บทที่ 88 การปฏิบัติตามกฎหมายของทหาร
เป็นเวลากลางคืน ที่คฤหาสน์จื่อหยวน มีแม่น้ำแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา
ถังเฉายืนไขว่มือไว้ข้างหลัง ยืนเงียบๆอยู่ริมน้ำมองเงาสะท้อนของตัวเอง
ภายใต้แสงจันทร์ที่ทอแสงลงมา ใบหน้าของเขาช่างดูซีดยิ่งนัก
ความเงียบผ่านไปเนิ่นนาน
เขาค่อยถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆบนร่างกายของเขา
แต่!
แต่กลับเต็มไปด้วยรอยแผลน้อยใหญ่ไปหมด
อีกทั้งยังมีบาดแผลถูกกระสุนปืนและบาดแผลฉกรรจ์เต็มไปทั่วตัวอีก
ในหมู่รอยแผลพวกนี้ มีรอยที่ไม่อาจจินตนาการได้สองแห่งบนร่างกายของเขาซึ่งพาดอยู่บนหน้าอกของถังเฉาทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นร่องรอยของเลือดอยู่ เลือดเก่ายังไม่ทันกระออกจากผิวไป เลือดใหม่นั้นก็ยังไม่มา
ถังเฉาได้ลูบไล้รอยแผลนี้อย่างเบามือ อีกทั้งดวงตายังมีแววอาฆาตต้องการฆ่าอยู่อย่างแรงกล้า
นั่นก็คือยอดนักบู๊ทั้งเก้าได้ร่วมมือกัน และได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนร่างของถังเฉา
ในวันนั้นเอง ยอดนักบู๊ทั้งเก้าด้นำคนนับล้านมาฆ่า พากันข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อมาทำตามแผนการ‘สังหารมังกร’ แต่ตอนอยู่ที่เขาโยวเหิงก็ได้โดนถังเฉาขัดขวางเอาไว้
การต่อสู้ครั้งนั้นกินเวลาห้าวันห้าคืน
ภูเขาและแม่น้ำถูกทำลายภูมิประเทศเปลี่ยนไป อีกทั้งภูเขาโหยวเหิงทั้งหมดถูกก็ถูกตัดไปอีกด้วย!
หกวันต่อมา
คนทั้งเก้าคนก็ทั้งหมดก็ได้หล่นไป
ตั้งแต่นั้นมาจะไม่มีคนหนุ่มสาวคนไหนกล้าเดินทางไกลไปยังตะวันออกเพื่อ ‘สังหารมังกร’อีกเลย
จักรพรรดิโกรธและเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว
เจ้ามังกรโกรธและศพนับล้าน
นี่คือ ‘ศึกแห่งโยวเหิง’ที่โด่งดัง
หลังจากที่นักบู๊ทั้งเก้าได้เสียชีวิตลง ซึ่งนั่นมันได้ทิ้งบาดแผลที่ยากจะลบเลือนให้แก่ถังเฉา—นั่นก็คือรอยแผลซึ่งพาดอยู่บนหน้าอกของถังเฉาทั้งในแนวตั้งและแนวนอนนั่นเอง
“อ่ะแฮ่ม…”
ถังเฉารีบผิดบาดแผลที่น่าตกใจนี้ พร้อมกับไอเล็กน้อย
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงที่ดูน่ากังวลใจอยู่ทางด้านหลัง
“นายน้อย ฉันมาสายแล้ว!”
