บทที่ 159 นกตื่นธนู
คำพูดของสวีเลี่ยง ทำใำห้หลินชิงเสว่นั้นดูประหลาดใจ ถังเฉาก็เช่นกัน ดวงตาของเขาดูมืดมนลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าสายตาของคนๆนี้ที่มองไปที่หลิชิงเสว่นั้นมันผิดแปลกไม่ถูกต้องแต่ยังไม่มีหลักฐานอะไร จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา อีกทั้งยังได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับถังชิงเหอแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร
แต่ตอนนี้ ยังกล้าจะมายุ่งกับภรรยาของเขาอีก รนหาที่ตายชัดๆ
หลินชิงเสว่เองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะถึงขึ้นนี้ แสงสว่างวาบในดวงตา หล่อนถามอย่างเรียบเฉยว่า “ไหนลองบอกเหตุผลมาหน่อยสิ”
สวีเลี่ยงที่เตรียมตัวมากอย่างดี พูดอย่าใจเย็นว่า “แม้ว่าประธานหลินจะไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง แต่ว่าอะไรที่ดีและร้อนแรงมากกว่าดาราหลายๆคนด้วยซ้ำ ผมได้ยินมาว่า คุณเป็นที่รู้จักในฐานะประธาน‘ซานสุ่ย’ในเมืองหมิงจูนี้อีกด้วย”
แม้ว่าสวีเลี่ยงจะกล่าวชมหลินชิงเสว่มากมายนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้หล่อนขยับใบหน้าแต่อย่างใด ใบหน้ายังคงเรียบเฉยและพูดว่า “แล้วไง?”
“เราสามารถใช้ลูกเล่นนี้เพื่อหลอกลวงความสนใจของผู้ชม ในแง่หนึ่ง
ชื่อเสียงของคุณยิ่งใหญ่กว่าผลงานอันมีชื่อเสียงของถังชิงเหอเสียอีก แนวทางสองทางนี้ ถ้าไม่ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทดังมีชื่อเสียง ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!”
เขาพูดถูก หลินชิงเสว่นั้นโดนทำให้สนใจได้เล็กน้อย หากเป็นผลิตภัณฑ์ทั่วไป คงไม่จำเป็นที่จะต้องมาโปรโมตเป็นการส่วนตัว แต่ผลิตภัณฑ์นี้ถือว่าเป็นปัจจัยยังชีพของลูกสาว มันเป็นงานหนักมาก ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา…
หลังจากที่ลังเล หลินชิงเสว่ส่ายหัวและปฏิเสธไปว่า “ช่างมันเถอะ ฉันแต่งงานแล้ว”
สวีเลี่ยงมองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยความตะลึง “ประธานหลินอายุน้อยขนาดนี้ คุณแต่งงานแล้วจริงๆเหรอ?”
หลินชิงเสว่พยักหน้าอย่างสงบ
สวีเลี่ยงยังคงไม่ยอมแพ้ “แต่งงานแล้วก็ไม่เป็นไรนะครับ เราถ่ายกันไม่กี่ช็อตเอง เราจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการขายนี้กับคุณเอง แม้แต่ชิงเหอก็จะช่วยเหลือด้วย คุณจะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆเหรอครับ?”
ภายใต้คำชักชวนของ หสวีเลี่ยงลินชิงเสว่หันหน้าไปหาถังเฉา ทันใดนั้นหล่อนก็ยิ้มที่มุมปาก พยักหน้า “ก็ได้ แต่ฉันจะไม่ออกกล้องเยอะนะ”
ถังเฉาตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าหลินชิงเสว่จะเห็นด้วย แม่เมื่อมองไปที่แววตาของหลินชิงเสว่นั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่าง มุมตาของเขากระตุกอย่างแรง
ผู้หญิงคนนี้นี่ แค้นฝังลึกมาๆ….
