บทที่ 80 เกมแมวจับหนู
มีคนกล่าวว่า หากใครได้แต่งงานกับซ่งหรูอี้ ไม่เพียงแต่ชาตินี้ แม้แต่ชาติหน้า หรือในชาติถัดไป ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่อีกต่อไป
สิ่งที่น่าเสียใจก็คือ ยังไม่มีใครสามารถไปถึงขั้นตอนนี้ได้
ในอดีตไม่มี ปัจจุบันไม่มี ในอนาคตก็ไม่มีเช่นกัน——โอ้ แต่เคยมีผู้ชายคนหนึ่งเคยทำได้ แต่เขาก็หนีไปแล้ว
มีบาร์ขนาดเล็กอยู่ชั้นบนสุดของบริษัทตระกูลซ่ง ซึ่งบาร์แห่งนี้ทำไว้บริการเฉพาะเธอเท่านั้น ซ่งหรูอี้ยืนพิงราว ในมือถือแก้วไวน์แดงชั้นดี ลมพัดเย็นสบาย ชมวิวทิวทัศน์ยามกลางคืนของเมืองหมิงจู
วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหมิงจูสว่างไสวและสวยงาม แต่ดวงตาของเธอเหมือนสระน้ำนิ่ง ไร้ชีวิตชีวา
หลังจากดูไปสักพัก ซ่งหรูอี้รู้สึกน่าเบื่อ กำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าที่หล่อสมบูรณ์แบบ และฐานะครอบครัวที่โดดเด่น ดูแล้วเขากับซ่งหรูอี้เหมือนกิ่งทองใบหยก เหมือนสวรรค์กำหนดให้คู่กัน
เมื่อเห็นชายคนนี้ ซ่งหรูอี้ยิ้ม
ด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ แม้แต่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าก็ดูมืดสลัวไป
“คุณมาได้ยังไง?”
“มาหาคุณ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆแล้วตอบ
“ถ้าเพราะแค่ฉัน มันไม่น่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้คุณเดินทางไกลจากเยี่ยนจิงมาถึงหมิงจู”
ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกจำใจเล็กน้อย เขาจึงตอบตามความจริงว่า “โอเค ผมมาเยี่ยมน้องสาว แล้วก็แวะมาหาคุณ”
“ดูสิ ยังไงฉันก็เป็นได้แค่คนที่ถูกคิดถึงเมื่อแวะผ่านมาเท่านั้น”
ซ่งหรูอี้ยิ้มบาง ๆแล้วกล่าวว่า “ดูออกว่า คุณเพิ่งลงจากเครื่องบิน ทำไมถึงไม่ไปหาน้องสาวของคุณก่อน แต่กลับมาหาฉันก่อนทำไม?”
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มคนนั้น “เธอไม่ให้ผมพบหรอก ทำไมผมต้องไปพบเธอเพื่อหาเหาใส่หัวด้วย พบคุณมีความหมายมากกว่า”
ซ่งหรูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย “ถ้าคุณโกหกอีก ฉันจะให้คนอื่นโยนคุณออกจากที่นี่”
ชายหนุ่มก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างไร เพียงแต่ยักไหล่อย่างจำยอม แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่อง”
ขณะพูด สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง แล้วเขาก็ค่อยๆชูสองนิ้วออกมา
“มีสองเรื่อง ผมต้องการให้คุณทำให้น้องสาวผมล้มละลาย ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคือทำให้เธอไม่สามารถพลิกพื้นกลับมาได้อีก เพื่อเป็นการตอบแทน ผมจะเป็นทีมสำรองให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือกำลังคน ผมก็จะจัดเตรียมให้คุณ”
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม แต่ซ่งหรูอี้กลับหัวเราะออกมาดัง ๆ ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกมาก
“คุณกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่หรือเปล่า?”
“คุณเห็นว่าผมเหมือนล้อเล่นกับคุณอยู่หรือ?”
