เฝ้ารอคอย ในที่สุดก็รอจนเจ๋อหลานกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว
หยู่เหวินเห้ารออยู่ที่ตำหนักเสี้ยวเยว่ มู่หรูกงกงเอาแต่บ่นอยู่ข้างๆ บอกว่าองค์หญิงอายุยังน้อย คงไม่พ้นชอบเล่นอยู่บ้าง นางก็แค่ทำผิดในสิ่งที่เด็กต่างก็ทำผิดกันได้
มู่หรูกงกงเข้าข้างองค์หญิงเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าฮ่องเต้จะตำหนิองค์หญิง หัวใจที่บอบบางของเขาคงคนไม่ได้
ในที่สุด นางก็กลับมาแล้ว
หยู่เหวินเห้ามองร่างเล็กๆที่หลบอยู่หลังร่างของยายหยวน แอบโผล่หัวออกมาอย่างขี้ขลาด มองเขาตาปริบๆ
หยวนชิงหลิงจูงมือของนางเอาไว้ ไปเถอะ ท่านพ่อรอเจ้าอยู่
เจ๋อหลานก้มศีรษะลง ยืนอยู่ตรงหน้าหยู่เหวินเห้า ค่อยๆยื่นมือไปวางไว้บนฝ่ามือของเจ้าห้า พูดเสียงเบาว่า ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว
หยู่เหวินเห้าไม่ได้จูงมือของนางด้วยตนเอง แต่ก็ทำใจที่จะสะบัดทิ้งไม่ได้เช่นกัน มองลูกสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ในใจมีความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด ไปอยู่ที่เมืองโร่ตูนานแค่ไหนแล้ว
เจ๋อหลานไม่กล้าโกหก ตั้งแต่กลับมาตอนปิดภาคเรียนฤดูร้อนครั้งที่แล้ว ก็เดินทางไปที่เมืองโร่ตูเลย
หยู่เหวินเห้าราวกับทุกทุบกลางใจอย่างแรง ทุกคนต่างก็รู้ แต่ปิดข้าไว้อย่างนั้นหรือ
เจ๋อหลานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ยื่นมือไปกอดท่านพ่อเอาไว้ ขอโทษ ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว
หยู่เหวินเห้าไม่เคลื่อนไหว มองยายหยวนที่เดินเข้ามาพูดกับเขาว่า ลูกๆซื้อของขวัญมาให้ท่านเยอะเลย ท่านจะดูหรือไม่
ไม่ต้อง หยู่เหวินเห้าทำใจให้เย็นลง แต่ก็ยังไม่อยากผลักลูกสาวออก
ความรู้สึกที่ถูกปิดบังความจริงนั้นช่างน่าเสียใจนัก
ยายหยวนนั้นต้องรู้แน่ แต่ยายหยวนก็ไม่ยอมบอกเขา พวกเขาเคยสัญญากันแล้วว่า จะไม่มีความลับต่อกัน
แม้แต่ยายหยวนเขาก็รู้สึกโกรธไปด้วย
ยายหยวนเห็นสีหน้าของเขาแล้ว เพิ่งจะสำนึกได้ว่าตัวเองต่างหากที่น่าเป็นห่วงที่สุด
ตลอดการเดินทางกลับมา ได้แต่เป็นห่วงกวากวา อยากจะช่วยกวากวาขอร้องต่อหน้าเจ้าห้า แต่กลับละเลยว่าตัวเองก็ปกปิดเจ้าห้าเช่นกัน เขาจะยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
เจ๋อหลานก็รู้สึกได้เช่นกัน รีบเงยหน้าขึ้นมองท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านอย่าโทษท่านแม่เลย ข้าเป็นคนขอร้องให้นางปกปิดท่านเอาไว้ ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นห่วงข้า ฉะนั้นข้าจึงไม่กล้าบอกท่าน
หยู่เหวินเห้ามองเจ๋อหลาน ฉะนั้น ตอนนี้พวกเจ้ามีความลับต่อกัน ความลับนี้ไม่สามารถบอกข้าได้ ใช่หรือไม่
ไม่ ไม่ใช่ เจ๋อหลานนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ นางก็แค่อยากจะรับโทษทั้งหมดไว้เอง ไม่ได้อยากจะราดน้ำมันไปบนเชื้อไฟ
ช่างเถอะ หยู่เหวินเห้าทนเห็นท่าทีน่าสงสารของลูกสาวเช่นนั้นไม่ได้ จูงมือของนางเดินเข้าไป
หยวนชิงหลิงเดินตามไปอย่างละอายใจ หันหน้ากลับไปสั่งให้รีบเอาของขวัญเข้ามา