สวีเลี่ยงเปลี่ยนไปตื่นเต้นทันที พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณประธานหลินที่ให้ความร่วมมือครับ ผมจะแนะนำนักแสดงชายให้รู้จัก ชิงเหอเองก็น่าจะรู้จัก”
จากนั้นเขาก็ไปข้างนอกพร้อมกับกวักมือเรียก “เข้ามา”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มผิวขาวที่มีออร่าความหล่อก็เดินเข้ามา มองไปที่ถังชิงด้วยรอยยิ้ม ความชื่นชมในสายตานั้นไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเขามองไปเห็นหลินชิงเสว่ที่อยู่อีกด้าน แววตาของเขานั้นดูตกตะลึง จากนั้นดวงตาของเขาก็ร้อนนขึ้น “คนนี้คือใคร?”
สวีเลี่ยง ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คนนี้คือประธานของลี่จิงกรุ๊ป คุณหลิน เธอตกลงทำตามคำขอของเราและมาแสดงความเป็นมิตร”
ทันทีที่พูดออกมา ชายผิวขาวคนนั้นก็ตื่นเต้นในทันที “ผมชื่อต่งวี่ซู่ เป็นนักแสดงสังกัดของบริษัทการบันเทิงฮุยหวงเช่นกันครับ”หลินชิงเสว่พยักหน้า หล่อนเองก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แล้วก็รู้ด้วยความเขาเป็นไอดอลยอดนิยมอยู่ อีกทั้งยังเป็นศิลปินอันดับหนึ่งของบริษัทการบันเทิงฮุยหวงอีกด้วย
ถังชิงขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “นายมาได้ยังไงกัน?”
“ผมมาที่นี่ ก็เพราะมาทำงานไง”
ต่งวี่ซู่ยิ้มและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณหลินขาดนักแสดงชายอยู่ ดังนั้นฉันจึงแนะนำตัวเอง โดยไม่ต้องการเงินสักบาท”
ใบหน้าของชิงเหอนั้นดูน่าเกียจ แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของต่งวี่ซู่นั้นมองไปที่ชิงเหอะและหลินชิงเสว่ ฉากจูบเปลี่ยนเป็นแค่ฉากสัมผัสโดนตัวเท่านั้น และมีการแสดงอย่างเป็นกันเองโดยประธานหลินแห่งซานสุ่ยนั้น ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงชายนั้น ก็ถือว่าเป็นชายที่โชคดีเสียจริง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นมา
“ขอโทษที นายมาช้าเกินไป เรามีนักแสดงชายพร้อมแล้ว”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนยกเว้นหลินชิงเสว่ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หันหลังกลับไปมองที่ถังเฉา
หลังจากนั้นก็ยืนขึ้นช้ามาตรงหน้าของต่งวี่ซู่ พร้อมกับพูดว่า “อีกอย่าง ฉากจูบทั้งหมดเองก็โดนลบทิ้งไปหมดแล้ว”
ทุกคนมองไปที่ถังเฉาด้วยความตกตะลึง หากไม่ใช่เพราะสิ่งที่เขาเพิ่งพูดล่ะก็ ทุกคนคงคิดว่าเขาเป็นคนใสใสซะแล้ว
ในไม่ช้า สติของถังชิงเหอก็กลับมา มองไปที่ถังเฉาอย่างกล่าวขอบคุณ หลินชิงเสว่เองก็ยิ้มอย่างมีความหมายออกมา
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าสวีเลี่ยงและต่งวี่ซู่นั้น กลับดูหม่นหมองซะเหลือเกิน
“แกเป็นใคร มีหน้าที่อะไรมาพูดกัน?ไสหัวออกไปซะ!”