เฟิ่งหวงคุกเข่าข้างหนึ่งลงและโค้งคำนับต่อหน้าถังเฉา
ถังเฉาโบกมือเบา “คุยเรื่องงานเถอะ”
เฟิ่งหวงไม่ได้บอกข่าวในทันที แต่มองไปที่อาการบาดเจ็บของนายน้อย “รองหัวหน้า การบาดเจ็บของท่าน…”
“แผลเล็กน้อย ไม่มีอะไรหรอก”
ถังเฉาพูดซ้ำอีกครั้งว่า “คุยเรื่องงานเถอะ”
แววตาของเฟิ่งหวงยังคงมองอย่างรู้สึกทนไม่ได้
แผลเล็กน้อย
ถ้าคนปกติได้รับบาดเจ็บแบบนี้ล่ะก็ แน่นอนว่าต้องตายทันที แต่เพราะว่าเป็นนายน้อยเลยสามารถต้านทานมันเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่ายอดนักบู๊ทั้งเก้าจะตายไปแล้ว แต่ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่แข็งแกร่งมากกว่ายอดนักบู๊ทั้งเก้านั้น
ในอนาคตจะกลับมาอีกครั้ง…
เฟิ่งหวงยังไม่ทันได้คิดต่อ เพราะว่าหล่อนเห็นว่าแววตาของถังเฉาในตอนนี้นั้นดูจืดจางเหลือเกิน ทันใดนั้น หล่อนจึงกล่าวด้วยความกลัวว่า
“รองหัวหน้า หลังจากที่ตระกูลหลินนั้นกลับบ้านไปแล้ว โจวเหม่ยหยูนกับหลินเจิ้นสงก็ทะเลาะกันยกใหญ่ พาหลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิง โจวซูหัวคนอื่นๆกลับบ้านของเธอไปหมดแล้ว”
ดวงตาของถังเฉาก็มีแสงแวบเข้ามา “กลับไปที่บ้านของหล่อนงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
เฟิ่งหวงกล่าวด้วยความเคารพว่า “บ้านของตระกูลโจวในเมืองซ่างเฉิง สองปีที่ผ่านมานั้นแทบจะไม่เป็นตระกูลที่ดีเลย หลินเจิ้นสงนั้นเป็นลูกเขยของพวกเขา บริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็คือบริษัทต้าโจวนอกจากนี้ยังติดอันดับหนึ่งในห้าสิบบริษัท ชั้นนำของหมิงจูอีกด้วยค่ะ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เฟิ่งหวงก็กล่าวต่อว่า “เหตุผลที่ตระกูลโจวแทบไม่สามารถกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งได้ก็เป็นเพราะว่าได้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตระกูลเจิ้งในซ่างเฉิง”
“ตระกูลเจิ้ง…”
ถังเฉาหรี่ตาลง “ฉันจำได้ว่า เพื่อนของฉ่ายเวยคนก่อนชื่อ เจิ้งฮ่าว”
“เขาคือคนของตระกูลเจิ้งค่ะ”
เฟิ่งหวงกล่าวอีกว่า “ในตอนนี้ตระกูลเจิ้งเองก็ยังไม่ทราบข่าวว่าเจิ้งฮ่าวนั้นได้ตายไปแล้ว”
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้วมีข่าวอะไรอีกไหม”
เฟิ่งหวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของหล่อนลดูลำบากใจเล็กน้อย “เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณเจียง และตามที่นายน้อยได้คาดการณ์ไว้ หล่อนถามเกี่ยวกับท่านค่ะ”
“ไป๋เสว่?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของของถังเฉาที่ดูสงบในตอนแรกก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เธอคงยังไม่ได้เปิดเผยที่อยู่ของฉันใช่ไหม?”
“ลูกน้องไม่กล้ากันหรอกค่ะ”
เฟิ่งหวงนั้นตื่นตระหนก จากนั้นสักพักก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “รองหัวหน้า ฉันคิดว่า ท่านควรจะพบคุณเจียงสักหน่อยนะคะ หล่อนยังไม่รู้ว่าท่านแต่งงานแล้ว…”
“อะไรที่ควรพูดก็พูด อะไรที่ไม่ควรก็ไม่ต้อง”
ยังไม่ทันที่เฟิ่งหวงจะพูดจบ ถังเฉาก็พูดตัดจบประโยคของหล่อนไปด้วยความเย็นชา
เฟิ่งหวงไม่มีทางเลือก ได้แต่นิ่งเงียบ และหันหลังเตรียมพร้อมที่จะหายไปในความมืดมิด ทันใดนั้นถังเฉาก็ได้เรียกหล่อนอีกครั้ง
“เฟิ่งหวง—”
เฟิ่งหวงหยุดชะงักและหันกลับมามองถังเฉาด้วยความประหลาดใจ
หลังจากที่เงียบไปนาน ถังเฉามองไปที่เฟิ่งหวงและพูดความใจใจว่า “ฉันไม่ต้องการที่จะสูญเสียใครไปอีกแล้ว”
ตุบ!
ทันทีที่พูดออกมา เฟิ่งหวงถึงกับก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นดวงตาของหล่อนก็แดงก่ำ
รองหัวหน้าเองก็เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามกองทัพ เป็นเจ้ามังกร เคยเห็นคนมากมายตายรวมไปถึง…
เพื่อนรัก!
คนรัก!