ของขวัญเหล่านี้เจ๋อหลานเป็นคนเลือกสรรเอง แต่ว่าตอนนี้นางต้องสร้างความดีความชอบให้ตนเอง จึงถือว่าของขวัญเหล่านี้นางเป็นคนซื้อ
เข้าไปในตำหนักแล้ว ลู่หยารีบนำน้ำชาและของว่างมาให้องค์หญิงน้อย เกรงว่านางจะหิวแล้ว
มู่หรูกงกงคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเจ๋อหลาน กินชิ้นนี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ ชิ้นนั้นมันหวานเกินไป กินเสร็จแล้วก็ดื่มน้ำเสียหน่อย ค่อยกินของหวาน ไม่เช่นนั้นจะติดคอได้
กงกง ท่านก็กินด้วยสิ เจ๋อหลานส่งให้มู่หรูกงกงหนึ่งชิ้น แล้วก็มองไปทางหยู่เหวินเห้าอย่างระแวดระวัง ท่านพ่อยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง ดำคล้ำมาก
มู่หรูกงกงยิ้มอย่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าน้อยไม่กิน องค์หญิงรีบกินเถอะพ่ะย่ะค่ะ คงจะหิวมากแล้ว สถานที่อย่างเมืองโร่ตู ยากจนมาก เกรงว่าคงจะไม่ได้กินดีๆสักมื้อเลย
พูดแล้ว ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ พูดกับหยู่เหวินเห้าว่า ฮ่องเต้ ท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองอีกเลย องค์หญิงก็แค่อยากจะไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อ๋องอันกับอ๋องเว่ยต่างก็อยู่ที่นั่น กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนี่ไง ใช่หรือไม่
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า ใช่แล้วอย่างไร นางให้เจ้ากินขนมไปชิ้นหนึ่งแล้ว ก็ไม่เห็นว่านางจะให้พ่อกินสักชิ้น
เจ๋อหลานได้ยินดังนั้น ก็รีบเอาของว่างเดินเข้าไปหา ส่งให้ถึงปากของท่านพ่อ พูดอย่างเอาใจว่า ท่านพ่อ ท่านกินเถอะ ชิ้นนี้ไม่หวานมากนักเป็นขนมน้ำขิง อร่อย
กลิ่นหอมของขนมน้ำขิงลอยอบอวลอยู่ในจมูก แล้วมองใบหน้าอันออดอ้อนน่ารักของลูกสาว ไหนเลยจะทำใจผลักไสได้ แม้จะโมโห แต่ก็กัดไปคำหนึ่ง รสชาติของน้ำขิงกับน้ำเชื่อมแตกกระจายในปาก แล้วก็มองรอยยิ้มน่ารักซื่อๆของลูกสาว ใบหน้าเขาจึงคลายลงได้
ข้าก็อยากกิน หยวนชิงหลิงยิ้มและเข้าไปยืนอยู่ข้างเจ้าห้า เท้าคางถามเขาว่า เจ้าห้า อร่อยใช่หรือไม่
เจ้าห้าหันหน้าหนี ไม่สนใจนาง
กฎที่นางกำหนดขึ้นมาเอง ละเมิดเอง ก็ไม่สมควรต้องมีสีหน้าดีๆให้นางได้ดู
หยวนชิงหลิงยิ้มอายๆ เจ๋อหลาน ให้แม่ชิ้นหนึ่ง
เจ๋อหลานกลับไปของว่างมาส่งให้ตรงปากของท่านแม่ ยิ่งรู้สึกเสียใจ ครั้งนี้ทำให้ท่านแม่ต้องลำบากไปด้วย
หลังจากหยวนชิงหลิงกินแล้ว ก็ยิ้มและพูดว่า อร่อยจริงๆ กินเสร็จแล้วก็รีบไปนอนพักเสียหน่อยเถอะ เร่งเดินทางกลับมา พวกเราไม่ได้นอนดีๆเลย
อืม ข้ารู้แล้ว เจ๋อหลานกลับไปนั่งกินอย่างเชื่อฟัง กินอย่างรวดเร็วมาก กินเสร็จแล้วก็เข้าไปกอดหยู่เหวินเห้าทีหนึ่ง เงยใบหน้าเล็กๆขึ้นมาพูดว่า ท่านพ่อ ข้าขอตัวไปนอนก่อน รอข้านอนตื่นแล้ว ข้าจะมานวดขาให้ท่าน
หยู่เหวินเห้าไม่ได้โกรธนางแล้ว พูดว่า อืม รีบไปเถอะ
เจ๋อหลานจูงมือของมู่หรูกงกงเดินออกไป พอถึงหน้าประตู ยังคงหันกลับมามองท่านแม่อย่างเป็นกังวล หวังว่าท่านพ่อจะไม่โกรธนางนานเกินไป
