บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1301 อุบายของเจ้าห้า

บทที่ 1301 อุบายของเจ้าห้า

ตั้งแต่กลับมาจากภูเขาหมื่นพุทธ พี่ชายและฟางหวูก็ต้องจากไปแล้ว การจากลาครั้งนี้ ก็ไม่ได้โศกเศร้าเกินไปนัก เพราะว่าฟางหวูและหยวนชิงหลิงล้วนคิดว่า ทะเลสาบจิ้งใกล้จะถูกปลดล็อกแล้ว ในไม่ช้า นางและลูกๆก็จะสามารถก้าวเดินบนเส้นทางกลับบ้านได้แล้ว

ก่อนที่พี่ชายจะจากไป กำชับครั้งแล้วครั้งเล่า จะต้องให้เจ้าห้าดูแลท่านย่าและหยวนชิงหลิงให้ดี พี่ชายของภรรยาไม่วางใจ หยู่เหวินเห้าสามารถเข้าใจได้ รับรองครั้งเล้วครั้งเล่า ว่าจะไม่ทำพวกนางได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน

พี่ชายของหยวนชิงหลิงถึงได้วางใจ จับไหล่ของหยวนชิงหลิง มองน้องสาวอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง กล่าวเบาๆ “ไม่นานพวกเราก็จะได้เจอกันอีก หลังจากกลับไป พี่ก็จะไปหาคนมาช่วย ตอนนี้มีสถิติเหล่านี้ของเธอและการสังเกตการณ์ของฟางหวู ในไม่ช้าทะเลสาบจิ้งก็จะสามารถปลดล็อกได้แล้ว พี่ซาบซึ้งมากที่ตลอดมาเธอไม่เคยละทิ้งการเสาะหาเส้นทางกลับบ้าน เป็นเธอที่ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลับกลายเป็นไปได้ สำหรับมนุษย์แล้ว นี่เป็นความมหัศจรรย์”

หยวนชิงหลิงน้ำตานองหน้า สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้ “กลับบ้านสองคำนี้ ฉันคิดทั้งวันทั้งคืน จะไม่ละทิ้งเป็นธรรมดา”

“ยอดเยี่ยม!” พี่ชายของหยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปกอดน้องสาวเล็กน้อย และไปกอดท่านย่าหยวนครู่หนึ่ง จึงได้โบกมืออำลากับทุกคน หมุนตัวออกไปกับฟางหวูด้วยความอาลัยอาวรณ์

ท่านย่าหยวนอดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตา แน่นอนว่านางอยู่ที่นี่นั้นดีเป็นอย่างมาก แต่ว่า นางก็คิดถึงญาติสนิทมิตรสหายในโลกใบนั้น นางเฝ้าหวังว่าจะสามารถปลดล็อกทะเลสาบจิ้งได้จริงๆ เช่นนั้น นางก็สามารถกลับเยี่ยมเยียนได้แล้ว

หยวนชิงหลิงก็หลั่งน้ำตาแล้ว หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเบาๆว่า “อย่าเสียใจไปเลย อย่างที่เขาพูด อีกไม่นานพวกเราก็จะได้ไปมาหาสู่กันและกันได้”

หยวนชิงหลิงตอบรับอย่างกลัดกลุ้มคำหนึ่ง

วันนี้หยู่เหวินเห้าไม่ได้กลับไปทำธุระ อยู่เป็นเพื่อนหยวนชิงหลิงในจวน เกรงว่านางจะคิดมาก

แนวความคิดมิติเวลานี้สำหรับเขาแล้ว มีความรู้รางๆแล้ว เขาคิดถึงปัญหาอย่างหนึ่งมาโดยตลอด แม้ว่าจะอยู่ข้างกายของหยวนชิงหลิง ก็ยังคงใจลอย

หยวนชิงหลิงถามเขาว่า “สองวันมานี้ท่านเป็นอะไรไปหรือ? มักจะเหม่อลอยอยู่คนเดียวเสมอ”

หยู่เหวินเห้าเท้าคางมองดูนาง “ช่างมหัศจรรย์มากจริงๆ คนยังสามารถกลับไปอดีตได้อีกด้วย”

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่านี่เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น แม้กระทั่ง ทฤษฎีก็เป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ” หยวนชิงหลิงทอดถอนใจ

จริงๆแล้วมนุษย์นั้นตัวเล็กเกินไป ในจักรวาลมีพลังงานอะไรกันแน่ ในจักรวาลนี้จะมีสิ่งที่มนุษย์ไม่มีทางจะจินตนาการได้มากน้อยเพียงใดกันแน่ เกรงว่าแม้แต่หนึ่งในร้อยล้านก็ล้วนไม่รู้

หยู่เหวินเห้าพูดเหมือนกำลังครุ่นคิด “หากว่าข้าสามารถกลับไปอดีตได้เหมือนกัน น่าจะดีเพียงใดกันนะ!”

