บทที่ 20 สามกองทัพพร้อมรับคำสั่ง
พิธีแต่งงานจัดขึ้นในสถานที่เปิดโล่งชั้นบนสุดของเรือสำราญ มีสายลมพัด ดื่มด่ำกับเหล้าไวน์ชั้นเลิศ และชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหมิงจู หากในอ้อมแขนมีสาวงามสองสามคนอยู่ เช่นนี้ก็ถือว่าชีวิตได้สมบูรณ์แล้ว
นี่คือจุดขายของเรือสำราญเพิร์ลวันด้วย
ครอบครัวหลินเจิ้นสงทั้งสามคนเดินเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่ง มีชายหญิงที่แต่งตัวสวยงามงดงามอยู่ทุกหนทุกแห่ง รวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อสนทนากัน
คนเหล่านี้ ล้วนเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ไม่สามารถพบเห็นพวกเขาในเวลาปกติ
หลินเจิ้นสงหาจนพบที่นั่งของตระกูลหลิน สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ ตำแหน่งของพวกเขาค่อนข้างจะอยู่ตรงข้างหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งตรงกลาง
ทำให้ครอบครัวอื่น ๆ ไม่พอใจไม่มากก็น้อย ทำไมครอบครัวที่กำลังจะล่มสลาย ถึงสามารถครอบครองตำแหน่งตรงกลางได้?
“เวลายังเช้าอยู่ แม่ พวกเราไปเดินเล่นรอบ ๆ ก่อนเถอะ” หลินฉ่ายเวยมองไปรอบ ๆ สถานที่หรูหราแห่งนี้ แล้วพูดอย่างตื่นเต้น
“ดี” โจวเหม่ยหยูนเห็นด้วย
ทันใดนั้น เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา และเตือนอย่างจริงจัง “ฉ่ายเวย แกต้องรีบคว้าโอกาสไว้น่ะ ที่นี่มีคุณชายอยู่มากมาย หากแกได้รู้จักสักคนสองคนก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
หลินฉ่ายเวยยิ้มอย่างอ่อนหวาน “แม่ วางใจได้ วันนี้ฉันตั้งใจแต่งตัวมาอย่างดี”
“ฮึ…ไม่รู้ว่าใครหาไอ้คนอกตัญญูไม่รู้บุญคุณที่รู้หน้าไม่รู้ใจมา” หลิวเจิ้นสงตะคอกด้วยความเย็นชา
เมื่อรู้ว่าหลินเจิ้นสงกำลังพูดถึงเรื่องของเจิ้งฮ่าว โจวเหม่ยหยูนก็รู้สึกอับอาย “คนตั้งมากมาย บางครั้งมันก็ดูคนผิดไปบ้าง เสี่ยวเฉาที่คุณมองว่าดี เมื่อ 5 ปีก่อนหลบหนีการแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้กลับมาแล้วแต่ก็เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์!”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงของโจวเหม่ยหยูนก็เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย
ท่าทางของหลินเจิ้นสงแข็งกร้าว แล้วเขาก็ตะคอกอย่างหนักหนึ่งประโยค
“เมื่อพูดถึงไอ้คนไร้ประโยชน์ ไม่รู้ว่ามันกลับไปหรือยัง……”
โจวเหม่ยหยูนเป็นคนที่ตราบใดที่มีเหตุผลในการโต้เถียงเขาจะไม่ยอมแพ้ “น้ำหน้าอย่างมันยังอยากมาเรือสำราญเพิร์ลวัน ไม่เจียมตัว”
กริ๊ง ๆ ๆ……….
ณ ตอนนี้ โทรศัพท์ของหลินเจิ้นสงดังขึ้น
เมื่อมองชื่อคนที่โทรเข้ามา สีหน้าของหลินเจิ้นสงก็เคร่งขรึมขึ้นมา น้ำเสียงแสดงถึงความเคารพ “สวัสดีครับ เลขาหลี่? ”
“คุณหลิน ฉันเป็นตัวแทนของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ฉันขอย้ำเตือนคุณถึงข้อกำหนดที่ตระกูลหลินของคุณต้องปฏิบัติตามในช่วงระยะเวลาที่พวกเราทำงานร่วมกัน….”
ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ
“ครับ ๆ ๆ ผมปฏิบัติตามอย่างแน่นอน” หลินเจิ้นสงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ใครหรือคะ” โจวเหม่ยหยูนถามด้วยความประหลาดใจ
“เลขาหลี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ป เธอขอให้ตระกูลหลินปฏิบัติตามข้อกำหนดหลายข้อ”
หลินเจิ้นสงยิ้มอย่างขมขื่น “ภายใน3วัน จะต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับ ‘angel’ และภายในครึ่งเดือนต้องหานักแสดงสาวมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และอีกอย่างหนึ่ง คนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลินที่จะทำงานร่วมกัน ต้องเป็นเสี่ยวเฉาเท่านั้น หากเป็นคนอื่น จะยกเลิกสัญญา”
“อะไรน่ะ”
สองข้อแรกสามารถยอมรับได้ แต่ข้อสุดท้าย หลินฉ่ายเวยกรีดร้องออกมา “ทำไม? ได้ตกลงไว้ก่อนแล้วว่าพวกเราสามคนจะเป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้?”
