โลงศพถูกทาด้วยสีทองทั้งหมด ทำมาจากไม้เนื้อทองหนานมู่ ทั้งสามยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ หัวใจก็เย็นวาบไปกว่าครึ่ง เพราะว่าโลงศพไม่ได้ปิดสนิทเอาไว้ ระยะห่างแค่สิบก้าวก็เห็นรอยแยกบนโลงศพ ตะปูโลงศพได้ถูกงัดออกมาทั้งหมดแล้ว
“สวรรค์”กู้ซือสีหน้าขาวซีด หัวใจเต้นระส่ำตกใจเป็นอย่างยิ่ง “เข้ามาหาฮ่องเต้ฮุยจงจริงๆด้วย”
ทั้งสามคนสีหน้าเคร่งขรึม คนคนนี้ไม่ได้มาเพราะสิ่งของที่ได้ทำการฝังร่วมกับศพ แต่มาเพียงเพื่อทำลายศพของฮ่องเต้ฮุยจงอย่างนั้นหรือ นั่นก็หมายความว่าคนคนนี้ต้องเกลียดชังฮ่องเต้ฮุยจงเป็นอย่างยิ่ง
หัวใจของหยู่เหวินเห้าคิดถึงอ๋องชินเป่าขึ้นมาอีกครั้ง เห็นที การคาดเดาของยายหยวนไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
เขาอยากจะเดินเข้าไปดู กู้ซือขวางเขาเอาไว้ “ระวังหน่อย ในเมื่อโลงศพเคยถูกคนลงมือแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจมีอันตราย”
“เช่นนั้นก็ใช้พลังฝ่ามือผลักออกเถอะ”หยู่เหวินเห้าพูด
ทั้งสามคนคุกเข่าลงก่อนที่จะโขกหัวคำนับเพื่อเป็นการรายงาน จากนั้นก็ยืนขึ้นขับเคลื่อนพลังฝ่ามือ จึงเห็นฝาโลงของโลงศพไม้เนื้อทองหนานมู่ถูกยกขึ้นมาในทันใด และตกหล่นลงไปที่พื้น
มองโลงศพที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น หัวใจของหยู่เหวินเห้าไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลงเลย กลับกัน ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งเข้าไปใหญ่
เขาถึงกับไม่กล้าเข้าไปดู เกรงว่าศพของฮ่องเต้ฮุยจงจะถูกคน……
กู้ซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆเดินเข้าไปด้านหน้า ในปากพูดว่า “กระหม่อมกู้ซือ คำนับฮ่องเต้ฮุยจง ฮ่องเต้ฮุยจงอย่า……”
น้ำเสียงของเขา หยุดลงอย่างกะทันหัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หยู่เหวินเห้ากับอ๋องอันเห็นดังนั้น ก็รีบก้าวขึ้นไปดูข้างหน้า ต่างก็มีสีหน้าตกใจเช่นกัน ดวงตาแทบถลนออกมา
ในโลงศพ นอกจากเงินทองของมีค่ากับผ้าไหมที่ฝังรวมกับศพ ก็ไม่มีอะไรเลย
ศพของฮ่องเต้ฮุยจงหายไปแล้ว
“สวรรค์ ”กู้ซือตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว พูดพึมพำว่า “ใครกันแน่ที่ทำเช่นนี้ ถึงกับขโมยศพของฮ่องเต้ฮุยจงไปโดยที่ใครก็ไม่รับรู้เลย คนคนนี้ช่างบังอาจยิ่งนัก”
หลังจากหยู่เหวินเห้าผ่านความตกใจมาแล้ว แววตาเฉียบแหลมก็มองกวาดไปรอบๆ แววตาหยุดนิ่งลงบนฝาโลงที่ถูกเปิดออก เขาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าดู บนนี้มีตัวอักษรสลักไว้ด้วย”
อ๋องอันกับกู้ซือเดินเข้าไปทันที ด้านในของฝาโลงศพ มีตัวอักษรสิบสองตัวสลักเอาไว้ ถ้าหากไม่สังเกตดูดีๆ จะมองไม่เห็น
“ฮุยจงโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา ไม่เหมาะสมที่จะถูกฝังในสุสานจักรพรรดิ”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเขียวคล้ำ กัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใคร ข้าต้องลากตัวเขาออกมาให้ได้ สับร่างให้เป็นชิ้นๆ”
