บทที่ 144 มือที่สาม
คำว่าลักพาตัวผิดคนที่ซ่งเทียนซานพูดออกมา เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาตอนกลางวัน ฉางเว่ยงงไปหมด
“คุณว่าไงนะ ลักพาตัวผิดคนงั้นเหรอ”
เมื่อตั้งสติได้ ฉางเว่ยจึงย้อนถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คนทั้งคน จะลักพาตัวผิดได้ยังไงกัน
“ฉันอุตส่าห์ไว้ใจนาย แต่นายกลับลักพาตัวมาผิดคน! น่าโมโหจริงๆ…”
เสียงโมโหของซ่งเทียนดังออกมาทางโทรศัพท์ “ฉันต้องการหลินชิงเสว่ ถ้าไม่ใช่หลินชิงเสว่แล้วมันจะสนุกได้ยังไงล่ะ”
การได้ยินของถังเฉาพิเศษกว่าคนอื่น เขาได้ยินสิ่งที่ซ่งเทียนซานพูดในทันที จู่ๆ แววตาของเขาก็เย็นชาขึ้นมา
“ซ่งเทียนซาน ครั้งก่อนฉันไว้ชีวิตสถุนๆ ของแกไว้ แกยังมีจิตใจที่สกปรก คิดจะลักพาตัวชิงเสว่…”
ฉางเว่ยยังไม่รู้ว่าถังเฉาอยากฆ่าเขากับซ่งเทียนซานขึ้นมาแล้ว ฉางเว่ยไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
คิดย้อนไปตอนที่ถังเฉาเรียกชื่อ ‘จ้าวหยูน’ ไม่ใช่หลินชิงเสว่ ตอนแรกฉางเว่นคิดว่าถังเฉาจงใจทำให้เขาสับสน คิดไม่ถึงว่าจะลักพาตัวผิดคนจริง!
“พวกกระจอก…”
ฉางเว่ยโกรธจนมุมปากกระตุก แต่ทว่าคนที่ลักพาตัวหลินจ้าวหยูนมาก็ตายไปหมดแล้ว เขาก็เลยไม่สามารถระบายความโกรธกับพวกนั้นได้
แต่เมื่อคิดถึงท่าทางจริงจังของถังเฉา ฉางเว่ยจึงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณซ่ง อย่าเพิ่งตกใจไป ถึงจะเกิดความผิดพลาดนิดหน่อย แต่เรายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้”
“หมายความว่ายังไง”
ฉางเว่ยยิ้ม “ถึงจะใช่หรือไม่ใช่หลินชิงเสว่ พวกเธอก็เป็นคนสำคัญของถังเฉา ขอแค่เธออยู่ในมือเรา เขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งเทียนซานก็เริ่มคลายความโกรธ “นายพูดมีเหตุผล ผู้หญิงคนนี้หน้าตาเหมือนหลินชิงเสว่ น่าจะเป็นน้องสาวหรือไม่ก็พี่สาว”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
ฉางเว่ยยิ้มกว้างกว่าเดิม “ถึงจะไม่ใช่หลินชิงเสว่ แต่ก็เป็นสิ่งล้ำค่าเหมือนกัน อีกอย่าง เมื่อห้าปีก่อนหลินชิงเสว่ก็เสียความบริสุทธิ์ให้ไอ้สวะคนหนึ่งไปแล้ว เธอเป็นของมือสอง แต่สาวน้อยคนนี้ยังไร้มลทินไม่ว่ายังไงคุณซ่งก็มีแต่ได้กับได้”
ซ่งเทียนซานถูกใจคำพูดของฉางเว่ย “ฮ่าๆ นายนี่พูดเก่งจริงๆ ก็ดี ในเมื่อไม่ได้ลิ้มรสหลินชิงเสว่ ลิ้มรสน้องสาวของมันก็มันเลวเหมือนกัน!”
