บทที่ 163 ราวกับเห็นเทพ
เมื่อเห็นคนที่มาอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนในตระกูลซุนตกใจ
ดวงตาของซุนยู่เฟิงเบิกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ พูดว่า “ทำไมลูกสาวของคุณถึงยังดีๆอยู่?”
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณอยากจะให้ลูกสาวผมเกิดเรื่องนะ”
ทุกคนในตระกูลได้แต่มองหน้ากัน ผู้นำสั่งซุนหมิงเทาให้ไปชนลูกสาวของเขาแล้วนี่ ตามหลักแล้ว ลูกสาวของเขาน่าจะถูกชนจนพิการแล้วถึงจะถูก ทำไมถังเสี่ยวลี้ถึงยังไม่เป็นอะไรสักนิด?
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลซุนรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยพุ่งขึ้นมา
จู่ๆซุนยู่เฟิงดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ รูม่านตาหดลง จ้องถังเฉาด้วยความโกรธแล้วตะโกนถาม “หมิงเทาหล่ะ?!”
คนที่ไปชนไม่กลับมา แต่คนที่ถูกชนกลับมาหาถึงหน้าประตูแทน ทำให้ซุนยู่เฟิงไม่สบายใจอย่างมาก
ถังเฉากวาดสายตามองไปทั่วด้วยความเย็นชาพร้อมกับมองไปทางเฟิ่งหวง “เอาลูกชายของเขาคืนให้เขาเถอะ”
“ค่ะ”
ยกริมฝีปากขึ้นนิดๆ แล้วมองพวกเขาอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็เปิดท้ายรถ ซุนหมิงเทาที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนสุนัขที่ตาย โยนไปข้างหน้าของซุนยู่เฟิง
“ สุนัขแก่ ลูกชายคุณอยู่นี่!”
ครู่หนึ่ง คฤหาสน์ในตระกูลซุนเงียบสงัน ทุกคนก็อ้าปากตาค้างจ้องมองไปที่ซุนหมิงเทาที่กำลังคลานมากับพื้น กุมปากไว้โดยไม่รู้ตัว
ขณะนี้มีมีเสียงกรีดร้องที่เสียดแทงหัวใจ “หมิงเทา!”
หญิงสาวสวยที่ยังคงมีเสน่ห์พุ่งมาข้างกายซุนหมิงเทาอย่างไม่คิดชีวิต ยื่นมือกอดเขาไว้ น้ำตาไหลรินออกมา “ขาของลูก … เป็นอะไร!”
“แม่!”
ซุนหมิงเทาก็ร้องไห้ตาแดงและกอดผู้หญิงสวยไว้แน่น เสียงของเขาแหบแห้งและเจ็บปวด “ขาของผม ถูกล้อรถทับหักแล้ว!”
ตูม —-
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนในตระกูลซุน รวมทั้งซุนยู่เฟิง เหมือนถูกฟ้าผ่าจนสั่นสะเทือน
ทั้งๆที่ซุนหมิงเทาเป็นคนที่บดขยี้คนนั้น แต่ทำไมกลายเป็นเขาที่ถูกบดขยี้แทน?
เมื่อหญิงงามวัยกลางคนได้ยินดังนั้น เธอก็ทนไม่ไหว ดวงตาของเธอดำคล้ำ และเธอก็เป็นลมล้มลงไป
“รีบส่งเธอกลับห้อง!” ซุนยู่เฟิงพูดด้วยความตกใจและโกรธ
ตระกูลซุนทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่ดวงตาของถังเฉายังคงเย็นชา เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเขาจะไม่.0vjvoแม้แต่น้อย
ใบหน้าซุนยู่เฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ มองไปที่ถังเฉาแล้วตะโกนว่า “คุณทำอะไรกับซุนหมินเทากันแน่!”
“เขาคิดอยากจะลงมือกับลูกสาวเผม แน่นอนผมไม่มีทางให้เขาอยู่อย่างสบาย”
ดวงตาของถังเฉานิ่งสงบ พูดให้เข้าใจง่ายๆ “ไม่ฆ่าเขา ถือว่าเมตตาเขามากแล้ว”
“คุณ—-”
ซุนยู่เฟิงโกรธมาก แต่ว่าพอเห็นเฟิงหวงที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาก็ไม่กล้าที่จะผลีผลาม
“ พ่อ เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะนี้ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากในบ้าน
ซุนเสว่เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลหนาๆ วินาทีที่เธอเห็นถังเฉาเธอก็ร้องเสียงกรี้ดออกมาทันที “ถังเฉา คุณนี่เอง!”
เธอพุ่งไปทางถังเฉาด้วยความโกรธ “คุณทำให้หน้าฉันเป็นแบบนี้ ยังกล้ามาที่บ้านตระกูลซุนอีก ฉันขอสู้ตาย!”
