บทที่113 เข้าอยู่ในอ้อมกอดด้วยความสุขใจ
เห็นชายคนนั้นเดินเข้ามาเองโดยพลการ สีหน้าหลี่ถาวเปลี่ยนทันที “ให้คุณรอด้านนอกไม่ใช่เหรอคะ เดินเข้ามาโดยพลการได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายหยุดยิ้มทันที พูดว่า “ถึงอย่างไร เมื่อก่อนอาคารกั๋วจี้แห่งนี้ก็เคยเป็นของผม แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง ผมจึงโอนให้กับบุคคลอื่น หรือว่าตอนนี้เพียงแค่จะเดินเข้ามาก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ?”
หลี่ถาวมองชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้เมื่อก่อนจะเป็นเจ้าของอาคารกั๋วจี้
“เหวินเหวยเฉิน คุณมาทำอะไรที่นี่?”
หลินชิงเสว่กลับมองชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา และน้ำเสียงก็เย็นชา
ผู้ชายที่ชื่อเหวินเหวยเฉิน หมือนกับเคยชินกับท่าทีเช่นนี้ของหลินชิงเสว่ ใบหน้าก็ยังคงแย้มยิ้มเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ก่อนหน้านี้ผมซื้ออาคารกั๋วจี้ ก็ซื้อเพื่อคุณ เพียงแต่ว่าคนในครอบครัวจู่ ๆ ก็เรียกผมกลับไป จึงจำเป็นต้องขายให้กับ เจิงเทียนเสียงอย่างไม่เต็มใจ ตอนนี้จัดการเรื่องในครอบครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าจะต้องกลับมาหาคุณ”
“ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว” หลินชิงเสว่ตอบเบา ๆ
“……”
ด้วยคำพูดประโยคนี้ บรรยากาศในห้องอึมครึมในพริบตา
สายตาเหวินเหวยเฉินที่เฉียบคม ประเดี๋ยวเดียวก็กลับอยู่ในสภาวะปกติเรียบเฉย ยิ้มให้กับหลินชิงเสว่พูดว่า “ชิงเสว่ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว”
“ผมเป็นห่วงคุณในฐานะเพื่อน ไม่ว่าต่อไปคุณจะทำอะไร ผมจะคอยสนับสนุนคุณ”
“ภรรยาของผม ยังให้คุณต้องมาเป็นกังวลงั้นเหรอ”
ในขณะนั้นเอง มีน้ำเสียงที่เย็นชาดังลอยมา แฝงไปด้วยเจตนาที่เย็นชาสุดประดัง ทำให้อุณหภูมิโดยรอบทั่วทั้งห้องลดลงตามไปด้วย
ทุกคนหันหลังไปมอง เห็นแต่เพียงถังเฉาสับเท้าก้าวเข้ามาในห้อง หลัวปู้เดินตามเข้ามาติด ๆ
สีหน้าหลินชิงเสว่เปลี่ยนเล็กน้อย “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
ถึงตอนนนี้เธอเพิ่งนึกออกว่า เธอรู้แต่เพียงว่าถังเฉาทำงานอยู่ที่อาคารกั๋วจี้ แต่กลับไม่รู้ว่าทำงานบริษัทไหน รับผิดชอบหน้าที่อะไร
เธอส่งสายตาแสดงเจตนาให้ถังเฉารีบออกไป แต่มันก็สายไปแล้ว
“ภรรยาของคุณเหรอ?”
ดวงตาไอสังหารของเหวินเหวยเฉินส่องประกาย มองสำรวจถังเฉาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ผมเป็นถึงนายน้อยตระกูลเหวินแห่งเมืองเจ้อเจียง คอยตามจีบหญิงสาวที่ชอบมาหลายปี คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยแต่งตัวกะโปโลดูไม่มีราศีเอาเสียเลยได้ตัวเธอไปก่อน สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งกันจริง ๆ”
“กล้าดียังไงถึงดูถูกคุณถัง รนหาที่ตาย!”
