บทที่ 147 แอบถ่าย
ที่หน้าประตูบ้านตระกูลซ่งถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงอ้าปากค้าง และสูดหายใจเฮือก
ทุกคนคิดว่าคนที่จะโดนจัดการคือถังเฉา แต่ทว่าคนที่โดนจัดการกลับเป็นหวางเยี่ย
กำแพงแตกกระจาย บอดี้การ์ดของตระกูลหวางได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป
ตอนนี้หวางเยี่ยเหมือนกับคุกกี้สอดไส้ เขาโดนทับจนเกือบจะแบนแล้ว
ไม่มีใครสงสัยเลยว่า ถ้าเฟิ่งหวงใช้แรงมากกว่านี้ หวางเยี่ยคงจะโดนเตะตาย
เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา สีหน้าซีดเผือดเป็นอย่างมาก เขามองถังเฉาด้วยแววตาที่ทั้งโกรธและกลัว “กะ..แกให้บอดี้การ์ดของแกทำแบบนี้ต่อหน้าของทุกคน ที่นี่คือตระกูลซ่งนะ”
ถังเฉาแสยะยิ้ม “ตระกูลซ่งแล้วไง ฉันจะทำให้ที่นี่ราบเป็นหน้ากลอง พวกเขาจะทำอะไรฉันได้”
คำพูดของถังเฉายโสโอหังอย่างมาก หวางเยี่ยอึ้งไป จ้าวเชียนจูนกับตัวแทนของตระกูลอื่นต่างพากันมองไปที่ถังเฉาอย่างตกตะลึง
ในความคิดของพวกเขา เมื่อถังเฉาเจอตระกูลซ่ง เขาต้องทำตัวเหมือนหนูเจอแมวไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมเขาดูไม่กลัวอะไรเลย
“ตระกูลซ่งเชิญพวกเรามา แกกล้ามาก่อเรื่องในตระกูลซ่ง แกตายแน่!”
หวางเยี่ยตั้งสติได้ เขามองถังเฉาด้วยแววตาเคียดแค้น จากนั้นจึงมองไปที่จ้าวเชียนจูน “พี่จ้าว รออะไรอยู่ล่ะ รีบจัดการไอ้สวะนี่เลย ผมอยากให้มันตาย!”
จ้าวเชียนจูนพยักหน้า เขามองถังเฉาด้วยสีหน้าเคียดแค้น “ฉันติดต่อสมาคมการต่อสู้แล้ว อีกไม่นานผู้มีฝีมือก็จะมาถึงที่นี่ แกอวดดีได้อีกไม่นานหรอก!”
“ทำไมต้องรอคนมีฝีมือของสมาคมการต่อสู้ ให้คนที่อยู่ตรงนี้ถ่มน้ำลายใส่มันทีละคน มันก็จมกองน้ำลายตายแล้ว!”
หวางเยี่ยแสยะยิ้ม “พ่อฉันอยู่ที่นี่ ผู้นำตระกูลจ้าวก็อยู่ที่นี่ อีกทั้งยังมีผู้นำตระกูลอื่นอีกด้วย พวกเขาถูกเชิญมาที่นี่ มันจะเอาอะไรมาสู้ฉัน!”
“เกิดอะไรขึ้น ใครกล้ามาก่อเรื่องในบ้านฉัน”
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงโมโหดังขึ้นมา จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมาก
ซ่งหมิงเวยพาบอดี้การ์ดเดินเข้ามาด้วยความโมโห
เมื่อเห็นว่าซ่งหมิงเวยเดินเข้ามา หวางเยี่ยกับจ้าวเชียนจูนก็แสยะยิ้ม พวกเขาชี้ไปยังถังเฉาแล้วพูดว่า “คุณชายซ่ง ไอ้สวะนี่กล้ามาก่อเรื่องในบ้านตระกูลซ่ง!”
จ้าวเชียนจูนพูดใส่ร้าย “อย่าปล่อยมันไปง่ายๆ นะครับ ทางที่ดีหักแขนขามันเลยครับ ให้มันเป็นขอทานไปตลอดชีวิต!”
