บทที่117 การเต้นรำที่งดงาม
ให้เกียรติเต้นรำกับฉันสักเพลงได้ไหม?
มองดูดวงตาของฟางหย่าดุจดั่งดวงดาว รอยยิ้มเหมือนบุปผาเบ่งบาน ถังเฉาตกใจเล็กน้อย ยิ้มกลับ
“คุณต้องการจะเต้นรำกับผมเหรอ?”
ฟางหย่าพยักหน้าอย่างจริงจัง แสงไฟในงานเลี้ยงสลัว ๆ แต่ดวงตาเธอนั้นส่องประกายสุกสกาว ราวกับว่าเป็นแสงของดวงดาว
ถังเฉาส่ายหัว ยิ้มพูดว่า “ผมเต้นรำไม่เป็น”
“ฉันเต้นเป็น คุณเต้นตามจังหวะเท้าของฉันก็พอแล้ว”
ฟางหย่าพูดดึงดันต่ออีกว่า “คุณปฏิเสธฉันมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังคิดจะปฏิเสธฉันเป็นครั้งที่สองอีกเหรอ?”
จากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าถังเฉาเพิ่มขึ้น
ค่อย ๆยืนขึ้นมา พูดออกมาแค่คำเดียวคือ
“ก็ได้”
ฟางหย่าตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้ม
“แต่คุณต้องเต้นตามจังหวะเท้าของผม” จู่ ๆ ถังเฉาก็พูดออกมา
ได้ยินคำพูด ฟางหย่าอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เขาเมื่อครู่พูดเองว่าเต้นไม่เป็น ทำไมถึงพูดว่าให้ตนเต้นตามจังหวะเท้าของเขา?
ขณะที่กำลังตกตะลึง ถังเฉาได้จับมือเรียวงามเย็นเฉียบของเธอแล้ว
เหมือนดั่งหิมะที่เพิ่งหลอมละลาย และยังเหมือนกับแสงอาทิตย์ในฤดูหนาว ทำให้เรือนร่างฟางหย่าสั่นเทาเล็กน้อย
เสียงดนตรีนุ่มนวลดังขึ้น ถังเฉาดึงตัวฟางหย่า ค่อยเดินไปตรงกลางฟลอร์เต้นรำ
ตรงตำแหน่งที่ซ่งเทียนซานกับซุนเสว่กำลังเต้นอยู่
มองเห็นถังเฉากับฟางหย่าเดินเข้ามาตำแหน่งนี้ ซุนเสว่อดไม่ได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ประธานฟางของเรา พาหนุ่มออกมาเต้นรำกับเขาด้วยเหรอ?”
ประเดี๋ยวเดียว ซุนเสว่มองเห็นถังเฉา พูดเยาะเย้ยอีกว่า “คู่เต้นที่เธอเลือกคนนั้น เขาเต้นรำเป็นหรือเปล่า?
อย่าออกมาทำเป็นตัวตลกล่ะ”
ฟางหย่าถึงกับหน้าบึ้ง กำลังจะพูดสวนออกไป ถังเฉากลับส่ายศีรษะ
ภายใต้เสียงเพลงที่อ่อนโยน ถังเฉาโอบที่เอวของฟางหย่าเบา ๆ ให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
ฟางหย่าดาวงตาเบิกกว้าง สัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของบุรุษได้ชัดเจน ทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าแดงก่ำ เกร็งไปทั้งตัว
แต่ว่า มือของถังเฉารู้ถึงความพอเหมาะพอควร ไม่ได้ล่วงเกินจนเลยเถิด เห็นได้ถึงมารยาทและการวางตัวในสังคม ฟางหย่าถอนหายใจผ่อนคลายในทันที แต่แอบผิดหวังเล็กน้อย
ข้างล่างฟรอร์เต้นรำ มีสายตาที่จับจ้องไปที่ถังเฉากับฟางหย่าด้วยแววตาเกลียดชังแกมโมโห
นั่นก็คือเหวินเหวยเฉิน
ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว โกรธจนตัวสั่น
ผู้ชายคนหนึ่งเดินไปเชิญผู้หญิงเต้นรำต่อหน้าผู้คนมากมาย เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาของเขา แต่ฟางหย่ากลับปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย!”
