ตอนที่57 เรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาล
พึ่งออกจากเขตพื้นที่เล็กๆ รถโรสลอยด์สีดำได้จอดอยู่หน้าประตู
หลินจ้าวหยูนมองไปหลายรอบ โดยเฉพาะตอนที่เห็นป้ายทะเบียนห้าแปดตัว เธอได้ถอนหายใจ
“คิดไม่ถึงเลยว่า ในหมิงจูยังมีคนรวยแบบนี้แฝงตัวอยู่”
ถังเฉาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะและถามว่า “รถคันนี้ราคาสูงมากเลยหรือ?”
“แน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องรถ หลินจ้าวหยูนดูมีสมาธิมาก “คนแบบไหนเหมาะกับรถแบบไหน คนรวยทั่วไป ชอบรถสปอร์ตลัมโบร์กีนี หรือไม่ก็พอร์เชอมากกว่า ดูมีสง่าราศรี”
“โรสลอยด์เป็นคนของคนระดับสูงถึงมีโอกาสขับ บวกกับทรงของรถไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ คนรวยส่วนน้อยถึงจะมาซื้อรถแบบนี้ คนที่ขับรถแบบนี้ต้องเป็นคนที่ใหญ่โตแน่ๆ และรถคันนี้เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงของโรสลอยด์ ทั่วโลกมีจำนวนจำกัด”
“ใช่หรือ?”
ถังเฉาพยักหน้า ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพราะเขาไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เท่าไหร่
หลินจ้าวหยูนถอนหายใจและพูดว่า “รถรถสปอร์ตของฉันก็มีหลายคันนะ แต่เมื่อเทียบกับคันนี้แล้ว เหมือนเศษขยะไปเลย”
“งั้นเดี๋ยวเธอต้องลองสัมผัสดูแล้วละ” ถังเฉาหัวเราะ
“อ้า?”
ระหว่างที่หลินจ้าวหยูนกำลังอึ้งอยู่ เฟิ่งหวงได้ลงจากรถ และเดินตรงมาที่ถังเฉา
วันนี้เฟิ่งหวงเปลี่ยนชุด ไม่ได้ใส่เสื้อรัดสีดำที่เคยใส่ประจำ แต่เปลี่ยนเป็นชุดทำงานทั่วไป
รูปร่างที่สูงและสมส่วน หลินจ้าวหยูนที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นใสๆ มองดูเธอแล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“รองหัวหน้า เชิญค่ะ” เฟิ่งหวงได้เปิดประตูให้ถังเฉา
คำพูดประโยคนี้ทำให้หลินจ้าวหยูนอ้าปากค้าง “รถคันนี้เป็นของนายหรือ?”
ถังเฉายิ้มและพูดว่า “จะพูดว่าใช่ก็ได้นะ”
ความจริงถังเฉาก็ไม่รู้หรอกว่า รถคันนี้เป็นของใครหรือมาจากไหน เพราะตอนที่ตัวเองมาอยู่หมิงจูตั้งแต่เริ่มแรก เฟิ่งหวงก็ใช่รถคันนี้มารับตลาด หลังจากนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย
“ไปที่มหาวิทยาลัยหมิงจู”
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่ง รถได้ทำงาน และวิ่งไปบนถนนอย่างเกาะถนนและปลอดภัย
รถที่สัญจรไปมาก็ได้ให้ทาง ทำให้หลินจ้าวหยูนที่นั่งอยู่ในรถรู้สึกตื่นเต้น เพราะเธอที่ขับรถรถสปอร์ต ไม่ได้รับการปฏิบัติแบบเลยนะ
ไม่นานหลินจ้าวหยูนถึงได้สติคืนมา และใช้สายตาที่สงสัยมองไปที่ถังเฉา
เมื่อวานเธอคิดว่าพี่เขยคนนี้เป็นคนธรรมดา แต่เมื่อดูตอนนี้แล้ว ตัวตนเขาคงไม่ใช่อยากที่เห็นแน่ๆ
ผ่านไปไม่นาน ได้มาถึงที่มหาวิทยาลัยหมิงจู
และเมื่อถังเฉาและหลินจ้าวหยูนเข้าไปแล้ว ทางเข้าคณะแพทยศาสตร์มีคนจำนวนมากมีอยู่แผ่นภาพวาดทั่วไปหมด
และเต็มไปด้วยคำด่าที่ด่าพ่อด่าแม่ ในนั้นยังมีผู้คนที่กำลังทะเลาะกับอาจารย์ บนแผ่นภาพวาดยังเขียนว่าหมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาฆ่าคน เขียนด้วยสีแดงสด
“นักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ไหน รีบให้เธอออกมา!”
“เธอสั่งยาแบบไหนกัน พ่อของฉันเป็นโรคแย่อยู่แล้วไม่พอ ยังแพร่เชื้อมาให้พวกเราอีก!”
