บทที่174 นำของคนอื่นเป็นของตนเอง
หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิง หลินเจิ้นสงและคนอื่น ๆก็มองไปในกระสอบ ทันใดนั้น ก็ตกใจกลัว
คนที่อยู่ในกระสอบนั้น ไม่ใช่ถังเฉา แต่กลับเป็นหลานของนายท่านเจิ้ง เจิ้งหลิน!
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”
โจวฉวนกั๋วใบหน้าสยองขวัญ: “แล้วไอ้สวะคนนั้นล่ะ?”
โจวเหม่ยหยูนดูเหมือนตกใจจนบื้อไปเลย ตัวสั่นเทา ยืนขึ้นหลบไปอยู่ข้างหลังหลินเจิ้นสง
ผู้คนในเหตุการณ์ มีเพียงหลินเจิ้นสงรู้บ้างเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย อีกทั้งยังหัวเราะออกมาครั้งหนึ่ง
โจวฉวนกั๋วมองไปทางหลินเจิ้นสงในทันที: “คุณหัวเราะอะไร รู้เรื่องบางอย่างมาใช่มั้ย?”
หลินเจิ้นสงส่ายหน้าทันที: “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ฉันเชื่อคำพูดประโยคที่ว่า คนที่ชอบดูถูกผู้อื่น ผู้อื่นก็มักดูถูกเขา คนที่เคารพผู้อื่น ผู้อื่นก็จะเคารพเขา”
“ตระกูลเจิ้งทำเรื่องไม่ดีไว้มาก ไม่ช้าก็เร็วต้องพบความล้มเหลวที่น่ากลัว ไม่แน่ว่าตระกูลเจิ้งอาจล่มสลายไปแล้ว ศพของเจิ้งหลินก็เป็นเครื่องยืนยันแล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้!”
โจวฉวนกั๋วใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นแทบจะล้มลง รีบหยิบมือถือออกมา โทรไปที่ตระกูลเจิ้ง
แต่ว่า เมื่อโทรไปแล้วกลับไม่มีใครรับสาย
“ผู้นำ รถคันเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนเป็นของตระกูลเย่”
ในตอนนั้น ลูกน้องของตระกูลโจวคนหนึ่งพูดจาแปลก ๆ
และหลังจากที่เขาพูดจบ ทั้งตระกูลโจวเข้าสู่สภาพเงียบงัน
สีหน้าโจวฉวนกั๋วน่าเกลียดสุดจะเปรียบ โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลิง เหล่าอนุทั้งหลายตกใจกลัวอย่างมาก
ทุกคนต่างนึกถึงภาพที่ เย่เทียนหลงเรียกถังเฉาด้วยความเคารพนับถือว่า คุณถังเฉา
“ที่จริงแล้วเป็นตระกูลเย่ที่ปกป้องไอ้สวะคนนั้น และฆ่าเจิ้งหลิน ทำลายตระกูลเจิ้ง!”
มีตระกูลเย่ลงมือ เรื่องทุกอย่างก็พูดได้สะดวกขึ้น เพียงแต่พวกเขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ถังเฉามีความสามารถอะไร ถึงได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเย่?
หลินฉ่ายเวยมีความสงสัย เธอรู้สึกว่า เรื่องราวไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น
“ท่านปู่ ในเมื่อถังเฉายังไม่ตาย พวกเราไปคุยกับเขาดีกว่า หยุดเรื่องบาดหมางกับเขา……”
หลินฉ่ายเวยพูดไม่ทันจบความ ถูกโจวเหม่ยหยูนตบเข้าอย่างจัง
ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความเจ็บแค้นและเย็นชา: “เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ไอ้สวะคนนั้นทำร้ายพวกเราหลายครั้ง ตอนนี้ยังจะช่วยเขาพูดอีก มีเพียงเขาตายไปเท่านั้น จึงจะดับความแค้นในใจของฉันได้!”
“ถูกต้อง”
โจวฉวนกั๋ว พูดด้วยท่าทางมั่นใจว่า: “หลักพึ่งพิงของตระกูลโจว ก็คือตระกูลต่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ แค่ตระกูลเย่เล็ก ๆ มีอะไรต้องกลัวเหรอ?”
“ยังมีเธออีก เธอต้องรีบแต่งเข้าตระกูลเหวินให้เร็วที่สุด”
เขามองไปที่หลินฉ่ายเวย: “จำเป็นต้องยืมอิทธิพลของตระกูลเหวิน ฉันไม่เชื่อ ความร่วมมือที่ทรงพลัง จะทำอะไรถังเฉาไม่ได้!”