ทั้งสามคนออกจากวังใต้ดิน ไปรายงานฮ่องเต้หมิงหยวนที่ตำหนักเสี่ยงเอิน
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้ว ดวงตาก็มีไฟลุกโชนขึ้นมา ใช้หมัดทุบลงไปบนแท่นบูชาของตำหนักเสี่ยงเอิน มีพระบัญชากับพวกหยู่เหวินเห้าทั้งสามคนว่า “ตรวจสอบ แม้ต้องผลิกแผ่นดินหาก็ต้องทำ ต้องหาศพของฮ่องเต้ฮุยจงกลับมาให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ ”ทั้งสามคนรับพระบัญชา
“มู่หรู”ฮ่องเต้หมิงหยวนเรียกตัวมู่หรูกงกงเข้ามา สายตามีแววแห่งความกราดเกรี้ยวอย่างรุนแรงวาบผ่าน “สุสานจักรพรรดิแห่งนี้ เจ้ารับหน้าที่เป็นคนจัดการแก้ไขปัญหา อย่าให้ข่าวคราวรั่วไหลออกไปเด็ดขาด วันนี้ข้าเองก็ไม่เคยมาที่สุสานจักรพรรดิ”
“ข้าน้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ ”มู่หรูกงกงพูดเสียงเบา
ฮ่องเต้หมิงหยวนหันกลับไปคุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะบูชาในตำหนักเสี่ยงเอิน บนโต๊ะบูชามีป้ายวิญญาณของฮ่องเต้ฮุยจงวางเอาไว้ เขาให้คำสัตย์สาบานต่อหน้าป้ายวิญญาณ ต้องทำการค้นหาศพของเสด็จปู่กลับมาให้ได้
หยู่เหวินเห้าคุ้มกันฮ่องเต้หมิงหยวนกลับเมืองหลวง ท่านอ๋องที่เหลือกลับไปเฝ้าที่สุสานหลวงด้านตะวันออก มู่หรูกงกงกับกู้ซือทำการสอบสวนอยู่ที่นี่ และทำการลงโทษองครักษ์ที่เฝ้าวิญญาณ
หยวนชิงหลิงดูแลไท่ซ่างหวงอยู่ในวัง ตอนที่เคลื่อนขบวนศพของไทเฮาออกไป ไท่ซ่างหวงก็ยืนอยู่บนหอทงเทียนมองดูขบวนศพที่เคลื่อนออกไป ตอนที่ลงจากหอสูง ไม่ทันระวังหกล้มลงมา กลิ้งลงบันไดหลายขั้น อาการบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
เดิมทีฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่เป็นเพื่อนที่นี่ แต่ว่าในกลางดึกได้ถูกเชิญออกไปข้างนอกอย่างกะทันหัน เห็นท่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก จากนั้นก็ไม่เห็นเขามาอีกเลย
หยวนชิงหลิงหัวใจหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่การเฝ้าดูอาการไท่ซ่างหวงสำคัญกว่า
เมื่อหมดเวลายามเฉิน(07.00-09.00) ก็เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนมา สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนเย็นชา มีกลิ่นอายแห่งความน่ากลัวไม่กล้าเข้าใกล้แผ่ออกมาจากร่างของเขา หยวนชิงหลิงก็ยิ่งแน่ใจว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนให้นางออกไปก่อน นางไม่กล้าถามย่อตัวคำนับออกไปทันที
เพียงแค่ถอยออกไปยืนอยู่นอกตำหนักเงียบๆ หูของนางไวมาก ยังคงได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดคุยกับไท่ซ่างหวง
หัวใจของนางสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ ศพของฮ่องเต้ฮุยจงถูกขโมยไป
นางเงี่ยหูตั้งใจฟังต่อไป ได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ลูกไม่กล้าปิดบังเสด็จพ่อ ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อมีคนที่สงสัยอยู่ในใจหรือไม่ ตอนนั้นเคยมีใครชิงชังเสด็จปู่ถึงเพียงนี้หรือไม่ ”