อาจารย์หลายท่านอธิบายด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
“ตอนนี้นักศึกษาหลินจ้าวหยูนถูกทางมหาวิทยาลัยไล่ออกไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัยแล้ว”
“ไม่เกี่ยวข้องหรือ?”
วัยรุ่นที่เป็นแกนนำพูดดุเดือดที่สุด “อย่าคิดที่จะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบนะ ถ้าวันนี้พวกคุณส่งตัวนักศึกษาหญิงคนนั้นออกมาไม่ได้ มหาวิทยาลัยของพวกคุณเตรียมขึ้นข่าวหน้าหนึ่งได้เลย”
แชะแชะ
รอบข้างยังมานักข่าวที่ถือกล่องอยู่ บรรยากาศดูชุลมุนวุ่นวายมาก
หลินจ้าวหยูนตกใจจนไม่กล้าที่จะเดินต่อไป
สายตาที่เย็นชาของถังเฉา เขามองสถานการณ์แบบนี้ออก
เรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาล
ครอบครัวของผู้เสียหายได้มาร้องเรียน บอกว่าได้รับการรักษาจนถึงแก่ชีวิต และมาเรียกร้องค่าชดเชยมหาศาล
ข้างๆ ตัวพวกเขายังมีหญิงวัยกลางคนกำลังเช็ดน้ำตา ดูไม่ยากว่า พวกเธอถูกจ้างมาร้องไห้ และเรียกร้องความเห็นใจ
ความคิดของถังเฉาตอนแรก คิดว่าจะพาหลินจ้าวหยูนไปสมัครเรียนใหม่ที่มหาวิทยาลัย และไปที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อถามถึงเหตุการณ์ตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว คงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
ในหมู่อาจารย์เหล่านั้น มีอาจารย์ที่ตาดีคนหนึ่ง มองเห็นหลินจ้าวหยูน และตาเขาได้สว่างขึ้นมา “ผมเจอแล้ว นักศึกษาหญิงที่พวกคุณตามหา!”
พูดจบเขาได้ตรงเข้ามาหาหลินจ้าวหยูนอย่างรวดเร็ว และจับไปที่แขนของเธอ และไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกเจ็บหรือไม่ และดึงเธอเข้าไป “ตอนนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณมีอะไรก็คุยกับเธอนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับทางมหาวิทยาลัย”
ถังเฉาเห็นสถานการณ์แบบนี้ ได้เดินตรงเข้าไปพร้อมเฟิ่งหวง
ชายที่พูดดุเดือดที่สุดได้พาครอบครัวตัวเองล้อมรอบตัวพวกเขาไว้
หลินจ้าวหยูนไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอรู้โกรธและตกใจ “ฉันเคยพูดแล้ว ว่าเงินห้าล้านฉันจะชดใช้ให้พวกคุณเอง พวกคุณจะเอาอย่างไรกับฉันอีก?”
ชายคนนั้นหัวเราะออกมา “ตอนนี้คงไม่แค่เพียงห้าล้านแล้วแหละ”
หลินจ้าวหยูนตกใจและรีบถามไปว่า “คุณหมายความว่าอะไร?”
“เงินห้าล้านเป็นค่าชดเชยที่คุณรักษาพ่อของผมจนพ่อผมพิการ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกพี่น้องของผมมีการติดเชื้อล้มเย็นอย่างรุนแรง แบบนี้ควรคิดค่าชดเชยเพิ่มเท่าไหร่ดี?”
ครอบครัวของผู้เสียหายใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรมองมาที่หลินจ้าวหยูนและพูดอย่างไร้เยื่อใยว่า “ตอนนี้คุณต้องจ่ายค่าชดเชยแปดล้าน เรื่องนี้ถึงจะจบ”
“แปดล้านหรือ?”
หลินจ้าวหยูนโกรธจนสั่นไปทั่วร่างกาย “ทำไมพวกคุณไม่ไป ปล้นเลยละ?”
“ไม่จ่ายหรือ ถ้าไม่จ่ายเราเจอกันที่ศาลนะ”
ขณะนี้ ถังเฉาได้เดินเข้าไป และไปยืนอยู่หน้าหลินจ้าวหยูนและหรี่ตามองชายคนนี้และพูดว่า “นายเป็นลูกของลุงเหลียงไม่ใช่หรือ?”
“คุณเป็นใคร?”
