เมื่อกำลังจะเริ่มถ่ายทำ ถังเฉากลับตะโกนออกมาทำให้การถ่ายทำหยุดชะงัก การกระทำนี้ทำให้ช่ายเหลียนไม่พอใจ
เขาทิ้งร่างบทละครไปให้ผู้ช่วย และเดินตรงไปหาถังเฉา ใช้สายตาที่ไม่พอใจมองไปที่ถังเฉา: “เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะ?”
ด้วยถังเฉาที่พูดแทรกขึ้นตอนการถ่ายทำ ทุกคนในกองถ่ายมองถังเฉาด้วยสีหน้าที่สงสัยรวมไปถึงถังชิงเหอและหลินชิงเสว่ด้วย
โดนทุกคนจ้องมองแบบนี้ ถังเฉาไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย และมีสีหน้าที่ปกติ: “ผมบอกว่า ความคิดของคุณมีปัญหา”
สีหน้าของข่ายเหลียนยิ่งมืดมนมากขึ้น และหายใจเข้าลึกๆ จ้องมองถังเฉาและพูดว่า: “คุณฟังให้ดีนะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหมายเลขหนึ่ง ความจริงแล้วภาพยนตร์ทั้งเรื่อง มีนักแสดงหลักแค่สองคน ก็คือถังชิงเหอและประธานหลิน คุณเป็นแค่ตัวประกอบนะ จะมีบทอะไรให้เล่นเยอะแยะละ?”
“การถ่ายภาพยนตร์คำนึงถึงความต่อเนื่อง มันไม่ง่ายอย่างที่คนนอกวงการอย่างคุณที่จะเข้าใจ ถ้าเสียงพูดของนายทำให้การถ่ายทำหยุดชะงัก อาจจะพลาดช่วงเวลาที่มีสติมากที่สุดไป ทำให้ผลงานการแสดงออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเป็นแบบนี้ คุณว่าคุณรับผิดชอบไหวหรือ?”
ถ้าเป็นคนทั่วไป โดนช่ายเหลียนด่าเขาคงตกใจไปแล้ว แต่ถังเฉาไม่เพียงไม่โกรธ แถมยังยิ้มออกมา: “คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นมั้ง ผมแค่เสนอคำแนะนำนะ”
“นายยังเล่นละครไม่เป็นเลย จะมาแนะนำอะไร?”
ขณะนี้ ทางด้านหลังมีเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความเสียดสีลอยมา
ทุกคนหันกลับไปมอง เห็นต่งวี่ซู่ที่สองมืออยู่ในกระเป๋ากางเกง เดินมาอย่างช้าๆ
ถังชิงเหอดูต่อไปไม่ไหวแล้ว และช่วยพูดให้ถังเฉา: “คุณยังไม่เข้าใจคนอื่นเขาเลย จะรู้ได้ไงว่าเขาเล่นละครไม่เป็น?”
“เขาเป็นคนที่ต่ำที่จุด จะแสดงละครเป็นได้ไง?”
ต่งวี่ซู่พูดด้วยความเสียดสีว่า: “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขารู้จักกับประธานหลิน เขาคงไม่มาอยู่ที่นี้หรอก”
สักพักหัวเราะและพูดต่อว่า: “แต่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
หลินชิงเสว่มองต่งวี่ซู่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา: “บริษัทลี่จิงกรุ๊ปของฉันจะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”
ต่งวี่ซู่คิดว่าหลินชิงเสว่ยังไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับบริษัทลี่จิงกรุ๊ป เขาปรากฏสีหน้าที่เสียดสียิ่งขึ้น
ถังเฉามองเขาด้วยแววตาที่เย็นชา ตอนแรกถังเฉาคิดว่าจะจัดการกับต่งอี้สิงคนเดียวและให้ตระกูลต่งรอดต่อไป แต่ตอนนี้ เขาเมตตาเกิดไปแล้ว
“ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนต่งอี้สิงก็อย่ามาหาเรื่องฉัน” ถังเฉาพูดอย่างเย็นชา
พลังที่แฝงอยู่ในตัวของถังเฉาทำให้ต่งวี่ซู่เกิดความเกรงกลัว
สวีเลี่ยงออกมาพูดกับต่งวี่ซู่ว่า: “วี่ซู่นายมีฐานะอะไร เขามีฐานะอะไร เขาจะเหมาะสมที่จะคุยกับนายได้อย่างไร อย่าไปถือสาเขาเลย”
ต่งวี่ซู่ไม่พอใจ พูดไปด่าไปและเดินออกไปจากสถานที่ถ่ายทำ
เขาตัดสินใจว่าจะออกไปเดินเล่น แล้วค่อยกลับมาดูการถ่ายทำว่าเป็นอย่างไงบ้าง
ช่ายเหลียนมองถังเฉาด้วยความเย็นชา เมื่อกี้รายละเอียดที่คุยกับต่งวี่ซู่ เขาได้ยินหมดแล้ว เขาก็เลยเกิดความไม่พอใจหลินชิงเสว่นิดหน่อย