โจวเหม่ยหยูนสีหน้าไม่สู้ดี โครงการนี้มีผลประโยชน์มากมาย ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็เอาประโยชน์จากโครงการนี้ไม่ได้แล้วสิ?
“ไม่มีทางเลือก เพราะว่าบริษัทลี่จิงกรุ๊ปเป็นผู้นำนี่?”
หลินเจิ้นสงกล่าวว่า “ฝั่งเสี่ยวเฉา ฉันจะคุยกับเขาอีกครั้งหนึ่ง ให้เขาช่วยเหลือ อั้ย……..หากรู้แต่แรกก็จะพาเขาเข้ามาด้วย ต้องโทษพวกคุณสองคนที่ปากเสีย!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนมีสีหน้าที่อึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และทันใดนั้นในใจก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“คุณชายซ่งมาแล้ว…….”
ในขณะนี้ มีชายหนุ่มรูปหล่อ รูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา มีคุณชายและคุณหนูทั้งหลายมารายล้อมเขามากมายเสมือนเขาเป็นดารา
เมืองหมิงจูมีผู้มั่งคั่งอยู่ 4 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลซ่ง เซ้น เหยีน หตง มีแต่ตระกูลซ่งท่านั้นที่มาร่วมงาน อีกสามตระกูลไม่ได้มาร่วมงาน
ซ่งเทียนซานจึงเป็นดาวเด่นที่สุดในงาน เกือบทุกครอบครัวต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับซ่งเทียนซาน
อย่างไรก็ตาม ที่น่าแปลกใจก็คือ ที่นั่งของซ่งเทียนซานอยู่โต๊ะเดียวกับตระกูลหลิน
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองสบตากัน ทุกคนก็อึ้งไปชั่วขณะ
ซ่งเทียนซานเป็นคนแรกที่ได้สติก่อน เขาชำเลืองมองหลินเจิ้นสง “ผมสามารถพูดได้ไหมว่าโลกนี้มันช่างกลมเสียจริง ๆ?”
“ฮึ่ม”
หลินเจิ้นสงท่าทางเฉยเมย ไม่มีการตอบสนองใด ๆ
“ผมได้ยินมาว่า ตระกูลหลินของพวกคุณแย่งงานประมูลตระกูลซ่งของผม? ไม่เลวนี่…..”
ดวงตาของซ่งเทียนซานคมเป็นประกาย และเขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า “หากมีผมอยู่ ตระกูลหลินของพวกคุณอย่าคิดว่าจะทำโครงการนี้ได้สำเร็จ”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของครอบครัวหลินเจิ้นสงทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
การประมูลรอบนี้ ทำให้ตระกูลซ่งโกรธเหรอ?
ณ ตอนนี้ มีเสียงที่น่ายินดีดังขึ้นมา และงานแต่งงานก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
พิธีกรขึ้นมาบนเวที ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นผู้จัดการจ้าวของเรือสำราญเพิร์ลวัน
เขามองไปที่ทุกคน ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผมมีความสุขมากที่ได้เป็นพิธีกรในงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวคู่นี้ วันนี้เป็นวันที่ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต และผมจะไม่มีวันลืม”
“สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดในโลกคือการพลาดชะตากรรม และสิ่งที่น่าจดจำที่สุดคือการที่โชคชะตาได้นำพามาให้พบกันอีกครั้ง”
ผู้จัดการจ้าว กล่าวเข้าประเด็นด้วยน้ำเสี
ยงที่นุ่มนวล พร้อมเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น “5 ปีที่แล้ว ตอนที่ชีวิตเขาตกต่ำที่สุด เขาได้พบกับเธอ และเธอได้มอบทุกอย่างให้กับเขา 5ปีต่อมา เขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก”
“ต่อจากนี้ ขอเชิญบ่าวสาวปรากฏตัว!”
เสียงดนตรีเปลี่ยน กลายเป็นการเดินขบวนแต่งงานที่เคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์
ขณะนี้ เสียงปรบมือดังกึกก้อง
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็ปรบมือเช่นกัน เพียงแต่ว่า ใบหน้าของพวกเขาแปลกไป
“แม่ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันคล้ายกับเรื่องที่ถังเฉาเล่าในงานประมูลเลย?”
“แม่ก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน”
โจวเหม่ยหยูนพยักหน้าเช่นกัน แต่สีหน้าของเธอผ่อนคลาย “จากมุมมองของแม่ ไม่รู้ว่าถังเฉาไอ้หมอนี่มันไปได้ยินเรื่องราวนี้มาจากไหน มันจึงนำเรื่องนี้ไปใช้”
“มีเหตุผล”
กลับมาแสดงสีหน้าปกติอีกครั้ง และปรบมืออย่างจริงจัง
คืนนี้เธอต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าบ่าว
ซ่าร์ ๆๆ….