หลัวปู้แสดงสีหน้าดุดัน ถังเฉากลับยื่นมือไป รั้งตัวหลัวปู้ไว้
ตนกลับเดินเข้ายืนประจันหน้ากับเหวินเหวยเฉิน หรี่ตามองเล็กน้อย “คุณมาจากเจ้อเจียงเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
เหวินเหวยเฉินพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่งอีกว่า “ตระกูลเหวินแห่งเจ้อเจียง!”
ถังเฉายังมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง หลัวปู้ที่ยืนอยู่ด้านหลัวกลับยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
ตระกูลเหวินแห่งเจ้อเจียง? ร้ายกาจหรือไม่?
“ถ้าไม่อยากให้ตระกูลเหวินจะต้องล่มสลายในน้ำมือของคุณ ก็อยู่ห่าง ๆ ผู้หญิงคนนี้”
ต่อจากนั้น ถังเฉาชี้ไปที่หลินชิงเสว่ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา สีหน้าของ หลินชิงเสว่ หลี่ถาว และเหวินเหวยเฉิน ต่างก็เปลี่ยนทันที
เจ้อเจียงเป็นชื่อเรียกรวมเมืองแถบนี้ ที่มีเมืองต่าง ๆ มากมาย ในนั้นมีเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรื่องอยู่สามเมืองคือ เมืองหมิงจู เมืองเจียงเหมิน เมืองซูหาง สามารถเป็นผู้มีชื่อเสียงในเจ้อเจียงได้ นับได้ว่าเป็นตระกูลที่ประวัติสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ตระกูลซ่งซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เศรษฐีผู้มั่งคั่งในเมืองหมิงจู ยังไม่หาญกล้าพูดคำพูดเช่นนี้ ถังเฉาเอาความกล้ามาจากที่ไหนกัน?
เหวินเหวยเฉินเดือดดาลสุดขีด จ้องมองถังเฉาด้วยสายตาถมึงทึง “ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับตระกูลเหวินแบบนี้!”
“ตอนนี้ก็มีแล้วไง”
สีหน้าถังเฉาเรียบเฉยไม่แยแสพูดว่า “ผมไม่ได้พูดล้อเล่น”
หลัวปู้ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง เพียงแค่ถังเฉาออกคำสั่งมาคำเดียว เขาจะลงมือกับตระกูลเหวินแห่งเจ้อเจียงในทันที
เหวินเหวยเฉินจ้องมองถังเฉาด้วยสายตาเย็นชา วางแผนจะกำราบถังเฉาที่แสดงท่าทีเช่นนี้กับเขา แต่ว่าเขาค่อย ๆสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนก อีกทั้งดวงตาที่เย็นชาของถังเฉา ทำให้หัวใจของเขาพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ!
ยังมีชายวัยกลางคนที่ยืนข้างหลัง เขารู้สึกว่าคุ้นหน้ามาก ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ว่าเป็นที่ไหนนั้น ยังคิดไม่ออกในทันที
ระแวดระวังรอบคอบไว้ก่อนเป็นการดี เหวินเหวยเฉินไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหากไม่มั่นใจ จึงยอมรามือ
จ้องมองถังเฉาด้วยสายตาเย็นชาพูดว่า “จดจำคำพูดเมื่อครู่ที่คุณพูดออกมาไว้ให้ดี ไม่ช้าก็เร็วคุณจะชดใช้อย่างสาสม”
“อีกอย่าง คุณไม่เหมาะสมกับชิงเสว่เลยสักนิด!”