ซ่งหรูอี้ส่ายหน้า
“งั้นก็แย่แล้ว”
“ความหมายของฉันคือ ฉันขอปฏิเสธที่จะช่วยคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนทันที “เพราะอะไร? ”
“เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเป็นไปได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งหรูอี้ค่อยๆจางลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ตั้งแต่รู้จักเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็ไม่เคยเอาชนะเธอได้เลย”
หากประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน ซ่งหรูอี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่มดแห่งตระกูลซ่ง ยอมรับว่าฝีมือของตนเองนั้นด้อยกว่าคนอื่น? !
ชายหนุ่มส่ายหัว “ก็แค่เธอมีภูมิหลังที่ดีกว่าคุณ เธอมีพ่อที่ดี แล้วก็มีแม่ที่ดี แต่ตอนนี้เธอไม่มีแล้ว คุณมีผมคอยช่วยเหลือ จะทำให้เธอล้ม มันเป็นเรื่องง่ายดายมาก!”
“……”
คำพูดของชายหนามทำให้ซ่งหรูอี้ตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอก็ส่ายหัว ปฏิเสธคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น “คุณไม่รู้จักเธอ คุณไม่สามารถกำหนดเธอแบบนั้น”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เหมือนว่าชายหนุ่มจะถูกกระตุ้นอย่างหนัก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “ผมเป็นพี่ชายของเธอ ถ้าผมไม่เข้าใจเธอแล้วใครจะเข้าใจเธอ?”
“ตั้งแต่เล็กจนโต พวกคุณเคยพบกันกี่ครั้ง เคยพูดกันกี่ประโยค? คุณรู้ไหมว่าตลอดที่ผ่านมาเธอเดินผ่านชีวิตมายังไง?”
ดวงตาของซ่งหรูอี้เปลี่ยนเป็นคมเข้ม ปล่อยออร่าที่ทรงพลังออกมา “แต่ฉันเข้าใจ! คนอื่นกำลังพักผ่อน เธอกำลังเรียนอยู่ คนอื่นกำลังมีความรัก เธอกำลังเรียนอยู่ คนอื่นกำลังกินและนอน แต่เธอยังกำลังเรียนอยู่ เธอเป็นเหมือนฟองน้ำ เธอดูดซับความรู้จำนวนมาก และดูดซับความรู้ทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็นำหน้าฉันไปหนึ่งก้าวเสมอ”
“แม้แต่เปิดบริษัท เธอก็ไม่ได้ใช้เงินของครอบครัวแม้แต่แดงเดียว เธอสร้างตัวจากมือเปล่าทั้งหมด ส่วนฉัน? ท้ายที่สุดฉันก็ยืมเงินจากครอบครัว และเดินมาทีละก้าวจนกลายเป็นวันนี้ที่พวกคุณเรียกฉันว่า‘แม่มด’! ”
ใบหน้าของชายหนุ่มไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็ยังกล่าวอย่างดื้อดึงว่า “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน และตอนนี้ก็เป็นตอนนี้ ไม่ควรพูดปนกัน”
ซ่งหรูอี้เงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม แล้วกล่าวว่า “คุณเป็นพี่ชายของเธอ ทำไมคุณถึงอยากทำลายน้องสาวของตนเองเช่นนี้?”
คำพูดนี้ ทำให้เขาตกอยู่ในความเงียบ
ใบหน้าของบางครั้งชัดเจน บางครั้งคลุมเครือ บางครั้งสดใส บางครั้งใจแข็งไม่พอ สุดท้าย ก็กลายเป็นความจำยอม แล้วเขาก็กล่าวว่า “เพื่อที่จะทำให้เธอกลับบ้าน”
“มีแต่ทำให้เธอแพ้จนไม่สามารถพลิกพื้นกลับมาได้เท่านั้น เธอถึงคิดจะกลับบ้าน และทั่วทั้งเมืองหมิงจู ก็มีแต่คุณคนเดียวที่สามารถทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้!”
“นี่เป็นความคิดของใคร?”