แสงไฟนับไม่ถ้วนสาดส่องไปข้างหน้า
เมื่อแสงไปมาบรรจบกัน เงาที่สวยสง่างามก็ค่อยๆเดินออกมา
ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ กระโปรงยาวลากพื้น สวยงดงามราวกับนางฟ้า
สวมมงกุฎเพชรอยู่บนศีรษะ เป็นผู้หญิงสวยโดดเด่นที่สุดในสถานที่นี้
มือของเธอจูงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่งดงามราวกับหยกชมพูแกะสลัก
สวมใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่องสำหรับเด็กที่ออกแบบตัดเย็บโดยPronovias พร้อมรองเท้าเจ้าหญิงสีขาว และสวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ เหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่ลงมาจุติบนโลก
คือหลินชิงเสว่กับถังเสี่ยวลี้
หลินชิงเสว่มองตรงไปข้างหน้า และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวเล็กมาร่วมงานแต่งงาน เธอก็ไม่รู้สึกกลัว กลับมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในขณะนี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลินชิงเสว่สองแม่ลูก
“ประธานหลิน เจ้าสาวเป็นประธานหลินของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป!”
ดวงตาของหลินเจิ้นสงเบิกกว้าง และเขามองไปที่หญิงงามที่อยู่ภายใต้แสงไฟอย่างเหลือเชื่อ
สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยตกใจจนเหมือนเห็นผี คิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะเป็นหลินชิงเสว่
ทุกคนต่างปรบมือ มีเพียงแต่ซ่งเทียนซานคนเดียว หน้าดำคร่ำเครียด โกรธจะมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หน้าผาก
ผู้จัดการจ้าวยิ้มและพูดกับหลินชิงเสว่ว่า “คุณหลิน โปรดไปที่จุดชมวิว เจ้าบ่าวกำลังรอคุณอยู่ที่นั่น”
“ค่ะ” หลินชิงเสว่พยักหน้าและยิ้ม จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปบนจุดชมวิว ท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนนับไม่ถ้วน
เป็นงานเลี้ยงแบบเปิดโล่งที่ชั้นบนสุดของเรือสำราญเพิร์ลวัน นอกเหนือจากโซนงานเลี้ยงแล้ว ยังมีจุดชมวิวซึ่งอยู่ด้านบนสุด สูงจากพื้นดิน 10 เมตร
อยู่สูงมองไกล หากยืนอยู่บนจุดชมวิวในจุดที่สูงที่สุด จะสามารถเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหมิงจูทั้งหมด
หลินชิงเสว่ขึ้นลิฟต์มาถึงด้านบนสุด ถึงจุดสูงสุดในจุดชมวิว
บนพื้นปูด้วยพรมสีแดงล้ำค่า และโรยด้วยดอกกุหลาบสีแดงที่เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรัก
ร่างสูงใหญ่ในชุดทหาร สองมือไขว้หลัง จ้องมองไปที่วิวยามค่ำคืนของเมืองหมิงจู
หลินชิงเสว่กำลังจะเรียกชื่อถังเฉา แต่มีเสียงดังมาจากแม่น้ำหมิงจู
บูม…..
จากนั้นมีความตกตะลึงปรากฏในสายตา เรือรบประจัญบานขนาดใหญ่ได้ทะลุขึ้นมาบนพื้นผิวน้ำ ฝ่าลมและคลื่นมุ่งหน้าแล่นไปที่นี่
หากเรือสำราญเพิร์ลวันเทียบกับเรือรบแล้ว ก็สามารถบอกได้เลยว่าเล็กเท่ามด
แขกในงานแต่งงานยังอยู่ในอาการตกตะลึง พวกเขาก็ถูกปลุกด้วยเสียงอันดังอีกครั้ง
“ไม่ใช่มีเรือรบแค่ลำเดียว” ใครบางคนร้องอุทานด้วยความตกใจสุดขีด
บูม ๆ ๆ เสียงดังกึกก้อง
แม่น้ำหมิงจูทั้งหมดดูเหมือนจะพลิกคว่ำ พื้นผิวของแม่น้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีเรือรบหรูหราขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตร จำนวน50ลำ ล้อมเรือสำราญเพิร์ลวันไว้
มีสายโซ่เชื่อมเรือต่อเรือ ปกคลุมอาณาบริเวณทั้งหมดของแม่น้ำหมิงจู
บนเรือรบเห็นเป็นเงามือ ซึ่งยืนเต็มไปด้วยทหารเลือดเหล็กแกร่งกล้าเด็ดเดี่ยว
พวกเขาถืออาวุธปืน สวมเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มที่แสดงถึงท้องทะเลอันกว้างใหญ่ หลังตรงและใบหน้าคมนิ่ง จ้องมองไปที่ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเรือสำราญเพิร์ลวัน เพื่อรอรับคำสั่ง