ฮ่องเต้ฮุยจงเป็นบิดาของไท่ซ่างหวง ได้ยินว่าศพของบิดาถูกขโมยไป ไท่ซ่างหวงก็โมโหเป็นอย่างยิ่ง ทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ไม่ง่ายเลยกว่าจะสะกดกลั้นเอาไว้ได้ เขาสั่งการอย่างช้าๆ “สั่งให้คนไปรายงานเรื่องนี้กับชายาเฟิงอัน”
“ท่าน……”ฮ่องเต้หมิงหยวนตกตะลึง “ท่านสงสัยว่าท่านลุงเป็นคนทำหรือ”
ไท่ซ่างหวงโบกมืออย่างยากลำบาก “ไม่ ไม่ใช่ฝีมือเขา เขาไม่ทำเช่นนี้แน่ เจ้าแค่สั่งให้คนไปบอกเขา เขาจะเล่าเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ฮ่องเต้ฮุยจงยังครองบัลลังก์อยู่ให้รัชทายาทได้รับรู้ ให้รัชทายาทไปตรวจสอบเรื่องนี้ แม้ต้องใช้กำลังทั้งหมดของประเทศ ก็ต้องหาศพของฮ่องเต้ฮุยจงกลับมาให้ได้ ”
“พ่ะย่ะค่ะ ขอให้เสด็จพ่อวางใจ ลูกจะทำอย่างไม่เสียดายอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็จะหาร่างของฮ่องเต้ฮุยจงกลับมาให้ได้ ”ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยรับประกัน
ไท่ซ่างหวงอืมหนึ่งเสียง ให้เขาออกไปทำเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องคอยปรนนิบัติอยู่ข้างเตียง
ตอนที่หยวนชิงหลิงกลับเจ้ามาในตำหนักอีกครั้ง ไท่ซ่างหวงได้ปกปิดความขุ่นมัวในสายตาไว้จนหมด เพียงแต่ไม่พูดจาได้แต่นิ่งมองปลายสุดของที่แขวนมุ้งอย่างใจลอย
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเรื่องนี้นางไม่ควรถาม ไม่ควรรับรู้ ฉะนั้น จึงไม่ได้เอ่ยขึ้น ได้แต่อยู่เป็นเพื่อนไท่ซ่างหวงในตำหนัก
เมื่ออาการของไท่ซ่างหวงค่อยๆทรงตัวแล้ว นางออกจากวังไปก็เห็นว่าหยู่เหวินเห้ากลับมาแล้วเช่นกัน ตามกฎแล้ว เขาสมควรจะอยู่เฝ้าที่สุสานจักรพรรดิเป็นเวลาสามวัน
หยู่เหวินเห้าก็เพิ่งจะกลับมาถึงจวนและกำลังเปลี่ยนชุด เห็นหยวนชิงหลิงที่กลับมาจากวังหลวง ก็ถามขึ้นว่า “อาการของเสด็จปู่เป็นอย่างไรบ้าง”
“ทรงตัวดีแล้ว น่าจะไม่ร้ายแรงอะไร”หยวนชิงหลิงเห็นเขารื้อหาเสื้อผ้า ก็หาเสื้อผ้าที่เป็นสีขาวทั้งชุดให้เขา ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หยู่เหวินเห้าเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้านาง พูดว่า “ศพของฮ่องเต้ฮุยจงถูกขโมยไป”
หยวนชิงหลิงถามว่า “รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ”
“ไม่รู้”หยู่เหวินเห้ารัดเข็มขัด มองนาง “แต่ว่า ตอนแรกที่เจ้าสงสัยอ๋องชินเป่า ตอนนี้ข้าก็สงสัยเช่นกัน ”
“ท่านได้สั่งให้คนติดตามเขาอยู่มิใช่หรือ มีอะไรผิดปกติหรือไม่”
“ไม่มี ไม่มีหนทางให้ลงมือ ประเดี๋ยวเสด็จลุงกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าต้องถามบางเรื่องกับเขา”หยู่เหวินเห้ารินน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะหนึ่งแก้ว แววตาเย็นชานิ่งสนิท “ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าต้องลากตัวคนคนนี้ออกมาให้ได้”