ชายหนุ่มกัดฟันแล้วตอบว่า “มันเป็นความคิดของผมเอง”
ซ่งหรูอี้มองเขาอย่างมีความหมายแล้วกล่าวว่า “เธอจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต”
การแสดงออกของชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจ แต่หัวใจของเขายังคงแข็งกร้าว แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร แค่สามารถทำให้เธอกลับบ้านได้ ก็ดีแล้ว”
ซ่งหรูอี้ถอนหายใจ “โอเค ฉันช่วยคุณ แล้วเรื่องที่สองล่ะ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความรู้สึกทั้งหมดบนใบหน้าเมื่อสักครู่ก็หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เรื่องที่สอง แน่นอนว่าเป็นเพราะคุณ ผมจีบคุณใช่ว่าคุณจะไม่รู้ ที่ผมมาครั้งนี้ เพื่อจะมาสู่ขอคุณกับพ่อตา เมื่อสู่ขอเสร็จผมก็จะกลับ —- ”
“คุณกลับไปตอนนี้ได้เลย ฉันจะช่วยคุณซื้อตั๋วเครื่องบิน”
ซ่งหรูอี้กล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก และกำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ “อย่าเลย ปฏิเสธก็คือปฏิเสธ ใช่ว่าจะทนไม่ได้สักหน่อย จะใจร้ายเช่นนี้ไปทำไมกัน?”
หลังจากหยุดคิดชั่วขณะ เหมือนเขาจะนึกอะไรได้ขึ้นมาบางอย่าง ก็เหลือบมองเธออย่างมีความหมาย “คุณอย่าบอกน่ะว่ายังจดจำอยู่ในใจไม่อาจลืมเลือนไอ้หนุ่มที่หนีการแต่งงานของคุณเมื่อ 5 ปีที่แล้ว?”
“เขามีอะไรดี ชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย แล้วก็ไม่มีเงิน จะคู่ควรกับคุณได้ยังไง—-”
เมื่อพูดถึงครึ่ง ชายหนุ่มก็ไม่พูดอีกต่อไป เพราะเขาเห็นสายตาของซ่งหรูอี้ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนงูพิษที่อยู่ในถ้ำเพื่อรอโอกาส และดวงตาเต็มไปด้วยแววสังหาร
“หลินโป๋หลาย คุณไม่รู้สึกว่าตนเองพูดมากไปแล้วเหรอ?”
หลินโป๋หลายหดคอ แล้วรีบปิดปากทันที และจากไปด้วยท่าทางหมดหวัง
เรื่องสองข้อนี้ ซ่งหรูอี้ให้สัญญาหนึ่งข้อ และปฏิเสธไปหนึ่งข้อ ผลลัพธ์ก็ไม่เลวร้ายเกินไป แต่ก็ไม่ถือว่าดีมาก
ขณะนี้ มีผู้ชายอีกคนหนึ่งกับหลินโป๋หลายก็เดินเฉียดไหล่ผ่านไป สองคนเพียงแค่พบหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วก็จากกันอย่างรวดเร็ว
ซ่งหมิงเวยมาหาซ่งหรูอี้ด้วยท่าทางเศร้า ๆ และถามว่า “พี่ มีแขกมาหรือครับ?”
“คุณเรียกฉันว่ายังไงน่ะ”
ความเย็นชาบนใบหน้าของซ่งหรูอี้ยังไม่จางหายไปทั้งหมด คิ้วเรียวของเธอเลิกขึ้นมา แล้วใช้สายตาเย็นชาที่มองไปที่ซ่งหมิงเวย
ซ่งหมิงเวยเงียบกริบ เขาเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว จนลิ้นขมวดเป็นปม “ประ……ประธานซ่ง”
สีหน้าซ่งหรูอี้กลับมาเป็นปกติ ถามอย่างราบเรียบว่า “มีเรื่องอะไร”
เมื่อเห็นว่าซ่งหรูอี้กลับมาเป็นปกติ ซ่งหมิงเวยจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นเลขาของซ่งหรูอี้ ทำให้เขาลำบากใจจริง ๆ
“ประธานซ่ง เมื่อสักครู่มีข่าวว่า พี่เทียนซานถูกถังเฉาทำร้าย……ทำร้ายจนเสียโฉม”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ซ่งหรูอี้ตอบอย่างราบเรียบคำหนึ่ง แล้วก็ไม่ถามอะไรอีกต่อไป
ซ่งหมิงเวยอดไม่ได้จึงถามว่า “พี่เทียนซานเสียโฉมแล้ว คุณจะไม่ไปเยี่ยมสักหน่อยเหรอครับ?”