เมื่อวางสายลง สีหน้าของฉางเว่ยกลับมาเป็นปกติ เขาหัวเราะหึหึและมองถังเฉา “ฉันยอมรับว่าลักพาตัวมาผิดคน แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนิ มีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ถ้านายฆ่าฉัน นายก็จะไม่มีทางหาเธอเจอ”
ถังเฉาไม่มีท่าทีใด “นายมั่นใจขนาดนั้นเลย”
“แน่นอน”
ฉางเว่ยยิ้มกว้าง “ถ้านายไม่เชื่อก็ลองดู”
ตู้มมม
ทันใดนั้น ถังเฉาก็ประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเอามือบีบคอเขาอย่างแรง
ฉางเว่ยเบิกตาโพลง สีหน้าแดงก่ำ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดลมหายใจ
แต่ทว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขายังคงกระตุก
เขากำลังยิ้ม
ถึงจะถูกถังเฉาบีบคออยู่ แต่เหมือนกับเขากำลังบีบยาสีฟันอยู่อย่างไรอย่างนั้น บีบเอาคำพูดของฉางเว่ยออกมา
“ดูเหมือนว่านายจะตัดสินใจฆ่าฉันแล้วสินะ ฉันขอเตือนให้นายรีบฆ่าฉันซะ ไม่งั้นร่างกายของผู้หญิงคนนั้นจะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้แววตาของถังเฉายิ่งเย็นยะเยือก เขาเพิ่มแรงที่ฝ่ามือทีละนิด
“ใช่ ฆ่าฉันแบบนี้แหละ”
สีหน้าของฉางเว่ยค่อยๆ เปลี่ยนจากแดงเป็นม่วง จนเขาต้องแลบลิ้นออกมาเหมือนผีผูกคอ แต่ทว่าแววตาของเขากลับเป็นประกายแวววาว
“ถ้าฉันตาย..นายก็จะไม่มีทางเจอผู้หญิงคนนั้นอีก นายจะต้องจมอยู่กับการโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
“เห็นนายโมโห เจ็บปวด ฉันกับพ่อก็จะมีความสุข…”
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงเขาจะโมโหแค่ไหน แต่ก็ต้องคลายมือออกจากคอของฉางเว่ย
อากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอดของฉางเว่ยอีกครั้ง สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ เขายิ้มกว้างออกมาอีก
“ทำไมไม่ฆ่าฉันล่ะ การที่จะฆ่าฉันมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาย แต่นายไม่ทำ กำลังกลัวอยู่ใช่ไหมล่ะ”
เขามองถังเฉาแล้วหัวเราะหึหึ “นายกลัวว่าถ้าฆ่าฉันแล้ว จะไม่มีทางหาผู้หญิงคนนั้นเจอ”
ถังเฉาแววตาเคร่งขรึม เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
นี่คือจุดที่เขากลัวมากที่สุด ระหว่างทางเขาให้เฟิ่งหวงสืบดูแล้ว แต่ทว่ายังไม่มีข่าวอะไรเลย
“บอกมา แกต้องการอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ฉางเว่ยฉีกยิ้ม “ง่ายมาก ครั้งนี้ถือว่าฉันซวย ฉันต้องรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง”
ถังเฉารีบถอยหลังออกไป “เป้าหมายของนายคือฉัน ไม่เกี่ยวกับจ้าวหยูน เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ถ้านายปล่อยเธอ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ”
ถังเฉาพูดประโยคนั้นออกมาจากใจ ตอนนี้เขาต้องการแค่พาหลินจ้าวหยูนกลับไปอย่างปลอดภัย สำหรับคนกระจอกอย่างฉางเว่ย ถึงแม้จะพูดยาก แต่เขาก็ไม่ได้เอามันมาใส่ใจ
แต่ฉางเว่ยกลับพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นายคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของนายหรือไง ถ้าฉันส่งตัวเธอให้นาย มันก็คือจุดจบของฉันน่ะสิ”
“งั้นนายจะเอายังไง!”
ความอดทนในแววตาของถังเฉาค่อยๆ หายไป ถ้าบีบบังคับเขาจนถึงที่สุด เขาจะให้ทหารกว่าแสนนายปฏิบัติการปูพรมค้นหา!