จากนั้นซ่งหมิงเวยก็หันไปมองคนที่กำลังยิ้มอย่างถังเฉา ตาเขากระตุกขึ้นมาทันที ความโกรธบนใบหน้ามลายหายไปทันที
หวางเยี่ยยังไม่รู้ตัวว่าเรื่องน่าเศร้ากำลังจะเกิดขึ้นกับเขา แถมยังมองถังเฉาด้วยแววตาได้ใจ
“คุณชายซ่งออกมาด้วยตัวเอง แกตายแน่…”
เพียะ
ยังไม่ทันพูดจบ ซ่งหมิงเวยก็ตบหน้าหวางเยี่ยทันที เขาพูดด้วยความโมโหว่า “หุบปาก!”
เมื่อเห็นภาพนั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึง หวางเยี่ยงงไปหมด “คุณชายซ่งตบผมทำไมครับ ต้องตบมันไม่ใช่เหรอครับ”
“ฉันตบแกนั่นแหละ!”
สีหน้าของซ่งหมิงเวยเต็มไปด้วยความโมโห เขามองหวังเยี่ยด้วยความโกรธและตื่นตระหนก “แกนี่ตาบอดหรือไง กล้าดียังไงไปล่วงเกินคุณถัง ทำให้ฉันติดร่างแหไปด้วย ฉันฆ่าแกแน่!”
พูดจบ เขาก็ตบหวางเยี่ยไม่หยุด
ยิ่งตบ เขาก็ยิ่งตกใจและตื่นตระหนก
หลังจากที่เขาได้เป็นผู้จัดการของซ่งหรูอี้ ความสามารถของซ่งหมิงเวยได้รับการฝึกฝน และได้สัมผัสถึงเรื่องราวที่ปกติไม่เคยได้ยินมาก่อน
ช่วงนี้เมืองหมิงจูไม่ค่อยสงบ เรื่องแรกคือเรื่องบริษัทผลิตยาหงเทียนล้มละลาย อีกเรื่องก็คือเรื่องหลงเถิงกรุ๊ปเปลี่ยนประธานคนใหม่ ล้วนมีเงาของถังเฉาอยู่ในสองเรื่องดังกล่าว นี่ทำให้ซ่งหมิงเวยยิ่งแน่ใจว่าถังเฉาเป็นคนที่มีอำนาจ
“ยังไม่รีบขอโทษคุณถังอีก!”
หลังจากตบจนพอใจ ซ่งหมิงเวยก็พูดกับหวางเยี่ยอีกครั้ง
ใบหน้าของหวางเยี่ยบวมเป่ง เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งหมิงเวย หัวใจก็เต้นด้วยความโมโห
อีกฝ่ายเป็นแค่ไอ้สวะในตระกูลกระจอก ทำไมคุณชายซ่งต้องให้เขาขอโทษมันด้วย
“เร็วสิ!”
ซ่งหมิงเวยพูดด้วยความโกรธ “ถ้าแกไม่ขอโทษ ตระกูลหวางก็ไม่ต้องเข้าร่วมงานประชุมในคืนนี้!”
หวางเยี่ยกลัวขึ้นมาทันที เขารีบโค้งขอโทษ “ขอโทษครับคุณถัง”
ถ้าเรื่องนี้เป็นเหตุให้ตระกูลหวางถูกไล่ออกไป พ่อเขาต้องเอาเขาตายแน่
“กลับไปบอกหวางหมิ่นเหมิน ถ้าไม่อยากให้ตระกูลหวางย่อยยับ ก็ทำตัวให้ว่านอนสอนง่ายสักหน่อย!”
ถังเฉาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเฟิ่งหวง
ผู้นำของตระกูลต่างๆ เก็บความดูถูกดูแคลนเมื่อครู่ และมองแผ่นหลังของถังเฉาอย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
“คุณถัง…”
ซ่งหมิงเวยรีบวิ่งตามหลังถังเฉาไป “เดี๋ยวครับ คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ!”
“ทำไม แม้แต่นายก็จะมาขวางฉันงั้นเหรอ”
ถังเฉาถามด้วยสีหน้าเย็นชา
“ไม่ใช่ครับ…”
ซ่งหมิงเวยมองเฟิ่งหวงอย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มีท่าทีน่ากลัว เขาจึงพูดขึ้นเบาๆ ว่า “คืนนี้พี่สาวของผมจะจัดการประชุมด้านธุรกิจที่นี่ นักธุรกิจและคนในตระกูลชั้นนำในเมืองหมิงจูจะมาเข้าร่วมประชุมด้วย นักธุรกิจหรือตระกูลใดที่โดดเด่น อาจจะได้ร่วมมือกับตระกูลซ่ง!”
ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่ซ่งหมิงเวยยังไม่ได้พูดออกมา นั่นก็คือตอนนี้เขากำลังทำงานให้ทั้งถังเฉาและซ่งหรูอี้ การที่ทั้งสองคนพบกันคือสิ่งที่เขากลัวที่สุด
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “งั้นฉันยิ่งต้องเข้าร่วม”
พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าไปข้างใน
“คุณถัง คุณทำแบบนี้ผมก็แย่สิ…”
เฟิ่งหวงไม่ได้หันกลับมามองซ่งหมิงเวยด้วยแววตาน่ากลัว
แค่แววตาของเธอก็ทำให้เขายืนชะงักอยู่ที่เดิม
ราวกับว่าถังเฉาเดาความกังวลของซ่งหมิงเวยได้ เขาหันไปยิ้มให้ซ่งหมิงเวย “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากไปด้วย พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันไม่ใช่เหรอ”
พูดจบ เขาก็ยื่นซองยาแก้พิษสีขาวให้ซ่งหมิงเวย
ซ่งหมิงเวยรับมาอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็ยิ้มแหยๆ พูดแบบนั้นก็ไม่ผิด
แต่คืนนี้จะเป็นคืนที่ถังเฉากับพี่สาวนอกไส้ของเขาจะพบกันเป็นครั้งแรก จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ยังไม่รู้เลย!
ถังเฉาพาเฟิ่งหวงเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงของตระกูลซ่ง การที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยของเมืองหมิงจู ตระกูลซ่งจัดงานอย่างเอิกเกริก ห้องจัดงานเต็มไปด้วยความหรูหรา
ที่นั่งถูกนั่งจนเต็ม ทุกที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจและตัวแทนของตระกูลต่างๆ
ถังเฉานั่งลงตรงที่นั่ง เฟิ่งหวงเก็บความอาฆาตของตัวเองเอาไว้ เธอนั่งอย่างสง่างามลงข้างถังเฉา
เมื่อเฟิ่งหวงไม่มีความอาฆาต เธอเหมือนไข่มุกที่สะดุดตาในค่ำคืนนี้ เธอโดดเด่นเป็นอย่างมาก
“คุณถัง?”
จู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมาจากข้างหลัง
ถังเฉาหันกลับไป เห็นฟางหย่าอยู่ในชุดราตรีสีดำ ในมือของเธอถือแก้วไวน์เอาไว้ และยืนยิ้มอยู่ข้างหลังเขา
“คุณฟาง”
สีหน้าของถังเฉาชะงักไปครู่หนึ่ง “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
“บริษัทตระกูลซ่งเชิญตระกูลและนักธุรกิจในเมืองหมิงจูมาเกือบทั้งหมด ฉันมาเป็นตัวแทนของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป”
ขณะที่ถังเฉากำลังนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต ฟางหย่ากลับไม่พูดถึงเรื่องในคืนนั้นสักคำ เธอยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ฉันนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ”
ถังเฉารีบตอบ “ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ฟางหย่านั่งลงและยกแก้วไวน์ขึ้น
ถังเฉาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นไปชนกับแก้วของฟางหย่า
แชะ!
ขณะนั้นเอง แสงไฟข้างหลังสว่างจนแสบตา จากนั้นก็มีเสียงแฟลชดังขึ้น
ถังเฉากับฟางหย่าหันกลับไปด้วยความสงสัย ซุนเสว่ถือมือถือวิ่งเข้ามาจากมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง เธอชี้มายังทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ครั้งนี้คงจะไม่มีอะไรจะพูดแล้วสินะ การกระทำของชู้รักโดนฉันจับได้แล้ว รองประธานของบริษัทดังแห่งหนึ่งแอบเลี้ยงต้อย พรุ่งนี้พาดหัวข่าวคงจะน่าสนใจเป็นอย่างมาก”