พูดจบ หันหลังและเดินจากไป
หลินชิงเสว่และหลี่ถาวจ้องมองถังเฉาด้วยสายตาประหลาดใจ โดยเฉพาะหลินชิงเสว่ เธอล่วงรู้ถึงพลังที่มีผลกระทบต่อตระกูลเหวิน เธอได้เตรียมวิธีการจัดการไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดไม่ถึง เหวินเหวยเฉินไปเสียแล้ว
หลินชิงเสว่เดินมาหาถังเฉา ตักเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นว่า “ต่อไปห้ามพูดคำพูดแบบนี้อีกนะ เบื้องหลังของอาคารกั๋วจี้ ยังลึกซึ้งมากกว่าที่คุณจินตนาการได้”
ถังเฉารู้ดีว่าหลินชิงเสว่เป็นห่วงตน มองดูเธอด้วยสายตาอบอุ่นพูดว่า “ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น”
“ฉันไม่เป็นไร”
หลินชิงเสว่รีบกำจัดสายตาที่จับจ้อง พาหลี่ถาวออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ถ้าหากพนักงานล่วงรู้ เกรงว่าพรุ่งนี้คงต้องซุบซิบกันในเรื่องของเธอ
หลังจากหลินชิงเสว่เดินออกจากห้องไป อารมณ์ที่แสดงบนใบหน้าของถังเฉา ค่อย ๆ จางหายไปพูดว่า “ให้เจิงเทียนเสียงตรวจสอบคน ๆนั้น ผมต้องการข้อมูลของเขาทั้งหมด!”
“ครับ คุณถัง”
หลัวปู้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นทันที กำชับให้เจิงเทียนเสียงไปจัดการ
……
หลังจากที่เหวินเหวยเฉินลงมาจากบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ขึ้นลิฟต์ไปที่หลงเถิงกรุ๊ป
ลิฟต์เปิดออก ซ่งเทียนซานได้รอคอยอยู่แล้ว ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบประแจงพูดว่า “คุณคือเหวินเหวยเฉิน
คุณเหวินใช่ไหม?”
“คุณคือ ประธานซ่งใช่ไหม?”
เหวินเหวยเฉินมองดูใบหน้าซ่งเทียนซานด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของเขาผิดแปลกไปมาก โดยเฉพาะจมูก มองดูออกว่าผ่านการเสริมตกแต่งมาเป็นอย่างดี รอยแผลเป็นจากศัลยกรรมยังเผยให้เห็นเด่นชัด
ซ่งเทียนซานพูดด้วยน้ำเสียงอึกอักว่า “คุณเหลินกล่าวล้อเล่นแล้ว ก่อนหน้านี้โดนพวกนักเลงชกต่อยจนเสียโฉม หลายวันก่อนเพิ่งศัลยกรรมเสร็จ”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เหวินเหวยเฉินโล่งใจพูดว่า “ประธานซ่งมีงานต้องทำมากมาย แต่ยังต้องรักษาสุขภาพให้มากนะ”
ซ่งเทียนซานดีใจยิ่งนัก เชื้อเชิญให้เหวินเหวยเฉินเข้าไปด้านใน “คุณเหวิน เชิญครับ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปห้องทำงานส่วนตัว เปิดประตู้เข้าไป มีหญิงสาวแต่งหน้าอย่างปราณีตสวมชุดกี่เพ้าสีขาวคนหนึ่ง โค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวทักทายว่า “สวัสดีค่ะคุณเหวิน”
ถ้าหากถังเฉาอยู่ที่นี่ ต้องรู้จักเธอคนนี้เป็นอย่างดี เธอก็คือหลินฉ่ายเวย
เหวินเหวยเฉินมองดูหลายครั้ง หันกลับไปคุยกับซ่งเทียนซาน “คนนี้คือ?”
“เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลบริษัทหลงเถิงของพวกเรา ชื่อหลินฉ่ายเวย”
ซ่งเทียนซานยิ้มเล็กน้อยพูดว่า “เป็นคู่ควงของคุณในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เหวินเหวยเฉินพยักหน้า มองไปที่ใบหน้าของหลินฉ่ายเวย เพิ่มความเร่าร้อนขึ้นได้อีกมาก
เดิมทีหลินฉ่ายเวยเป็นหญิงสาวที่งดงามพอตัวอยู่แล้ว บวกกับแต่งหน้าทาปากอย่างประณีตและชุดกี่เพ้าสีขาวเข้ารูปสวยงาม สามารถเพิ่มความงดงามได้อีกหลายส่วน นายน้อยเหวินที่พบพานผู้หญิงมามากมาย ก็ยังต้องตะลึงในความงาม
แม้จะเทียบกับหลินชิงเสว่ไม่ได้ แต่คุยเล่นสนุก ๆ ก็ไม่เลวทีเดียว
“นายน้อยเหวิน สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินฉ่ายเวย หากคุณไม่รังเกียจเรียกฉันว่าฉ่ายเวยก็ได้ค่ะ” หลินฉ่ายเวยพูดด้วยสีหน้าเขินอาย มองไปที่ใบหน้าของเหวินเหวยเฉิน แสดงท่าทีชื่นชอบ
ช่วงเช้า ซ่งเทียนซานไปหาหลินฉ่ายเวยด้วยตนเอง บอกเธอว่าคืนวันนี้จะมีงานเลี้ยงสำคัญ เจ้าของอาคารกั๋วจี้มาร่วมงานด้วยเช่นกัน ให้เธอกลับไปแต่งหน้าให้เรียบร้อย ไม่แน่ว่าอาจจะชอบพอเธอ เธอก็อาจจะเป็นเหมือนไก่ป่ากลายร่างเป็นเฟิ่งหวงก็ได้
ก็คงจะเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ เกิดในตระกูลเศรษฐี ดูดีมีสง่าราศี ตรงตามสเปคของหลินฉ่ายเวย
เหวินเหวยเฉินไม่ปฏิเสธ เข้าไปโอบหลินฉ่ายเวย มองซ่งเทียนซานด้วยความพอใจพูดขึ้นว่า “ประธานซ่งช่างเอาใจใส่กันจริง ๆ”
“แน่นอน”
ซ่งเทียนซานรีบพูดขึ้นทันที แต่ยังมีบางอย่างที่ยังไม่มั่นใจถามว่า “น้องสาวผมบอกว่า คุณคือเจ้าของอาคารกั๋วจี้ใช่หรือไม่?”
เหวินเหวยเฉินมองเขาด้วยความแปลกใจ เขาเคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
แต่ เขาก็ยังพยักหน้ารับคำ
ซ่งเทียนซานดีใจยิ่งนัก ข้อมูลที่น้องสาวให้มานั้นไม่ผิดแน่ ๆ ท่าทางที่แสดงต่อเหวินเหวยเฉินนั้นนอบน้อมมากยิ่งขึ้น “คุณเหวินนาน ๆ จะมาที่หมิงจูสักครั้ง อยู่ต่ออีกสักสองสามวัน ให้ผมได้รับรองคุณในฐานะเจ้าบ้าน”
เหวินเหวยเฉินวางท่าขึ้นทันที เรียกชื่อจริงซ่งเทียนซานออกไปตรง ๆ “เทียนซาน เกรงใจไปแล้ว มาที่หมิงจูครั้งนี้ เพื่อเจรจาธุรกิจกับน้องสาวคุณ……..”
ซ่งเทียนซานรีบตอบรับยืนยัน “ วางใจได้ เรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ ผมจะไปพูดกับน้องสาว คุณเหวินเพียงแค่เอาโครงการบางแห่งที่อยู่ในมือ มอบให้กับหลงเถิงกรุ๊ปก็เพียงพอแล้ว”
เหวินเหวยเฉินทึกทักเอาว่าคงจะเป็นโครงการเล็ก ๆ บางโครงการของตระกูลเหวิน จึงแย้มยิ้มพยักหน้ารับคำ “แน่นอน”
ซ่งเทียนซานดีใจลิงโลด กำชับหลินฉ่ายเวยทันทีว่า “ฉ่ายเวย ดูแลคุณเหวินแทนผมด้วย ช่วงหัวค่ำหกโมงครึ่ง อย่าลืมพาคุณเหวินไปที่คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยของผม”
ในใจหลินฉ่ายเวยตื่นเต้นสุดแสนจะเปรียบ แต่ภายนอกยังคงแสร้งทำท่าเขินอายสงวนท่าที “ได้ค่ะ เถ้าแก่”