ถ้าไม่มีความสามารถก็ไม่ควรมารับงานนี้ ในสาขาที่ต้องการผู้ชํานาญ ก็ต้องให้ผู้มีความชํานาญไปทำ แต่ประธานหลินคนนี้ กลับไม่ใช้นักแสดงที่มีความชำนาญ กลับเลือกคนที่ไม่มีประสบการณ์มาถ่ายทำ
“ประธานหลิน คนนี้ไม่เหมาะสมครับ”
สุดท้ายแล้ว ช่ายเหลียนมาเดินมาตรงหน้าหลินชิงเสว่และพูดว่า: “ผมว่าเปลี่ยนคนดีว่าให้ต่งวี่ซู่มาแสดงแทน”
หลิงชิงเสว่ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรและพูดว่า: “ก็ลองฟังดูก่อน อาจจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นก็ได้นะ”
ช่ายเหลียนก็เลยยิ่งไม่พอใจหลินชิงเสว่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ใช้สายตาที่เย็นชามองไปหาถังเฉา: “งั้นคุณพูดมา”
ถังเฉาก็ไม่ได้โกรธการดูถูกของช่ายเหลียน กลับพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย: “ผมรู้สึกว่าคุณเข้าใจหัวข้อผิดไปแล้ว”
“……”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ไม่เพียงแค่ช่ายเหลียนที่ปรากฏสีหน้าแข็งทื่อ ทุกคนในกองถ่ายก็มองมาที่ถังเฉาด้วยมีหน้าที่งงงวย ชายหนุ่มคนนี้ เป็นคนที่อะไรก็กล้าพูดจริงๆ
“เข้าใจหัวข้อผิดหรือ?คุณจะไปรู้อะไร ตกลงคุณเป็นนักแสดงหรือผู้กำกับกันแน่?”
ข่ายเหลียนได้สติกลับมาและมองถังเฉาด้วยความโกรธและด่าว่า
“คุณเป็นคนในวงการนี้ คุณคือผู้กำกับ แต่นี่ไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรต่างๆเลย”
ถังเฉาพูดต่อด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย: “เพราะผมไม่มีประสบการณ์การแสดง ผมเลยเป็นผู้ชมที่แท้จริง คุณใช่มุมมองของผู้กำกับมองการถ่ายทำในครั้งนี้ แต่ผมมองการถ่ายทำนี้ในมุมมองของผู้ชม คุณควรแยกแยะให้ออก”
ช่ายเหลียนก็ยังมองถังเฉาอย่างไม่พอใจ เขาพูดได้ดี เขามองการถ่ายทำครั้งนี้โดยใช้เพียงมุมมองของผู้ชม แต่ผู้กำกับเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง จะมากล่าวหรือพูดรวมๆกันได้อย่างไง?
ถังชิงเหอกะพริบตาที่สวยคู่นั้นและมองถังเฉา รู้สึกว่าถังเฉาน่าสนใจ
“ครอบครัว เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ที่ผมคิดขึ้นได้หลังจากได้ยินชื่อAngel”
ถังเฉาพูดว่า: “เมื่อเทียบสมัยโบราญกับสมัยปัจจุบันเป็น หัวข้อที่แปลกใหม่ ถึงจะอยู่ในวงการโฆษณาปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นต้นฉบับที่น่าสนใจและหาดูได้ยาก แค่ผมคิดว่าจุดสำคัญอยู่ที่ชีวิตที่มีความสุขหลังจากสมัยโบราณมาถึงสมัยปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ว่าหลังจากนางเอกแต่งหน้าแล้วจะสวยแค่ไหน ไม่งั้นภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ต้องมีพระเอกแล้วแหละ มีแค่นางเอกก็พ่อ”
“ผมคิดว่า ควรจะเพิ่มตัวละคร”
ตอนนี้ช่ายเหลียนด่าในใจอยู่ แต่เขาเก็บความโกรธเอาไว้ในใจไม่ได้แสดงสีหน้าที่โกรธและพูดว่า: “งั้นคุณว่า ควรจะทำการแก้ไขอย่างไง?”
“ผมคิดว่าควรจะเพิ่มตัวละคร”
ถังเฉาพูดว่า: “ลูกสาว ลูกสาวร่วมกัน”
คำแนะนำที่เต็มไปด้วยประโยชน์ออกมา ทุกคนได้หันมองหน้ากัน
ถังชิงเหอและหลินชิงเสว่มองหน้ากัน และสายตาส่องประกายแสงออกมา แล้วมองไปหาถังเสี่ยวลี้ที่กำลังเล่นอยู่คนเดียวพร้อมกัน
เหมือนรู้ว่าตัวเองถูกมอง ถังเสี่ยวลี้หันมามอง และโบกมือให้หลินชิงเสว่: “คุณแม่!”