ฉางเว่ยดูออกว่าถังเฉาใกล้จะหมดความอดทนแล้ว เขาจึงไม่รีรอและพูดออกมาว่า “ปล่อยฉันไป เมื่อฉันรู้สึกปลอดภัยแล้ว ฉันจะคืนผู้หญิงคนนั้นให้นาย”
ตอนนี้เหตุการณ์กลับตาลปัตร ก่อนหน้านี้เขาใช้หลินจ้าวหยูนเป็นเครื่องต่อรองกับถังเฉา แต่ตอนนี้เขาใช้เธอเป็นเครื่องต่อรองในการมีชีวิตอยู่
“นายไปเถอะ”
ถังเฉาพยักหน้า และรักษาระยะห่างกับฉางเว่ย “หวังว่านายจะทำตามสัญญา”
ฉางเว่ยมองถังเฉาอย่างหวาดระแวงจนเขาเดินลงมาข้างล่างและเข้ามาในรถ เขาจึงจะวางใจ
เมื่อสตาร์ทรถ ฉางเว่ยก็แสยะยิ้มออกมา “จะให้ฉันปล่อยเธอเหรอ ฝันไปเถอะ พรุ่งนี้รอรับศพผู้หญิงคนนั้นได้เลย!”
แต่สิ่งที่ฉางเว่ยคิดไม่ถึงก็คือร่างของถังเฉาก็หายไปจากโรงงานร้างเช่นกัน
……
ขณะเดียวกันที่คฤหาสน์นอกเมือง
อาคารสามชั้น มีเพียงแค่ชั้นแรกที่มีไฟสว่างอยู่ และหลินจ้าวหยูนถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ในห้องนั้น ปากก็โดนเทปกาวปิดเอาไว้
เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ หญิงสาวมองผู้ชายที่ไม่รู้จักตรงหน้าด้วยแววตาหวาดกลัว ตัวของเธอสั่นเทา
ข้างเตียงยังมีกล้องวิดีโอวางอยู่เพื่อใช้บันทึก
ซ่งเทียนซานเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย เขามองหลินจ้าวหยูนที่นอนตะแคงอยู่บนเตียง แววตาของเขาเร่าร้อนขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่หลินชิงเสว่ แต่ทว่าหน้าตาเหมือนหลินชิงเสว่เป็นอย่างมาก แถมยังเด็กและสดใสกว่าอีกด้วย
แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยออกมาจากตัวของหลินจ้าวหยูน เธอยังบริสุทธิ์
“อะไรที่สูญเสียไป อาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้…”
ซ่งเทียนซานมองหลินจ้าวหยูนด้วยสายตาเร่าร้อน เขากดบันทึกวิดีโอ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปบนเตียงโดยไม่สนใจแววตาที่หวาดกลัวของเธอ
“ฉันมาแล้วสาวน้อย”
“อื้อออ”
หลินจ้าวหยูนเบิกตาโพลง เธอดิ้นไปมาอย่างรุนแรง แต่ทว่าแขนและขาของเธอถูกมัดเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้
เมื่อนึกถึงว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอจะต้องแปดเปื้อน เธอหลับตาปี๋ น้ำตาหยดใหญ่ไหลลงมา
ฟิ้ววว
ทันใดนั้น มีดอันแหลมคมลอยเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงตึงดังขึ้น มีดเล่มนั้นปักอยู่ตรงกำแพงบนหัวของซ่งเทียนซาน
มีดเล่มนั้นห่างจากหัวของเขาเพียงแค่นิ้วเดียวเท่านั้น
ตอนที่เขากำลังจะถอดเสื้อของหลินจ้าวหยูน เขาตกใจจนหัวใจจะวายตายตรงนั้น
เขาหันขวับไปอย่างรวดเร็ว เห็นผ้าม่านโบกสะบัดไปตามแรงลม ผู้หญิงสวมชุดเดรสรัดรูปยืนอยู่ที่หน้าต่างและมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เธอเล่นมีดอันแหลมคมที่อยู่ในมือ เธอหมุนมันจนเกิดเงารูปดอกไม้อันแสนงดงาม