บทที่ 64 คุณชายแห่งตระกูลฉาง
“ฉางเซ่าเฟิง อายุ 24 ปี เป็นลูกชายคนรองของฉางหงเทียนประธานบริษัทผลิตยาหงเทียน ตั้งแต่ลูกชายคนโตถูกทำร้ายจนไม่เหมือนคนปกติ ความหวังทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ฉางเซ่าเฟิง ตอนนี้เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยหมิงจู โดยอาศัยเส้นสายของครอบครัว เขาได้ก่อเรื่องอันน่าอับอายไว้มากมาย”
เฟิ่งหวงขับรถไปด้วยแล้วรายงานข้อมูลส่วนตัวของฉางเซ่าเฟิงไปด้วย ทำให้หลินจ้าวหยูนที่ได้ยินถึงกับต้องตกใจ
เป็นการรายงานข้อมูลที่ละเอียดมากจริงๆ รู้แม้แต่ความลับของฉางเซ่าเฟิง……
เฟิ่งหวงคนนี้เป็นใครกันแน่? เป็นสายลับหรือ?
แล้วพี่เขยรู้จักเธอได้ไง?
พี่สาวเรารู้เรื่องนี้ไหม?
คำถามมากมายเกี่ยวกับถังเฉาผุดขึ้นในความคิดของหลินจ้าวหยูนเหมือนเม็ดฝนที่เทลงมาในฤดูฝน
สายตาที่เธอมองถังเฉาไม่มีความดูถูกอีกต่อไป มันกลับแทนที่ด้วยความสงสัย ความน่าทึ่งและ……ความปรารถนา
ในขณะนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเธอได้หลงใหลกับชายผู้ลึกลับคนนี้ไปแล้ว
จากนั้นถังเฉายิ้มจางๆ และพูดว่า “คงเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้นมากเลยสินะ ฉางหงเทียนมีชื่อเสียงมากมาย แต่กลับมีลูกชายที่ไม่เอาไหนเลยทั้งสองคน”
ฉางเว่ยลูกชายคนโตมีเรื่องแต่ไม่เลือกคน เขาดันไปมีเรื่องกับซ่งหรูอี้แห่งตระกูลซ่ง สุดท้ายถูกซ่งหรูอี้จัดการอย่างไม่เหลือความเป็นคนอีก ส่วนลูกคนเล็กฉางเซ่าเฟิงก็ดันใช้กลอุบายกับหลินจ้าวหยูน ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่เป็นน้องสาวภรรยาของถังเฉา
บางทีพวกเขายังไม่รู้ตัวว่าบริษัทผลิตยาหงเทียนใกล้ถึงจุดจบแล้ว
กริ๊ง กริ๊ง……
ในขณะนี้ เสียงโทรศัพท์ของถังเฉาดังขึ้น เมื่อมองไปที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากหลิยชิงเสว่
ถังเฉารู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลิยชิงเสว่เป็นคนโทรหาเขา
“ฮัลโหล ชิงเสว่?”
ถังเฉารับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสีหน้าของเขาก็สงบลงโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิยชิงเสว่แล้ว ถังเฉาก็จะอ่อนโยนเสมอ
“ดึกป่านนี้ แล้วยังไม่กลับอีกเหรอ?”
แต่เสียงของหลิยชิงเสว่จะเย็นชาอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นถังเฉาก็รู้ว่าลึกๆ ข้างในของเธอนั้นเป็นห่วงเขาอยู่
ถังเฉายิ้มออกมาจากใจและพูดว่า “ต้องไปธุระต่ออีกสักพัก คงกลับบ้านดึกหน่อยนะ”
สายตรงข้ามเงียบไปสักพัก จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้น “เสี่ยวลี้คิดถึงคุณ”
และผ่านไปอีกสักพักหลิยชิงเสว่ก็พูดต่อ “เสร็จธุระแล้วรีบพาจ้าวหยูนกลับบ้านล่ะ สามทุ่มก็ถึงเวลานอนของเสี่ยวลี้แล้ว”
“โอเคครับ……”
หลังจากพูดเสร็จหลิยชิงเสว่ก็กดวางสายไป
ถังเฉาเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นพูดกับเฟิ่งหวง “เร่งความเร็วหน่อยนะ สองทุ่มครึ่งจัดการให้เสร็จ ทำได้ไหม?”