โจวฉวนกั๋วพูดเช่นนี้ เดิมทีกลัวคนตระกูลโจว ทันใดนั้นก็สงบเงียบลง เผยรอยยิ้มราวกับมั่นใจในชัยชนะ
หลินเจิ้นสงนั่งตรงหัวมุมไม่พูดจา ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ค่อยพูดแก้ต่างให้ถังเฉา
ตั้งแต่รู้ข่าวเสี่ยวเฉามาบ้างนิดหน่อย เขาก็รู้ว่าตระกูลทั้งหมดในเมืองหมิงจู ทั้งหมดไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเสี่ยวเฉาได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นเพียงมุมเล็ก ๆ ของเสี่ยวเฉาเท่านั้น และคนพวกนี้ ยังหลงคิดที่จะจัดการกับเขาอีก ช่างไม่รู้จักที่ตาย
“ถูกแล้ว ครั้งก่อนให้พวกคุณสืบหาภรรยาของเด็กแสบคนนั้น หาพบแล้วหรือยัง?” จู่ ๆ โจวฉวนกั๋วก็ถามขึ้น
ทุกคนต่างพากันส่ายหัว มีเพียงหลินฉ่ายเวยครุ่นคิดถึงวันนั้น ซีอีโอแห่งสมาคมการค้าหงยิงเดินทางมากลุ่มปิงเจียง ทุกคนต่างถูกเชิญให้ออกไป เหลือเพียงถังเฉาและฟางหย่ารองประธานบริษัทลี่จิงกรุ๊ป
เธอพูดถึงเรื่องนี้ออกมา ทันใดนั้นโจวฉวนกั๋วตบมือหนึ่งที พูดด้วยความตื่นเต้น: “เยี่ยม ดูแล้วภรรยาของไอ้สวะนั้นก็คือประธานฟางแห่ง บริษัทลี่จิงกรุ๊ป ตระกูลเย่เห็นแก่หน้าของประธานฟาง จึงช่วยเหลือเจ้าสวะคนนั้นไว้!”
“เป็นไปได้ที่อาจจะชอบใบหน้าที่งดงามของประธานฟาง ไอ้สวะนั้นยังไม่รู้ว่าบนหัวตัวเอง ได้ถูกสวมเขาอันเบอเร่อ!” โจวเหม่ยหยูนคาดเดา
“เยี่ยม เหม่ยหยูน คุณมีเวลาว่าง ไปหาฟางหย่าแห่งบริษัทลี่จิงกรุ๊ปสักครั้ง ข่มขู่เธอให้เลิกลากับไอ้สวะนั่น ฉันจะหาเวลาไปตระกูลต่งสักครั้งหนึ่ง ขอให้ตระกูลต่งช่วยหาวิธีรับมือถังเฉา”
โจวฉวนกั๋วยิ้มอย่างเย็นชา: “ไม่มีฟางหย่าแล้ว ก็ไม่มีอำนาจจากที่ไหนช่วยเขาแล้ว ฉันจะให้เขาตายอย่างอนาถ!”
ตระกูลโจวยิ้มเยาะด้วยความสุขใจ
มีเพียงหลินฉ่ายเวยที่ไม่ได้หัวเราะ ใบหน้ามีความกังวล
เธอกังวลว่าท่านปู่ตัดสินใจอย่างนี้ เป็นการนำตระกูลโจวลงสู่ก้นเหวเสียมากกว่า อีกทั้งเธอเองก็ต้องรีบแต่งงานเข้าตระกูลเหวิน ยากที่ละหลีกเลี่ยงได้……
วันเวลาผ่านไป วันแล้ววันเล่า เรื่องการล่มสลายของตระกูลเจิ้ง แม้จะมีความพยายามปกปิดข่าวนี้ แต่ก็ยังถูกพวกตระกูลใหญ่รับรู้
ตระกูลต่งที่อาศัยอยู่แถบแม่น้ำหมิงจู มีบ้านตั้งเรียงรายทั้งสองฝั่ง ล้วนเป็นกิจการของตระกูลต่ง
หนึ่งในบ้านเหล่านั้น มีคนๆ หนึ่งสวมใส่ชุดนอนผ้าไหมสีฟ้าเว้าลึก ชายหนุ่มรูปงามมือถือไวน์แดงแก้วหนึ่ง ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่
ริมฝั่งแม่น้ำหมิงจูลมพัดแรงเสียงดังหวีดหวิว คลื่นลมพัดกระทบฝั่ง
จ้องมองเป็นเวลานาน จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงดัง
“ถังเฉา……ไอ้ถังเฉาตัวดี ฉันพูดว่า สามารถเป็นชายคู่หมั้นของซ่งหรูอี้ จะไม่มีความสามารถได้อย่างไร?”