“หืม?” หยวนชิงหลิงตะลึงงัน นี่กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่ ทำไมเขาถึงได้อยากย้อนเวลากลับไป? อดถามไม่ได้ว่า “เจ้าอยากกลับไปช่วงเวลาใด?”

ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเป็นประกายเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีความละอายใจเล็กน้อย

“หืม?” หยวนชิงหลิงทำเสียงสูงขึ้น เพ่งมองเขา

หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ก่อน “ข้าพูด แต่ห้ามโกรธ”

หยวนชิงหลิงไม่เต็มใจยอมรับการใช้คุณธรรมมาบังคับเช่นนี้ บอกแล้วว่าไม่โกรธ ประเดี๋ยวพูดคำที่ทำให้นางโกรธออกมา เช่นนั้นนางก็ต้องกุมจิตสำนึกเอาไว้แล้วบอกว่าไม่โกรธ “เจ้าพูดก่อน พูดแล้วข้าค่อยยืนยันว่าจะโกรธหรือไม่”

ดูท่าทางของเขา เหมือนท่าทางต้องการจะทำความผิดเช่นนั้น

หยู่เหวินเห้าจับมือของนางไว้ แววตาละห้อยลงมา “เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นความจริงไม่ได้ ข้าอยากกลับไปตอนที่ข้าเพิ่งจะรู้จักฉู่หมิงชุ่ยครั้งแรก”

ชื่อที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานาน ทำไมเมื่อได้ยิน กลับมีความรู้สึกชนิดที่เลือนรางเสมอ

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “จากนั้นล่ะ?”

หยู่เหวินเห้ามองดูนาง “อย่าเข้าใจผิดเชียวนะ ข้าไม่ได้ต้องการทำอะไร เพียงแค่อยากเตือนตัวเอง ว่าอย่าถูกนางหลอกเด็ดขาด ห้ามมีความรู้สึกดีต่อนางแม้สักนิดอีกเด็ดขาด ตอนนี้นึกถึงช่วงเวลาที่เรียกว่ามีความรู้จักมักจี่ใกล้ชิดกันอย่างดีตอนเด็กๆนั่นกับนางแล้ว ก็อึดอัดใจเป็นอย่างมาก มีความสะอิดสะเอียนเล็กน้อย”

หยวนชิงหลิงไม่ได้คิดว่าเป็นเช่นนี้ มองดูสีหน้าที่จริงจังของเขา นัยน์ตายังมีแววความรังเกียจทะลุออกมาจริงๆ เผลอหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ใช่หรือ? เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นแล้ว ตอนนี้รู้ก็ดีแล้ว คนก็เสียชีวิตไปแล้ว แล้วต่อกันเถอะ”

“ใช่สิ คนก็ตายไปแล้ว ทั้งหมดก็ทำได้เพียงแล้วกันไป” เขาเน้นย้ำคำว่าทำได้เพียงสองคำ สุดท้ายก็ยากที่จะสงบความคิด ชะงักครู่หนึ่ง “หากว่าไม่นับ ยังจะทำอย่างไรได้ล่ะ? นางหลอกข้าและน้องเจ็ด แทบจะทำให้เจ้าเจ็ดตาย ยังเกือบจะทำให้เจ้าและลูกๆเสียชีวิตอีก ข้าก็ทำได้เพียงแล้วไปเช่นนี้ เพราะว่านางตายแล้ว”

ในน้ำเสียง เดือดดาลไม่สงบ

เขารัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ไม่ได้ต้องการมีปัญหากับคนตายอย่างแน่นอน และนางก็ได้ชดใช้ค่าตอบแทนอย่างสูงที่สุดแล้ว ความตาย แต่เขาคิดว่า แต่ไหนแต่ไรความตายไม่ใช่การชดใช้ที่สูงที่สุด มีสิ่งที่ทรมานกว่าการตาย

“ท่าน…….เกลียดนางขนาดนี้เชียวหรือ?” เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่าการที่คนตายไปแล้ว ทุกอย่างก็ควรจะจางหายไป แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เจ้าห้ายังคงเกลียดนางเข้ากระดูกดำอีก