แต่ทว่าเดินไปเพียงก้าวเดียวเธอก็ไม่กล้าขยับ และยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
บนคอเธอมีมีดที่แหลมคมจ่ออยู่
เฟิ่งหวงราวกับปีศาจปรากฏตัวขึ้นที่ข้างหลังเธอ น้ำเสียงเยือยเย็น “เดินอีกก้าว ตาย!”
อึก —-
ทันใดนั้นซุนเสว่ไม่กล้าขยับอีก กลืนน้ำลงคออึกใหญ่ หันศีรษะกลับไปหาซุนยู่เฟิง “พ่อช่วยฉันด้วย … ”
ฉากนี้ ยิ่งทำให้ซุนยู่เฟิงสะเทือน สีหน้ายิ่งโมโหโกรธ “ถังเฉา คุณอย่าคิดว่าคุณมีองครักษ์เก่งกาจหน่อยก็จะสามารถทำตามอำเภอใจได้นะ!”
“ งั้นตระกูลซุนของพวกคุณก็สามารถทำตามอำเภอใจได้สินะ?”
น้ำเสียงของถังเฉาเย็นชาสุดๆ “เป็นเพียงแค่ตระกูลชั้นกลางเท่านั้น ยังกล้ามาลงมือกับลูกสาวผม ใจกล้ามากนะ!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด แรงสังหารก็แผ่กระจายออกมา ซุนยู่เฟิงตกใจกลัวกับแรงอาฆาตนี้จนถอยไปสามก้าว ทั้งตัวเย็นราวกับถ้ำน้ำแข็ง
“ หมิงเทาถูกนายทำให้พิการแล้ว คุณยังจะทำอะไรอีก!” ซุนยู่เฟิงถามด้วยความโกรธ
“ถนนอยู่ต่อหน้าพวกคุณ จะอยู่หรือจะไปก็อยู่ที่คุณเลือก”
ซุนยู่เฟิงรู้อยู่แล้วว่า ทางเลือกที่ถังเฉาพูดหมายความว่าอะไร จะยอมแพ้หรือจะตาย!
ในขณะนี้ถังเสี่ยวลี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปที่ถังเฉาอย่างประหลาดใจ แล้วถามว่า “พ่อ ไม่ใช่ว่าจะพาหนูไปสวนสัตว์หรอ แล้วสัตว์ล่ะ?”
“เดี๋ยวก็มีแล้ว”
ต่อหน้าถังเสี่ยวลี้ถังเฉาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน น้ำเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวลี้ ขึ้นไปนั่งรออยู่ในรถก่อนนะ”
“ได้ค่ะ”
ตอนนี้ถังเฉายังไม่ได้ลงมือกับตระกูลซุน ดังนั้นถังเสี่ยวลี้จึงไม่ได้กลัว เดินไปที่รถอย่างว่าง่ายแล้วเล่นของเล่นไป
ซุนยู่เฟิงรู้ถึงอำนาจของถังเฉา แต่เขาก็ยังมีคนให้ท้าย “ถังเฉาคืนนั้นคุณก่อเรื่องที่บ้านตระกูลซ่ง คิดไม่ถึงว่าคุณยังมีชีวิตกลับไป ไม่เจียมตัวก็ช่างเถอะ แต่ถึงกับยังจะเป็นศัตรูกับตระกูลซุน ทำอะไรเกินตัว ไม่เจียมตัวจริงๆ! ”
“ ตระกูลซุนเราเป็นพันธมิตรทางการค้าของตระกูลซ่ง ถ้าตระกูลซ่งรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ คุณว่าพวกเราจะทำยังไง?”
ในความคิดของเขา เพียงแค่เขาเรียกคนจากตระกูลซ่งมา ถังเฉาก็ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
ถังเยิ้มอย่างประหลาด โดยไม่ได้พูดอะไร
ในวันที่ตระกูลซ่งพินาศ ตระกูลซุนเพราะสาเหตุที่ซุนเสว่เสียโฉม จึงเป็นคนแรกที่ออกมาจากเหตุการณ์นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบข่าวว่าตระกูลซ่งพินาศไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าถังเฉาไม่พูด ซุนยู่เฟิงก็คิดว่าเขากลัวและอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเข้าไปอีก “เสียใจแล้วสิ? สายไปแล้ว! ผมจะโทรหาตระกูลซ่งและขอให้พวกเขาส่งคนมีฝีมือมา”
ถังเฉาไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้ซุนยู่เฟิงโทรไป
“โทรสิ ถ้าคุณสามารถเรียกคนของตระกูลซ่งมาได้หนึ่งคน ผมถือว่าผมแพ้”
“ ฮึ่ม ความตายกำลังจะมาเยือนแล้วยังจะทำปากแข็ง!”