เรื่องมันก็พอทำเนา แต่เธอดันเป็นคนเชิญเจ้าไร้ประโยชน์นั่นเองโดยไร้สาเหตุ คนใจใหญ่ใจโตต้องเสียหน้าเช่นนี้ ทำให้เหวินเหวยเฉินยากเกินที่จะรับได้
“นางแพศยา—-”
เหวินเหวยเฉินโกรธมากจนวางตัวไม่ถูก เวลานี้ แขกเหรื่อที่มาในงานมีคู่เต้นเกือบทุกคน มีเขาที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียว
“พี่เหวยเฉิน ฉันผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้ฉันเถอะ” ด้านหลังมีเสียงของหลินฉ่ายเวยดังขึ้น
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด ทำให้เหวินเหวยเฉินไม่ยอมไปเต้นรำกับเธอ แต่ว่าเอ่ยปากขอโทษก่อนค่อยว่ากัน
มองดูหลินฉ่ายเวยยืนอยู่ด้านข้าง และหันไปมองฟางหย่าที่อยู่ในอ้อมแขนของถังเฉา นำทั้งสองมาเปรียบเทียบกับ ดั่งฟ้ากับดิน ยิ่งทำให้เหวินเหวยเฉินเดือดดาลขึ้นหลายเท่า
เขาเป็นถึงนายน้อยตระกูลเหวิน ไม่เคยได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนี้
แต่ว่าในเวลานี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เหวินเหวยเฉินปั้นหน้ายิ้ม พูดกับหลินฉ่ายเวยว่า “ฉ่ายเวย เรื่องเมื่อครู่ ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หลินฉ่ายเวยส่ายหน้ารัว ๆ พูดเบา ๆ ว่า “ขอเพียงแค่พี่เหวยเฉินยกโทษให้ ฉันยินดีทำทุกอย่าง”
เห็นหลินฉ่ายเวยเชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้ เหวินเหวยเฉินพลันคิดอะไรบางอย่างได้อย่างชาญฉลาด
ผู้หญิงคนนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปสามารถใช้ทำงานใหญ่ได้
“อย่าพูดเรื่องอื่นเลย พวกเราไปเต้นรำกัน”
เหวินเหวยเฉินโอบกอดหลินฉ่ายเวย จนหลินฉ่ายเวยตกอยู่ความครอบครองโดยสิ้นเฃิง
เห็นสายตาของเหวินเหวยเฉิน จ้องมองแต่คู่เต้นถังเฉากับฟางหย่า หลินฉ่ายเวยอดไม่ได้จนพูดขึ้นว่า “พี่เหวยเฉิน คุณวางใจได้ เจ้าไร้ประโยชน์นั่นเต้นรำเป็นที่ไหน รอดูพวกเขาแสดงเป็นตัวตลกก็แล้วกัน!”
ได้ยินคำพูดของหลินฉ่ายเวย เหวินเหวยเฉินรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เต้นบอลรูมแดนซ์ไปพลาง พร้อมกับเฝ้ารอดูถังเฉากลายเป็นตัวตลกในงาน
อีกด้านหนึ่ง ถังเฉาโอบเอวฟางหย่าไว้ เต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงที่รวดเร็ว ฟางหย่าเองก็เต้นตามจังหวะเท้าของเขา
ขณะเดียวกัน ฟางหย่าเงยหน้าขึ้นมองถังเฉา เห็นแต่เพียงดวงตาของถังเฉาหลับตาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แต่ร่างกายของเขา เหมือนดั่งสายลมที่พลิ้วไหว ล่องลอยไปตามสายลม ในสายตารอบข้างแล้ว การเต้นรำดูเป็น
ธรรมชาติมาก
ฟางหย่าประหลาดใจอย่างมาก พบว่าตนนั้นไม่สามารถเต้นตามจังหวะเท้าของถังเฉาได้ทัน
นี่คือสิ่งที่ถังเฉาบอกกับเขาว่าเต้นรำไม่เป็นงั้นเหรอ?