“ไม่ต้องไปเยี่ยม ยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?” ซ่งหรูอี้กล่าวเบา ๆ
ซ่งหมิงเวยอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา แม้แต่พี่ชายของตนเองเกิดเรื่องก็ไม่ไปเยี่ยม ผู้หญิงคนนี้ ช่างเป็นคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก
“นอกจากนี้ พรุ่งนี้บริษัทลี่จิงกรุ๊ปและตระกูลหลินจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำสปอนเซอร์ และสปอนเซอร์ทั้งหมดก็จะไปร่วมงาน ตอนนี้ มีสิบบริษัทที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้แล้ว”
ตั้งแต่ซ่งหมิงเวยมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นเลขาของซ่งหรูอี้ เธอสั่งงานเพียงแค่เรื่องเดียวก็คือ สืบข่าวของตระกูลหลินและข่าวของถังเฉา ถือได้ว่าเป็นการทำงานให้ถังเฉาในฐานะสายลับ
เขาในตอนนี้ ได้กลายเป็นสายลับของทั้งสองฝ่าย
“เป็นอย่างนั้นหรือ?……”
ซ่งหรูอี้ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้ คุณเป็นตัวแทนไปร่วมงานในฐานะบริษัทตระกูลซ่งของฉัน แล้วก็เป็นสปอนเซอร์สนับสนุน 80 ล้านด้วย”
ซ่งหมิงเวยสงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือเปล่า ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “พี่ คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม? ”
ซ่งหรูอี้ไม่สนใจอีกต่อไปว่าซ่งหมิงเวยจะเรียกเธอว่าอะไร เธอยิ้มจาง ๆแล้วกล่าวว่า “คุณแค่ทำตามที่ฉันบอก”
“ได้ครับ……”
ซ่งหมิงเวยยังคงเดาไม่ออกว่าที่ซ่งหรูอี้ทำเช่นนี้เธอต้องการทำอะไร เมื่อคิดไม่ออก เขาก็ไม่อยากคิดแล้ว
ถ้าสามารถเดาได้ว่า ซ่งหรูอี้กำลังคิดอะไรอยู่ งั้นเธอก็จะไม่ใช่ซ่งหรูอี้แล้วสิ?
ซ่งหรูอี้เดินออกมาจากบริษัทตระกูลซ่ง มีรถลินคอล์นขนาดใหญ่จอดอยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณหนู”
ชายชราที่เป็นพ่อบ้าน เปิดประตูรถให้เธอด้วยความเคารพ
ซ่งหรูอี้พยักหน้า คำพูดและการกระทำของเธอ เหมือนคุณหนูชนชั้นสูงที่สง่างาม
แต่ว่า ดวงตาทั้งคู่ของเธอกลับไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
ด้วยเสน่ห์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และความร่ำรวยมั่งคั่งระดับประเทศ บวกกับสมองที่ชาญฉลาดและเจ้าเล่ห์ ชีวิตของซ่งหรูอี้ ไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรอีกต่อไป
แต่ว่า บางครั้งเธอถามตัวเองว่า การมีชีวิตอยู่ของตนเองมีความหมายอะไร? ตนเองต้องการอะไรกันแน่?
คำถามสองข้อนี้ไม่มีคำตอบ และสามารถพูดได้ว่า เธอยังคงอยู่ในระหว่างทางที่ค้นหาคำตอบ
เดิมทีเธอคิดว่าคำถามสองข้อนี้คงเธอต้องค้นหาไปชั่วชีวิต จนกระทั่งเธอได้รู้ว่าผู้ชายที่หนีการแต่งงานเมื่อห้าปีก่อนกลับมาแล้ว เธอถึงค้นพบความสุขเล็กน้อย
นี่คือเกมแมวจับหนู
ฝ่ายหนึ่งอาจจะเป็นแมว และฝ่ายหนึ่งเป็นหนู
หรืออาจเป็น……
แมวทั้งสองฝ่าย