“ฉันคิดว่าพวกเราคงจะได้พบกันในเร็ว ๆนี้”
ในเสียงหัวเราะนั้น ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด
ริมฝีปากแดงก่ำ ราวกับกำลังดื่มเลือดมนุษย์!
ชั้นบนสุดของอาคารกั๋วจี้ เสียงเคาะประตูห้องทำงานได้ดังขึ้น
“คุณถังอยู่ไหม มีพัสดุของท่าน”
ถังเฉารีบยืนขึ้น เปิดประตู
เห็นเพียงพนักงานส่งของ นำดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกออกมา: “ คุณถัง นี่คือดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกที่ท่านซื้อไว้”
“ขอบใจมาก”
เซ็นชื่อแล้ว ถังเฉามือถือดอกกุหลาบ เดินไปที่ห้องทำงานประธานกรรมการแห่งบริษัทลี่จิงกรุ๊ป
วันนี้สำหรับคนอื่นเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง แต่สำหรับถังเฉา ความสำคัญวันนี้กลับไม่ธรรมดา
เวลาครึ่งเดือนก็ครบกำหนดแล้ว และตระกูลหลวงในเยี่ยนตูก็ไม่ส่งใครมา วันนี้ เขาก็สามารถย้ายกลับไปอยู่กับภรรยาที่คฤหาสน์
จื่อหยวนได้แล้ว
คู่แต่งงานใหม่ ไม่พบกันหนึ่งวัน เหมือนจากกันสามฤดูใบไม้ร่วง ไม่ต้องพูดถึงหายหน้าไปร่วมครึ่งเดือน สำหรับถังเฉาแล้วระหว่างหลินชิงเสว่และถังเสี่ยวลี้ ก็ยิ่งทำให้คิดถึงมากยิ่งขึ้น
แต่ ถังเฉาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก คิดไปคิดมา ทำได้เพียงส่งดอกไม้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก—-
ถังเฉาเคาะประตูห้องประธานกรรมการ แต่คนที่เปิดประตูให้เขา กลับเป็นคนอื่น
“พี่เขย ?!”
หลินจ้าวหยูนมองไปที่ถังเฉาที่ปรากฏกายหน้าประตูด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ร้องด้วยความประหลาดใจ
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ถังเฉาตกตะลึง ถามแปลก ๆ ว่า: “เธอควรจะทำงานอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“วันนี้ฉันหยุดพัก ฮิฮิ”
หลินจ้าวหยูนชำเลืองมอง เห็นดอกกุหลาบในมือของถังเฉา ร้องตกใจอีกครั้ง: “ว้าว ดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก มอบให้ฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่……จะมอบให้พี่สาวของเธอ”
ท่าทีถังเฉาอึดอัดใจ มองดูรอบ ๆ ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของหลินชิงเสว่
“เธอไปไหนแล้ว?”
แววตาดีใจของหลินจ้าวหยูนครู่เดียวก็หายไป ความอ้างว้างกลับเข้ามาแทนที่ แต่ยังปั้นหน้ายิ้มพูดว่า: “พี่สาวเธอไปประชุม น่าจะใกล้เสร็จแล้วล่ะ”
“นั้นก็ดี อีกสักครู่เขาประชุมเสร็จ คุณก็ช่วยฉันส่งดอกไม้ให้เธอนางด้วยนะ” ถังเฉายื่นดอกไม้ให้หลินจ้าวหยูน
“รอเดี๋ยว—-”
หลินจ้าวหยูนเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถังเฉาเข้าในลิฟต์แล้ว
หลินจ้าวหยูนมองดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกในมือ สักครู่ก็รู้สึกสลดราวกับลูกบอลที่มีลมรั่วออก สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
หลังจากผ่านไปสิบนาที หลินชิงเสว่กลับมาจากประชุม เปิดประตูก็พบว่าหลินจ้าวหยูนถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ยืนอยู่หน้าออฟฟิศ
“ดอกกุหลาบนี้สวยจังเลย”
เธอยิ้มสักครั้ง พูดหยอกล้อว่า: “จ้าวหยูน เธอมีคนที่ชอบแล้ว?”
“พี่สาว ดอกไม้นี่—-”
หลินจ้าวหยูนกระวนกระวายจนใบหน้าแดงฉาน กำลังจะบอกความจริงออกมา
แต่ว่าคำพูดติดอยู่ในปาก จู่ๆ เธอก็ตะลึงงัน
มองดูใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นของหลินชิงเสว่กำลังรอให้เธอพูดคำต่อไป หลินจ้าวหยูเองก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็ตัดสินใจ โอบกอด ดอกกุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกนี้ เผยรอยยิ้มออกมา: “พี่สาวเธอพูดถูกแล้ว นี่ก็คือคนที่ฉันชอบส่งให้ฉัน”