“ได้ค่ะ”
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่งทันทีและความเร็วของรถก็เพิ่มมากขึ้น
หลินจ้าวหยูนได้ยินการสนทนาของระหว่างทั้งสองได้อย่างชัดเจน สาเหตุที่ถังเฉากังวลมาก เพราะถังเสี่ยวลี้กำลังคิดถึงพ่ออยู่
รายละเอียดเล็กๆ แค่นี้แต่กลับทำให้หลินจ้าวหยูนรู้สึกซาบซึ้ง
เธออ้าปากเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกที่จะไม่ถาม
บรรยากาศในรถกลายเป็นความเงียบสงบ
ในไม่ช้าพวกเขาก็เดินทางไปถึงที่พักของฉางเซ่าเฟิง
ในฐานะคุณชายแห่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทผลิตยาหงเทียน ฉางเซ่าเฟิงจะใช้ชีวิตอยู่ในหอพักของโรงเรียนเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ได้อย่างไร?
ณ ห้องสูทหรูหราในคลับเฮ้าส์ตีหาว
นี่คือที่ที่เขาอาศัยอยู่
ในขณะที่ถังเฉาและเฟิ่งหวงลงจากรถ หลินจ้าวหยูนก็จะตามไปด้วย แต่ถังเฉาได้ห้ามเธอเอาไว้ “คุณรอบนรถดีกว่า สิบนาที เดี๋ยวเราก็กลับมา”
“แต่ว่า……”
“ห้ามแต่”
ถังเฉาขัดจังหวะหลินจ้าวหยูนด้วยท่าทีที่จริงจังมาก
ภาพที่จะเห็นดังต่อไปนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับหลินจ้าวหยูนมาเท่าไหร่
รถโรลส์รอยซ์คันนี้เป็นรถที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นรถกันกระสุนและในรถยังมีอาวุธลับไว้อยู่ ดังนั้นหลินจ้าวหยูนอยู่ในรถจะมีความปลอดภัยที่สุด
ถังเฉาและเฟิ่งหวงเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ตีหาว และในขณะนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาห้ามทั้งสองอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะ โปรดแสดงบัตรสมาชิกด้วยค่ะ……”
คลับเฮาส์ตีหาวนี้ใช้เป็นระบบสมาชิก แม้จะเป็นคนรวยจากไหนถ้าไม่ใช่สมาชิกก็ไม่สามารถเข้าไปได้
แต่แล้วถังเฉาก็ไม่ได้สนใจคำพูดเธอเลย
“คุณผู้ชายคะ……”
เฟิ่งหวงหันหน้ามองเธออย่างเย็นชา “ไม่อยากตายก็หลบไป”
“……”
สาวพนักงานต้อนรับที่มีมารยาทคนนั้นได้แต่สีหน้าซีดเซียวและไม่กล้าขัดขวางถังเฉากับเฟิ่งหวงอีก
……
ณ ห้องสูทหรูหราบนชั้น 29 ในตี้หาว
ชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งสวมนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์และเสื้อแบรนด์เนมนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับสาวสวยในอ้อมแขนของเขา
ข้างโซฟายังมีอุปกรณ์มากมายวางอยู่ เช่นแส้หนัง เชือกป่านและกุญแจมือ กุญแจเท้า ฯลฯ
“ทำไมยังไม่มาเนี่ย……”
ชายหนุ่มรูปหล่อมองดูเวลา แววตาจองเขาเต็มไปด้วยความเหลือทน
“คุณชายฉาง จะรีบไปไหนคะ มีหนูอยู่นี่ทั้งคนไม่ดีเหรอคะ?”