หยวนชิงหลิงไปปิดประตูตำหนักลง นั่งลงข้างโต๊ะ มองของขวัญที่กองอยู่เต็มโต๊ะ พูดกับเจ้าห้าที่ทำหน้าบูดบึ้งว่า ของขวัญเหล่านี้ ล้วนเป็นข้ากับกวากวาเลือกมาให้ท่าน เจ้าดูสิว่าชอบหรือไม่
เจ้าห้ามองนาง เรื่องของขวัญเอาไว้ก่อน เจ้ามีเรื่องจะอธิบายกับข้าหรือไม่ พวกเราไม่ทำสงครามเย็น แต่ข้าต้องการคำอธิบาย
หยวนชิงหลิงนั่งเข้ามาใกล้ มองเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยการขออภัย ขอโทษ ข้าไม่ควรปิดบังท่าน ข้าแค่กลัวว่าท่านจะเป็นห่วง ไม่กล้าบอกท่าน
เจ้าห้าพูดว่า เจ้าเคยบอกว่า ระหว่างเราจะไม่มีความลับต่อกัน เรื่องที่นางไปเมืองโร่ตูเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าควรจะปรึกษากับข้า ข้าเป็นพ่อนาง ข้ามีสิทธิ์ที่จะรู้ว่านางไปที่ไหน มีอันตรายหรือไม่
ถ้าข้าบอกท่านแล้ว ท่านจะให้นางไปหรือไม่ หยวนชิงหลิงถาม
ไม่ให้ไปแน่นอน เมืองโร่ตูเป็นสถานที่เช่นไร ซับซ้อนวุ่นวายแค่ไหน นางก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ไปที่นั่น ข้าจะวางใจได้อย่างไร
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างระอาใจว่า ก็เป็นเช่นนี้ไงเล่า ที่จริงลูกไปยังเมืองโร่ตู ก็ไม่ได้ปรึกษาข้า ข้าแค่รู้สึกได้เท่านั้น ข้ารู้ว่านางไม่เป็นอันตราย แต่ท่านไม่รู้อย่างแน่นอน และไม่สามารถแน่ใจได้ว่านางจะปลอดภัยหรือไม่ ท่านต้องเป็นกังวลมากแน่ๆ ฉะนั้นข้าจึงไม่กล้าบอกท่าน
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า เช่นนั้นในเมื่อเจ้ารู้ ยังตามใจนางอีกหรือ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า นางอายุแค่นี้ จะพบเจอกับเรื่องราวบางอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่นเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ถ้าหากนางหนีออกมาไม่ได้เล่า นางเกิดเรื่องขึ้นจะทำอย่างไร
หยวนชิงหลิงเข้าไปกุมมือของเขาเอาไว้ ข้ารู้ว่าความเป็นห่วงของท่านมีเหตุผล ข้ารู้ว่าข้าประมาทไปหน่อย แต่ข้ารับรอง วันหน้าจะไม่ช่วยพวกเขาหลอกท่านอีกแล้ว
หยู่เหวินเห้าแกะมือของนางออก สีหน้ายังคงดูไม่ได้ เมื่อก่อนเจ้าก็เคยพูดเช่นนี้
หยวนชิงหลิงรู้ว่าอย่างน้อยเขาคงต้องโกรธอีกสักพักหนึ่งแน่ เรื่องที่เกี่ยวพันถึงกวากวา เขาค่อนข้างจะใส่ใจ คุยกันแล้วว่าจะไม่ลำเอียง แต่ที่จริงเขาลำเอียงอย่างถึงที่สุด ก่อนหน้านี้รู้เรื่องที่นางปกปิดเรื่องของพวกทังหยวนเอาไว้ ก็ไม่เห็นเขาจะโมโห แต่พอถึงเรื่องกวากวา เขาก็ทำเป็นเรื่องใหญ่โต
แต่ก็สามารถเข้าใจได้ เขาเคยบอกว่า ลูกสาวสามารถอยู่ข้างกายเขาได้ไม่นานนัก ภายหน้าต้องแต่งงาน แต่ลูกชายนั้นไม่ว่าอย่างไรก็อยู่ด้วยกันชั่วชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับมาอยู่ข้างกายเขา
ฉะนั้น เขาค่อนข้างจะใส่ใจช่วงเวลาที่มีลูกสาวอยู่ข้างกายมาก
หยวนชิงหลิงกลัวสีหน้าบูดบึ้งเช่นนี้ของเขาที่สุด ออกไปหนึ่งเดือนแล้วกลับมา อีกทั้งยังไม่ได้เห็นสีหน้าดีๆจากเขา นางเองก็เสียใจมาก จึงพูดว่า ถ้าหากท่านไม่โมโห ข้าจะพูดเรื่องของกวากวาตอนที่อยู่ที่เมืองโร่ตูให้ท่านฟัง รวมถึง มีคนขอนางแต่งงานด้วย
ขอโทษด้วย กวากวา แม่ต้องหักหลังลูกแล้ว