เหมือนกับถังเฉาจะสัมผัสอะไรได้บางอย่าง พูดเสียงราบเรียบ “ผมจะเต้นให้ช้าลง”
พูดจบ ลดความเร็วจังหวะเท้าเพื่อให้ฟางหย่าเต้นตามได้ทัน ร่างกายพลิ้วไปตามจังหวะเสียงเพลง เต้นรำเคียงคู่ไปพร้อมกับฟางหย่า
เสียงเพลงมาถึงช่วงพีค ถังเฉาหลับตาลง เหมือนดั่งร่างกายและจิตใจได้หลอมรวมไปกับเสียงเพลง
ฟางหย่าประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เบิกตากว้าง มองดูถังเฉาด้วยความพิศวง ภายใต้การกระตุ้นของเขา ฟางหย่าค่อย ๆ
เต้นตามจังหวะเสียงเพลงได้อย่างเหมาะสม
ผู้คนโดยรอบต่างก็หยุดเต้น ใช้สายตาตกตะลึงมองดูคู่เต้นฟางหย่ากับถังเฉาเต้นรำ
แสงสปอร์ตไลท์ในฟลอร์เต้นรำโฟกัส และส่องไปที่คู่เต้นฟางหย่ากับถังเฉา
หลินฉ่ายเวย เหวินเหวยเฉิน ซุนเสว่ ซ่งเทียนซาน ต่างเบิกตากว้าง ถึงแม้จะเป็นพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเต้น มองดูคู่เต้นฟางหย่ากับถังเฉาเต้นรำ
แสงเงาทอดกันสลับไปมา ประกอบจังหวะดนตรีช้าเร็ว ทุกคนมองเห็นแต่เพียงร่างของคนทั้งสองเต้นตามจังหวะสลับไปมาพลิ้วไหว แสดงท่วงท่าม้าสวรรค์เหินเวหา รอจนช่วงที่พวกเขารู้สึกตัว เสียงดนตรีก็ได้เข้าสู่เพลงต่อไปแล้ว ทั้งหมดนี้ เหมือนดั่งโลกแห่งความฝัน
เพลงแรกจบ ถังเฉาลืมตาขึ้น แน่นอนว่าต้องคลายมือออกจากเอวฟางหย่า เดินออกจากฟลอร์เต้นรำโดยไม่ลังเล เหมือนดั่งไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
ฟางหย่ายืนบนฟลอร์เต้นรำอยู่พักหนึ่ง ถึงคืนสติ เดินตามถังเฉา ซักถามว่า “จังหวะเต้นคุณเรียนมาจากที่ไหน? มีแต่กลุ่มราชวงศ์ชนชั้นสูงทางตะวันตกถึงจะสามารถเต้นเป็น!”
เมื่อครั้งฟางหย่าเรียนมหาวิทยาลัยชำนาญเป็นพิเศษก็คือจรรยามารยาท ดังนั้นจึงรู้เรื่องจำพวกนี้เป็นอย่างดี
ถังเฉายิ้มเล็กน้อย ไม่ยอมปริปากพูด
ในฐานะที่เป็นเทพสงคราม เขาจะมีความสามารถแค่จับปืนฆ่าฟันผู้คนได้อย่างไร ด้านอื่น ก็มีความสำคัญเช่นกัน
การเป็นทหารมาห้าปี เขาสำเร็จภารกิจลับที่ไม่อาจทำได้มาหลายครั้ง บางภารกิจในนั้นก็มีงานที่ต้องติดต่อเชื่อมสัมพันธ์กับชนชั้นสูงจากต่างประเทศ ไม่รู้จักการเต้นบอลรูมแดนซ์เป็นไปได้อย่างไร?
เขาเป็นเทพสงครามที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ และก็เป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพอ่อนโยน
จะแปลงร่างเป็นเทพสวรรค์หรือจอมมาร ต้องอยู่ที่ว่าคุณคือใคร
งานเต้นรำจบลง หลินฉ่ายเวย ซุนเสว่ และคนอื่น ๆ คืนสติกลับมา สีหน้าของทุกคนล้วนหมองคล้ำ เหมือนกับว่าถูกใครบางคนตบไปที่ใบหน้าอย่างดุดัน
เดิมทีคิดว่าถังเฉาเต้นรำไม่เป็น เฝ้าคอยให้เขามาที่ฟลอร์เต้นรำ คาดไม่ถึงว่าเขากลับเป็นดาวเด่นในการเต้นรำครั้งนี้
กลับมาที่งานเลี้ยงอีกครั้ง ทุกคนต่างก็แยกกันไปนั่งประจำที่ของตน
แน่นอนว่าถังเฉากลับไปนั่งเก้าอี้ทองคำอีกครั้ง สีหน้าราบเรียบ ท่วงท่าสง่างามไม่มีที่ท่าหวั่นไหว
เหวินเหวยเฉินเดินมาพร้อมกับซ่งเทียนซานและหลินฉ่ายเวย เห็นเก้าอี้ของตนเองถูกคนอื่นแย่งไปนั่งแล้ว สีหน้าถมึงทึงขึ้นทันที
“เจ้ากล้าดียังไงนั่งที่นั่งของข้า?”