สาวสวยคนนั้นบิดตัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีอยู่ แต่ตัวคุณเหม็นฝุ่นไปหน่อย ผมไม่ค่อยชอบ”
ฉางเซ่าเฟิงพูดอย่างเคร่งเครียด “มันคนละเรื่องกับสาวน้อยคนนั้นเลยล่ะ”
“……”
เมื่อสาวงามได้ยินเช่นนี้ก็อดอิจฉาไม่ได้ เธอตอบอย่างไม่พอใจว่า “เดี๋ยวหนูจะรอดูว่านางจะสวยอย่างที่พูดไหม”
ฉางเซ่าเฟิงหัวเราะแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
จากนั้นสักพักฉางเซ่าเฟิงพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณอิจฉา แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ รอให้เธอมาก่อน ผมจะเอาแส้ให้คุณ แล้วให้คุณฟาดเธอสักทีสองทีนะ”
เมื่อได้ยินคำนี้สาวงามจึงจะยิ้มออกมาจากปาก “คุณชายฉางดีกับหนูจังเลย”
ฉางเซ่าเฟิงมองดูเวลาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาเริ่มรู้สึกกังวลและเตรียมจะหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรไปด่าเหลียงเจียหมิง
แต่แล้วเสียงที่ตอบรับกลับเป็นเสียงอัตโนมัติ
“ขอโทษค่ะไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้……”
สีหน้าของฉางเซ่าเฟิงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นบ่นพึมพำอยู่ในปาก “ไอ้ซื่อบื้อนั่นมันทำอะไรอยู่กันแน่? ทำไมไม่พาหลินจ้าวหยูนมาสักที”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ คืนนี้เขาคงมาไม่ได้แล้วล่ะ”
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของผู้ชายก็ดังเข้ามาจากด้านนอกประตู
โครม!
ในชั่วพริบตาก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นและประตูนิรภัยซึ่งต้องใช้รหัสผ่านในการเข้าก็พังลงเหมือนเศษกระดาษ
“หา……”
สาวสวยตกใจกลัวจนเอามือกุมศีรษะแล้ววิ่งไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องอย่างรวดเร็ว
“ใคร?!”
ฉางเซ่าเฟิงทั้งตกใจและโกรธแล้วมองไปที่ประตู
เขาได้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
ฝ่ายชายสายตาเย็นชาแล้วมองไปที่ฉางเซ่าเฟิงเหมือนกำลังมองดูศพ ส่วนฝ่ายหญิงสายตาเลือดเย็นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร
“คุณก็คือฉางเซ่าเฟิงสินะ?” ถังเฉาพูดอย่างไม่แยแส
ฉางเซ่าเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “พวกคุณเป็นใคร กล้าเข้ามาที่นี่ได้ไง ไม่รู้หรือว่าที่นี่ถิ่นใคร?”
ผ๊วะ!
เฟิ่งหวงง้างเท้าแล้วเตะไปที่กลางท้องของฉางเซ่าเฟิงอย่างรุนแรงจนเขากระเด็นออกไป
“นายมีสิทธิ์ตอบคำถามของหัวหน้าเท่านั้น”
ฉางเซ่าเฟิงรู้สึกเจ็บราวกับถูกรถบรรทุกชน เขาค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างลำบาก และสายตาที่มองเฟิ่งหวงกับถังเฉาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ท่านทั้งสอง ผมไม่เคยมีความคับแค้นใจกับพวกคุณ แล้วทำไมต้องทำร้ายผมด้วย?”
“ไม่เคยมีความคับแค้นใจงั้นหรือ?”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของถังเฉา “ยังกล้าถามอีก คุณทำอะไรกับน้องเมียผม?”
“น้องเมีย……”
ฉางเซ่าเฟิงผงะไปชั่วขณะ เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ และในทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดตัวลง “คุณเป็นพี่เขยของหลินจ้าวหยูน……”
รอยยิ้มอันไร้ซึ่งอุณหภูมิของถังเฉาและเขาพูดเบาๆ ว่า “จัดการมันซะ”
หือ……
ในวินาทีต่อมา เฟิ่งหวงก็ตรงเข้าไปหาฉางเซ่าเฟิง