เหลียงเจียหมิงเหลือบตาไปมองถังเฉา เขาไม่รู้จักถังเฉา
“ผมชื่อถังเฉา”
เหลียงเจียหมิงรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้ นึกอยู่สักพัก สีหน้าของเขาผิดแปลกไป “ฉันคิดว่าใครที่แท้เป็นคนไร้ค่านี่เอง”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร และใช้สายตาที่เย็นเยือกมองไปที่ชายคนนี้
ลุงเหลียงเป็นพ่อบ้านของตระกูลหลิน เขาเลี้ยงถังเฉาเหมือนดั่งลูกตัวเอง และถังเฉายังเคยไปที่กินข้าวบ้านของลุงเหลียงบ่อยๆ และก็เคยเจอหน้ากับเหลียงเจียหมิงอยู่หลายครั้ง
นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ลุงเหลียงมีฐานะที่ดีพอสมควร แต่มีลูกที่ติดการพนัน เลยทำให้ทรัพย์สินของบ้านทั้งหมดถูกขายไป
แต่สิ่งที่ทำให้ถังเฉามีสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่ใช่เรื่องนี้
ครอบครัวของที่มาเรียกร้องค่าชดเชยจากโรงพยาบาลเป็นครอบครัวของเหลียงเจียหมิง คนที่เป็นผู้เสียหายก็คือ……ลุงเหลียง?
“ลุงเหลียงเป็นอะไรไป?” ถังเฉาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาของถังเฉาปรากฏความอาฆาต
เหลียงเจียหมิงพูดด้วยความไม่พอใจ “เรื่องนี้ต้องถามผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ นาย พ่อของฉันถูกนางรักษาจนพิการ”
“ฉันไม่ได้เป็นคนทำ”
หลินจ้าวหยูนอธิบายเสียงดังว่า “ยาสมุนไพรที่ฉันผสม เป็นยารักษาโรคล้มเย็น”
“แล้วทำไมพ่อของฉันถึงป่วยหนักขึ้นละ?”
เหลียงเจียหมิงไม่ยอมใคร “อย่าพูดมาก แปดล้านหนึ่งสลึงก็ห้ามขาด”
คนในครอบครัวคนอื่นๆ ก็ได้ด่าตาม
“พ่อฉันอายุมากแล้วถูกเธอรักษาจนเป็นคนพิการไม่ว่า ยังแพร่เชื้อมาให้พวกฉันด้วยถ้าพวกฉันเป็นอะไรไป เธอจ่ายค่าชดเชยไหวมั้ย?”
“ใช่ เธอดูนางสิ นางไอถึงขั้นนี้แล้ว”
ระหว่างที่พูด ครอบครัวของเหลียงเจียหมิงชี้ไปที่ชายที่มีรูปร่างผอมเหลือแต่กระดูกและไออย่างต่อเนื่อง ดูแล้วอาการหนักไม่น้อย
ถังเฉามองไปที่เหลียงเจียหมิงที่ได้ใจ แล้วหันไปมองที่ชายคนที่ผอมจนหนังหุ้มกระดูกและไอไม่หยุด ทันใดนั้นแววตาถังเฉาดูเยือกเย็นลงและถามไปว่า “ชายคนนั้น เป็นโรคจริงๆ หรือ?”
ไม่ได้พูดอะไร ถังเฉาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และมองไปที่เฟิ่งหวง
เฟิ่งหวงรู้ถึงความหมายที่ถังเฉากำลังจะสื่อถึงทันที ทันใดนั้นเฟิ่งหวงได้ไปปรากฏตัวอยู่หน้าขายคนนั้น
อุ้มเขาขึ้นมาทำให้สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนสี “เธอจะทำอะไร?”
แต่เฟิ่งหวงแค่ใช้สายตาที่เยือกเย็นมองไปที่ชายคนนี้ ก็ทำให้เขาหุบปากไปได้แล้ว
ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม รวมไปถึงเหลียงเจียหมิง ที่โดนความดุร้ายของเฟิ่งหวงทำให้ใจเขาสั่นสะเทือนสยบ
โดนเฉพาะดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย
ชายที่ผอมมองเฟิ่งหวงด้วยความกลัว และพูดจู้จี้ถามไปว่า “เธอ เธอจะทำอะไร?”
เฟิ่งหวงไม่ได้สนใจ และเธอได้แบกขายคนนี้ไปไว้ตรงหน้าของถังเฉา
ถังเฉาเอากล่องเข็มออกมา และดึงเข็มเงินที่ยาวออกมา เข็มสีเงินได้เมื่อโดนแสงแดดส่องแล้ว สะท้อนแสงอันเย็นเยียบออกมา
เมื่อเห็นเข็มนี้แล้ว สีหน้าของชายคนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก เหลียงเจียหมิงเริ่มหวาดกลัวแล้วและถามว่า “นาย นายจะทำอะไร?”
หลินจ้าวหยูนเมื่อเห็นเข็มนี้ก็ตกใจเหมือนกัน ไม่เคยเห็นเข็มที่ยาวแบบนี้
ถังเฉายิ้มที่มุมปาก “เขาไม่ใช่ติดโรคล้มเย็นที่รุนแรงหรือ? ฉันกำลังช่วยรักษาเขา”
“…….”
ทันใดนั้น สีหน้าของเหลียงเจียหมิงกลายเป็นสีหน้าที่แย่มาก