มุมปากของถังเฉานั้นฉายแววความขี้เล่นออกมา “นี่นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันเป็นใคร นายนี่มันไม่มีคุณสมบัติิสำหรับฉากนี้เลยจริงๆ”
แต่ขณะที่พูด เขาก็เหลือบตาไปมองหลินชิงเสว่จากด้านหลังและพบว่าใบหน้าที่เย็นชาของเธอตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
แท้จริงแล้ว…
เธอพยายามล้างแค้นให้ตนที่คุยกับซ่งหรูอี้เมื่อคืนนี้ จึงตอบตกลงที่จะแสดงไป เธอดำไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้า
ต่งวี่ซู่โกรธในทันที มองไปที่สวีเลี่ยง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
สวีเลี่ยงไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการของถังชิงเหอ แต่เขายังเป็นผู้จัดการของต่งวี่ซู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงโกรธมาก
แต่เขาไม่ได้โกรธ เดินช้าๆเข้ามาหาถังเฉาและพูดน้ำเสียงต่ำว่า “แกเป็นใคร ฉันแนะนำว่าอย่าทำตัวเหลวไหลมากนัก อย่าทิ้งชีวิตตัวเอง แกไม่รู้ด้วยซ้ำ…”
เขาคิดว่าถังเฉาจะกลัวเรื่องนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าถังเฉาจะลดเสียง และพูดราวกับเขาได้ยินเรื่องตลกและพูดอย่างขี้เล่นว่า “กลับไปบอกหวางหมิ่นเหมินว่า ทำตัวดีดีหน่อย ตระกูลหวางจะมีชีวิตที่ดีอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ถ้าวันไหนฉันหมดความอดทนล่ะก็ ฉันจะไปบ้านของตระกูลหวาง และเรื่องมันก็คงไม่ได้จบด้วยดีแน่”
“…..”
ทันทีที่พูดสิ่งนี้ หรูม่านตาของสวีเลี่ยงก็ขยายใหญ่ขึ้น สายตาที่มองถังเฉากลายเป็นหวาดกลัว
เขารู้จักบอสใหญ่จริงๆงั้นเหรอนี่?!
แต่ในไม่ช้า ความคิดนี้ก็ถูกยกเลิกไป เขาเยาะเย้ยว่า “นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายไปได้ยินชื่อมาจากไหนแล้วก็เอามาปลอบแปลงใช้เอา? คนตัวเล็ก ๆ อย่างนายจะเห็นปรมาจารย์ตระกูลหวางได้อย่างไรกัน?”
ถังเฉาไม่ได้โกรธอะไร เขาเอาหัวของสวีเลี่ยงมากอด แล้วพูดว่า “งั้นคุณช่วยผมไปบอกต่งวี่ซู่หน่อยว่า ตระกูลซ่งได้ตายไปแล้ว ตระกูลต่งก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
พรึ่บ–
ถ้าพูดแค่ประโยคก่อนหน้า ก็อาจจะแค่ทำให้สวีเลี่ยงกลัว แต่ประโยคที่สอง
ทำให้เขาตกใจมากจนขาอ่อนแรงและนั่งลงบนพื้นอย่างเขินอาย
ต่งวี่ซู่เป็นสมาชิกของตระกูลต่ง มีเพียงแค่เขาและหวางเหวินหมิ่นเท่านั้นที่รู้ความลับนี้ เด็กคนนี้—จะไปรู้ได้ยังไง?
และยังตระกูลซ่งอีก?
ตระกูลซ่งที่เป็นสี่ราชาที่ร่ำรวยงั้นเหรอ จะตายได้อย่างไรกัน?
ขณะนี้เอง ต่งวี่ซู่เดินมาที่ด้านข้างของสวีเลี่ยง “พี่เลี่ยง พี่เป็นอะไร รีบมาช่วยฉันสิ”
“รีบมา!”
สวีเลี่ยงคว้าแขนของต่งวี่ซู่ วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหนูที่เจอแมว
เมื่อมองไปที่ทั้งสองคนที่หนีไปเหมือนหนู ดวงตาของถังชิงเหอก็เบิกกว้าง
เมื่อกี้ต่งวี่ซู่เพิ่งจะทำตัวก้าวร้าวอยู่เลย ทำไมตอนนี้วิ่งหนีไปแล้วล่ะ?
เธอมองไปที่ถังเฉาและถามอย่างสงสัย “คุณพูดอะไรกับพวกเขางั้นเหรอ?”
ถังเฉายิ้มและส่ายหัว “ความลับ”