หลินชิงเสว่ก็ยิ้มและโบกมือไปหาถังเสี่ยวลี้
ใบหน้าของช่ายเหลียนเต็มไปด้วยความมืดมนและมองถังเฉา: “ ชั่งไร้สาระจริงๆ จะให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาแสดงหรือ คุณถัง คุณเข้าใจคำว่าเถียงผู้กำกับมั้ย? และผลที่จะออกมาคืออะไร?”
ถังเฉาส่ายหัว เขาไม่กลัวการคุกคามของช่ายเหลียน: “ไม่รู้สิ หรือไม่ผู้กำกับช่ายมาบอกผมที?”
“คุณจะถูกไล่ออกจากกองถ่ายและคุณจะพลาดโอกาสการแสดงที่หายากนี้ไป”
ช่ายเหลียนใช่สายตาที่แหลมคมมองไปหาถังเฉา จุดประสงค์ก็คืออยากเห็นความกลัวในแววตาถังเฉา
แต่น่าเสียดาย ใบหน้าของถังเฉาไม่มีความกลัวเลย กลับกันกลับดูนิ่งมาก: “งั้นคุณก็ไล่ผมออกจากกองถ่ายเลยสิ เพราะคุณก็ไม่ได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นี้ ทำไมถึงชื่อAngel และเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่ถูกถ่ายทำออกมา จะดึงดูดผู้ชมได้อย่างไร?”
“นี่เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ ไม่ใช่การเรียนภาษา ผมไม่ต้องการหลักการความคิด ผมต้องการให้ขายดี!”
ช่ายเหลียนทนไม่ไหว และตะคอกใส่ถังเฉา
“แต่คุณยังไม่เข้าใจหัวข้อหลักเลย จะพูดถึงคำว่าขายดีได้อย่างไร?” ถังเฉามองช่ายเหลียนด้วยสายตาที่เฉยชา
ช่ายเหลียนตรงเข้าไปหาหลินชิงเสว่ด้วยความโกรธ: “ประธานหลิน ผมว่าเปลี่ยนคนเถอะ คนนี้ไม่เหมาะสม”
ถังชิงเหอได้ยินแบบนี้ ได้ไปขอโอกาสให้ถังเฉา: “ผู้กำกับช่าย ท่านพิจารณาอีกครั้งนะฉันว่าเขาก็พูดมีเหตุผลนะ”
“ถังชิงเหอ นี่ไม่ใช่ผลงานของเธอคนเดียวนะ เป็นผลงานของผมด้วย ผมจะไม่อนุญาตให้คนที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องอยู่ในผลงานของผม!”
ช่ายเหลียนมีสีหน้าที่ดื้อด้านและพูดว่า: “เขาไม่รู้อะไรเลย ยังกล้ามาสั่งสอนผมหรือ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงถูกเลือก!”
ประโยคสุดท้าย เหมือนมีความหมายที่โจมตีหลินชิงเสว่ หลินชิงเสว่ตกอยู่ในความเงียบและใช้สายตาที่แหลมคมมองไปที่ช่ายเหลียน
และถามไปกะทันหันว่า: “ผู้กำกับช่าย คุณคิดแบบนี้จริงๆ หรือ?”
“แน่นอน”
ช่ายเหลียนตอบอย่างไม่ลังเล: “เขาไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอกเลย นอกจากนี้คุณไม่ต้องกลัวไม่มีพระเอกนะ ต่งอี้สิงเป็นให้ได้…….”
“ก็ได้ งั้นก็เปลี่ยนเถอะ”
หลินชิงเสว่พูดแทรกช่ายเหลียนกะทันหัน
“ประธานหลิน คุณคิดดูอีกทีก็ได้…….”
ถังชิงเหอมีสีหน้าเปลี่ยนไป และในมุมมองของเธอ เธอไม่อยากที่จะแสดงคู่กับต่งอี้สิง
ช่ายเหลียนหลับมีสีหน้าที่ดีใจ: “ได้ ผมจะโทรหาต่งอี้สิงเลย”
“ฉันหมายถึงคุณนะ”
หลินชิงเสว่เปลี่ยนประเด็นพูด และมองเขาอย่างเยือกเย็น
“อะไรนะ?”
ในเวลานี้ ช่ายเหลียนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
ดวงตาที่เยือกเย็นของหลินชิงเสว่มองไปที่ช่ายเหลียนและชี้ไปหาเขาแล้วพูดว่า: “เปลี่ยนตัวผู้กำกับเลย”