ซุนยู่เฟิงยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก แล้วโทรออก
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือไม่มีใครตอบรับ
ซุนยู่เฟิงไม่ยอมแพ้ โทรไปอีกหมายเลขหนึ่ง
ก็ยังไม่มีคนรับสาย
“น่าแปลก ทำไมไม่มีคนรับโทรศัพท์”
ซุนยู่เฟิงสงสัยและพึมพำกับตัวเอง แต่ถังเฉาและเฟิ่งหวงมองเขาเหมือนกำลังดูละคร
รู้สึกได้ถึงสายตาของถังเฉา ซุนยู่เฟิงเหมือนกับความสะเทือน โทรออกอีกหลายหมายเลขโดยไม่ยอมแพ้
หมายเลขพวกนี้ ล้วนอยู่ภายใต้บริษัทตระกูลซ่ง ไปมาหาสู่กับตระกูลซุนทางด้านธุรกิจ แต่ว่า กลับโทรไม่ติดสักสาย!
วินาทีนี้ เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากของซุนยู่เฟิง อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังเฉา
ดวงตาของเขาเย็นชา พร้อมกับสีหน้าที่เหมือนควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้หมด
เมื่อมองไปที่ตัวเลขในสมุดรายชื่อ ก็เหลือเพียงแค่บริษัทตระกูลซ่งที่สุดท้าย เขาตัดสินใจ กดโทรออก
ในตอนนี้ ซุนยู่เฟิงรู้สึกกดดันอย่างมากและเขาไม่รู้ว่าแรงกดดันนี้มาจากไหน
“ ฮัลโหล?”
ไม่นานโทรศัพท์ก็โทรติด และมีเสียงที่ไม่แยแสของชายคนหนึ่งดังขึ้น
แม้ว่าเสียงของเขาจะดูเฉยเมย แต่ซุนยู่เฟิงก็ยังคงเหมือนได้ยินเสียงเทวดา และความกดดันในร่างกายของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขารีบพูดว่า “ประธานจางใช่ไหมครับ?”
“ คุณเป็นใคร?” ประธานจางถามอย่างรำคาญ
“ ผมคือผู้นำตระกูลซุน ซุนยู่เฟิง ได้พบกับท่านในงานเลี้ยงของตระกูลซ่งเมื่อครั้งก่อน”
ประธานจางคนนี้เป็นแค่ผู้บริหารระดับกลางของบริษัทตระกูลซ่ง แต่ซุนยู่เฟิงก็ยังต้องพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ
ทำไงได้ ใครให้บริษัทตระกูลซ่งนี้มีอำนาจสูงสุดในตระกูลซ่ง เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดล่ะ?
“มีธุระรีบพูดมา ผมงานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจคุณ”
ซุนยู่เฟิงเก็บความโกรธไว้ในใจ พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “คืออย่างนี้ครับ ประธานจาง ตระกูลซุนเรามีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อย หวังว่าท่านจะมาสักครั้ง ตระกูลซุนเราจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง”
“ ปัญญาอ่อนจริงๆ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จัดการไม่ได้ มิน่าตระกูลซุนถึงได้อยู่ได้แค่ตำแหน่งระดับกลาง”
ประธานจางยิ้มเย้ยแล้ววางสาย
แม้ว่าจะโดนดูถูก แต่ซุนยู่เฟิงก็ยังคงยิ้มและพูดกับถังเฉาว่า “ผมเรียกคนจากบริษัทตระกูลซ่งมาแล้ว คุณห้ามไปไหน!”
“ไม่ต้องห่วง ก่อนที่เรื่องจะคลี่คลาย ผมจะไม่ไปไหน”
ถังเฉายิ้ม ก็ยังคงรอกับเฟิ่งหวงอยู่อย่างนั้น
ไม่นาน รถเบนซ์สีดำก็มาจอดที่หน้าบ้านตระกูลซุน ชายคนหนึ่งในชุดสูทและรองเท้าหนังก็เดินเข้ามา
เมื่อซุนยู่เฟิงเห็นดังนั้น เขาก็ทักทายเขาทันทีและชี้ไปที่ถังเฉาและพูดว่า “ประธานจาง ก็คือไอ้ขยะคนนี้ มาหาเรื่องกับคนตระกูลซุน!”
ประธานจางมองไปที่ถังเฉา วินาทีที่เห็นถังเฉา ทันใดนั้นตกใจจนขวัญหาย หันศีรษะกลับมา ถามด้วยเสียงทุ้ม “คุณแน่ใจนะว่าเป็นเขา?”
“ก็คือเขา ไม่ผิด!” ซุนยู่เฟิงพูดอย่างมั่นใจ
เพี้ยะ —-
วินาทีที่ซุนยู่เฟิงยืนยัน หนึ่งฝ่ามือของประธานจางตบไปที่หน้าเขา ตะโกนด่าว่า “สุนัขตาบอดอย่างคุณ แม้แต่คุณถังยังกล้าล่วงเกิน ประธานของพวกเราเคยสั่งเป็นการส่วนตัวว่า เห็นคุณถังก็เหมือนกับเห็นเขา!”