การที่จะเป็นเหล็กที่แข็งกล้า ก็ต้องชินกับการเห็นคนตายจำนวนมาก นั่นจึงทำให้รองหัวหน้านั้นไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด
ท้ายที่สุด การที่จะมีครอบครัวที่มีความสุขดี เขาเองก็จะไม่อยากที่ต้องเห็นใครจากไปอีก
เฟิงหวงยิ้มและพูดแหบๆว่า “ค่ะ”
หลังจากคำพูดร่วงหล่นมา จากนั้นก็หายไปกับความมืดมิด
วันถัดมา
ถังเฉาไม่ได้ไปที่อาคารกั๋วจี้ แต่กลับไปร้านกาแฟที่อยู่ตรงหัวมุม
เจิงเทียนเสียงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็นัดพบถังเฉากับหวางเยี่ยนได้
ในขณะที่ออกไปพบกับคุณตำรวจหวางอยู่นั้น เจิงเทียนเสียงได้ให้ข้อมูลประจำตัวของหวางเยี่ยนไว้กอ่นหน้านี้แล้ว เพื่อให้ถังเฉาพอเข้าใจคร่าวๆ
สิ่งที่ทำให้ถังเฉาประหลาดใจก็คือ หล่อนคือคนของตระกูลหวาง ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหวางเยี่ยเลยก็ได้
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจแล้ว ทุกๆการสอบก็มักจะเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนเสมอมา ทำให้ยากที่จะเอาชนะได้
แต่ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เป็นบาดแผลในใจของหล่อนมาตลอด นั่นก็คือหล่อนมีแฟนเป็นนายตำรวจคนหนึ่ง แต่นายตำรวจคนนั้นมันจะโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง ซึ่งนั่นทำให้เธอมีความพยาบาท
“หวางเยี่ยน……”
ถังเฉายิ้มบางๆ และรออย่างเงียบ
จากนั้นไม่นาน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดลำลองเดินเข้ามา
เธอมาด้วยผมสั้นดูเรียบร้อย สวมแว่นกันแดดและหมวกยอดแหลม ราวกับจงใจแต่งกายปลอมตัวมา อย่างไรก็ตามอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้นั้นไม่เหมือนใคร เมื่อมองแวบแรกมันก็สามารถดึงดูดความสนใจของถังเฉาได้ทันที
“คุณตำรวจหวาง” ถังเฉาตะโกนเรียกไปหาหล่อน
ใครจะไปรู้ว่า สีหน้าของหวางเหยี่ยนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ชัดว่าไม่มีใครเห็นเธอ จากนั้นเธอจึงเดินเข้ามาตบโต๊ะอย่างอุกอาจ “นี่คุณรู้ไหมเนี่ย ว่าเมื่อกี้คุณเกือบจะฆ่าฉันแล้ว?”
ใบหน้าของถังเฉานั้นดูงงงวย กับอีแค่ตะโกนเรียกเธอ มันจะไปทำร้ายอะไรเธอได้ยังไงกัน?
หวางเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มานั่งข้างหน้าของถังเฉา “ฉันจำนายได้ คดีของฉันสองคดี ก็มีนายอยู่ด้วย”
ถังเฉารู้ดีว่าเธอหมายถึงคดีของซุนชิงและเหลียงเจียหมิง
ขณะที่กำลังจะพูดนั้น หวางเยี่ยนก็มองนาฬิกาและพูดว่า “คุณหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
แม้ว่าจะต้องการสงบ อย่างไรก็ถังเฉาได้ยินคำพูดของหวางเยี่ยนที่ดูวิตกกังวล ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะทำให้หวางเยี่ยนเสียเวลาไปด้วย เลยเลือกที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ผมแค่อยากจะถามคุณตำรวจหวางน่ะครับว่า คุณพอจะคดีของประธานจูหาวจากบริษัทผลิตยาหงเทียนไหมครับ”
“จูหาว?”
หวางเยี่ยนตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “คดีนี้เป็นคดีของฉันเอง”
“มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้จับเขา แต่ถึงอย่างไรชีวิตของเขาก็พังพินาศไปแล้วอยู่ดี”
หวางเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆว่า “ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้”
ถังเฉาหรี่ตาอย่างอันตราย หรือว่าฉางหงเทียนจะคิดแผนฆ่าคนที่สวมรู้ร่วมคิดขึ้นมาจริงๆ?
เป้าหมายของเขา ไม่ได้ต้องการที่จะให้จูหาวติดคุก แต่ต้องการที่จะไล่เขาออกจากการเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทผลิตยาหงเทียน
ในขณะที่ถังเฉาต้องการสอบถามเพิ่มเติม ก็มีชายสองคนเดินเข้ามา
พวกเขานั้นดูไม่ต่างจากลูกค้าทั่วๆไป แต่แววตาของหวางเยี่ยนดูรุนแรงมากขึ้น หล่อนลุกขึ้นอย่างช้า
“ขออนุญาติสักครู่”
พูดจบ ก็เดินไปหาชายสองคนนั้น
มือหนึ่งข้าง ได้วางไว้ที่เอวของเธอ
ถังเฉาหรี่ตาลง ที่แท้เธอแต่งตัวเป็นสายลับนี่เอง