หยู่เหวินเห้าคิดครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เกลียดไม่เกลียด อาจจะพูดไม่ได้จริงๆ ข้ารู้สึกแค่เพียงคนผู้หนึ่งทำความผิดมากมายเพียงนี้ ลงมือวางแผนทำให้คนตายหลายชีวิต แม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่นางก็มีความคิดการกระทำที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ เพียงแค่คนที่ถูกนางทำร้ายวาสนาดีเท่านั้น นางใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังจะพูดว่าชอบข้าอะไรยังไง ชอบข้า จึงต้องการฆ่าคนที่ข้ารัก นี่เป็นความคิดจิตใจที่บิดเบือนเพียงใดกัน? การกระทำของนาง ทำให้คนรู้สึกว่านางคลั่งไคล้ข้าเพียงนี้ ข้าเกลียดนางแค้นน่าก็ล้วนไม่ควร”

คำพูดเหล่านี้ หยู่เหวินเห้าเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด ไม่เคยพูดออกไป แม้ว่าก่อนหน้านี้น้องเจ็ดมักจะบ่นพร่ำถึงฉู่หมิงชุ่ยอยู่ตลอด ถามเขาขึ้นมา เขาก็เพียงแค่พูดคร่าวๆให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าทุกอย่างล้วนจางหายไปพร้อมกับการตายของนางแล้ว”

เพราะ หากว่าผู้ชายคิดเล็กคิดน้อยแล้ว จะถูกคนบอกว่าใจแคบ ผูกอาฆาต คิดเล็กคิดน้อยผ่านไปไม่ได้กับผู้หญิงตายแล้วหนึ่ง ไม่ได้เรื่อง

แต่แม่งเอ๊ยผู้ชายไม่ใช่คนหรือไง? หากบอกว่าตอนนั้นหยวนชิงหลิงเจ้าของร่างเดิมวางแผนแล้วว่าเป็นเขามีความผิด เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการก็คือฉู่หมิงชุ่ย นางก็สามารถลอยตัวอยู่นอกปัญหาได้? อันที่จริงก่อนตายนางก็ไม่ได้รู้สึกผิด

หยวนชิงหลิงตะลึงงัน นางไม่รู้จริงๆว่าในจิตใจของเจ้าห้าจะยังมีความเกลียดแค้นอยู่

หยู่เหวินเห้าเห็นนางตะลึงไปเล็กน้อย ก็รู้ว่าตัวเองเอ่ยคำพูดที่ใจแคบเล็กน้อยเหล่านั้นออกมาแล้ว ครั้นแล้วจึงโบกมือกล่าวว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว คนก็ตายไปแล้ว”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีการให้ท่านได้ระบายความโกรธแล้วจริงๆ”

“ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะระบายความโกรธนี้ ข้าแค่รู้สึกขยะแขยงที่ตัวเองเคยคิดว่านางงดงามเพียงใด เหมือนก้างติดคอ กลืนไม่ลง” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความอัดอั้นใจ

หยวนชิงหลิงยื่นมือไปกอดคอเขา กล่าวปลอบใจ “ใครไม่เคยมีประสบการณ์ถูกหญิงโฉดชายชั่วหลอกมาก่อนบ้าง? ไม่ต้องคิดถึง อดีตก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้เรามีความสุขเพียงใดกัน”

หยู่เหวินเห้าทอดถอนใจ กล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “พูดก็พูดเช่นนี้ แต่ความสุขเป็นพวกเราเองที่พยายามมาได้ ไม่ใช่นางให้สักหน่อย ความสุขตอนนี้ที่ข้าพยายามมาได้มีสิทธิ์อะไรที่จะต้องไปชดเชยกับความผิดของนาง?”

หยวนชิงหลิงจูบเขาเล็กน้อย หน้าผากจรดกับเขา “แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ใช่หรือไม่?”

ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเปล่งประกายอันลึกล้ำ “ใช่สิ ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ขยะแขยงนี่ เจ้าต้องทำให้ข้าลืมความขยะแขยงนี้ไปถึงจะได้……”

มือของเขาคล้องขึ้นไปที่เอวของนาง ค่อยๆกดไปที่ช่วงท้อง มือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดของนาง

หยวนชิงหลิงจับมือเขาไว้ ท่าทางสดใส “ท่านทำอะไร?”

“อยากขจัดความกลัดกลุ้มในจิตใจสักหน่อย!” เขาโน้มตัวมาด้านหน้าและประทับริมฝีปากของนางไว้ “ช่างอัดอั้นตันใจจริงๆ”

คนหน้าไม่อาย กลางวันแสกๆ ก็รู้ทันทีว่าความโศกเศร้าอย่างฉับพลันของผู้ชาย ล้วนมีจุดประสงค์

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท