คำพูดของหลินชิงเสว่ เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ก็อยู่ภายในหลักเหตุผล
สามารถคลอดหลินชิงเสว่ผู้หญิงสวยโดดเด่นระดับนี้ได้ จะดูไม่ดีไปถึงไหนได้อย่างไรกัน?
เพียงแต่ที่ถังเฉาคาดไม่ถึงคือมารดาของหลินชิงเสว่ แม่ยายของเขา เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเยี่ยนจิง อย่างนั้นควรสวยถึงระดับใดกัน?
“เธอไม่เพียงหน้าตาหาได้ยากทั่วทั้งโลก ความฉลาดยังเป็นเลิศด้วย ไม่นานก็มีชื่อเสียงโด่งดัง”
หลินชิงเสว่หวนนึกย้อนไปแล้วเล่าว่า “ตอนนั้นคนที่ตามจีบสามารถต่อแถวจากเหนือจรดใต้ได้เลย สุดท้าย กลับสนใจคุณพ่อของฉันที่ตอนนั้นยังไม่มีอะไรสักอย่าง”
ถังเฉาไม่ได้ขัดจังหวะ แต่ว่าฟังอยู่เงียบๆ
“ภายใต้การช่วยเหลือของเธอ ตระกูลหลินจากตระกูลเล็กๆ ในเยี่ยนจิงก็ก้าวมาสู่ระดับตระกูลยักษ์ใหญ่แล้ว สุดท้ายพัฒนามาเป็นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเบื้องหลังฉากของตระกูลหลิน เป็นคุณแม่ของฉันที่คอยสนับสนุน เธอดื่มด่ำไปกับคำชมเชยและความรุ่งโรจน์ แต่คุณพ่อของฉัน หลังแต่งงานกลับกลายเป็นพ่อบ้านโดยสิ้นเชิงคนหนึ่ง”
หน้าตาถังเฉาสะอึกสะอื้น อย่างไรเสียก็นึกไม่ถึงว่าพ่อแม่ของหลินชิงเสว่ยังมีเรื่องราวแบบนี้
“ทว่าเขาไม่ได้บ่นแต่อย่างใด หนักเอาเบาสู้มาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา ถึงทำให้ทั้งสองคนเกิดรอยร้าวขึ้น”
“เรื่องอะไร?” ถังเฉาถามต่อ
ดวงตาหลินชิงเสว่ไม่สั่นไหว ลูบท้องที่แบนราบของตนเองโดยจิตใต้สำนึกสักหน่อย จากนั้นพูดว่า “เธอไม่มีความสามารถในการให้กำเนิด”
ความรู้สึกบนหน้าของถังเฉาแข็งตัวในชั่วขณะนั้น
เขาสามารถจินตนาการได้ว่าความบกพร่องนี้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวหนึ่งได้มากแค่ไหน ไม่ว่ามารดาของหลินชิงเสว่จะสวยแค่ไหน ความสามารถแข็งแกร่งแค่ไหน หากไม่มีความสามารถในการให้กำเนิด ก็ยังคงถูกคนประณาม แม้กระทั่งดูถูก
เพราะการแต่งงานไม่เพียงเพื่อรักกันและกัน ยิ่งเพื่อเพิ่มคนรุ่นหลัง ทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง
“ระหว่างพวกเขาเกิดรอยร้าวครั้งแรกขึ้นแล้ว ทะเลาะกันยกใหญ่ ปีนั้น ฉันห้าขวบ”
เสียงของหลินชิงเสว่นิ่งสงบ สายตากลับมองถังเสี่ยวลี้ที่หลับปุ๋ยอยู่อย่างอ่อนโยน
“คุณพ่อของฉันโกรธเคืองที่คุณแม่ไม่สามารถให้กำเนิดได้ ส่วนคุณแม่กลับเชื่อสิทธิผู้หญิงจากหัวจรดเท้า คิดว่าลูกไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด”
ถังเฉาพยักหน้า นี่คือแหล่งเริ่มต้นสู่นิสัยปะทะกัน
ทันใดนั้นเขามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง มองหลินชิงเสว่แบบตกใจ “ไม่ใช่สิ ในเมื่อคุณแม่ของคุณไม่สามารถให้กำเนิดได้ คุณเกิดมาได้อย่างไรกัน?”
“ฟังพ่อฉันบอกว่าก่อนหน้านี้คุณแม่ของฉันยังสามารถให้กำเนิดได้ หลังจากแต่งงาน คลอดฉันมาแล้ว ก็ไม่สามารถให้กำเนิดมาได้กะทันหัน”
ถังเฉาขมวดคิ้วแน่น คำอธิบายอันนี้ดูเหมือนเอาตัวรอดไปได้ แต่มักรู้สึกว่ามีจุดไหนผิดปกติ
หลินชิงเสว่พูดต่ออีก “ฉันยังรู้มาอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือวันที่ฉันคลอดออกมา ในตระกูลมีคนใช้สามีภรรยาคู่หนึ่งถูกไล่ออกจากตระกูลไป”
ถังเฉาไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร มีเพียงสายตาน่าเกรงขาม “งั้นจ้าวหยูนล่ะ?”
ว่าตามที่หลินชิงเสว่เล่ามา มารดาของหลินชิงเสว่หลังจากคลอดเธอออกมาก็สูญเสียความสามารถในการให้กำเนิด งั้นหลินจ้าวหยูนมาได้อย่างไรกัน?
“หล่อนเป็นลูกของพ่อฉันกับผู้หญิงคนอื่น แต่หล่อนเองก็ไม่รู้ความลับอันนี้”
หลินชิงเสว่พูดว่า “หลังจากรู้ว่าคุณแม่ไม่สามารถให้กำเนิดได้ คุณพ่อฉันเลือกที่จะทำสงครามเย็น โดยเฉพาะในระหว่างที่ทำสงครามเย็น ยังรู้จักกับผู้หญิงใหม่คนหนึ่ง”
“คุณแม่ยอมรับการหักหลังของเขาไม่ได้ พอโมโหเดือดดาล จึงเลือกการหย่าร้าง แต่เธอยังให้โอกาสสุดท้ายกับคุณพ่อสักครั้งหนึ่ง ขอเพียงเขายับยั้งได้ เธอจะไม่ไป”
“ผลปรากฏว่าผิดหวังอีกครั้งแน่นอน ครั้งนี้เธอไม่หยุดอีกแล้ว เลือกที่จะหย่าแบบไม่เอาทรัพย์สิน ไม่เอาเงินแม้แต่แดงเดียว ออกไปจากเยี่ยนจิง เธอจึงไม่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งที่มีอำนาจยิ่งใหญ่คนนั้นอีกแล้ว เป็นเพียงผู้พ่ายแพ้ในด้านการแต่งงานเท่านั้น”
“หลังจากคุณแม่ไป หลินรั่วหวีก็สืบทอดตระกูลหลินโดยพื้นฐานของคุณแม่ จากนั้นพาตระกูลหลินมาถึงระดับสูงของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู และเลือกแต่งงานอีกครั้ง โดยแต่งกับผู้หญิงใหม่ที่รู้จักกันคนนั้น หลินจ้าวหยูนก็คือลูกสาวของพวกเขา”
ฟังที่หลินชิงเสว่พูดจบ ถังเฉาตื่นตกใจถึงขั้นสุด คาดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ตระกูลของเธอจะซับซ้อนถึงระดับนี้เลย
“นี่คือครอบครัวของฉัน สำหรับหลินโป๋หลายพวกเขานั้น เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของฉัน”
สีหน้าหลินชิงเสว่สงบนิ่ง “ตอนที่บ้านฉันเกิดเรื่อง พวกเขาอยากให้คุณแม่ฉันโดนไล่ออกไปใจแทบขาด ก็แค่คนเลวทั้งหลายเท่านั้นเอง”
เรื่องราวจบลงที่ตรงนี้ ถังเฉามองหลินชิงเสว่ด้วยใบหน้าซับซ้อนเต็มที่ ในสายตามีความปวดใจที่เข้มข้น
นี่คือครอบครัวของเธอ เธอเกิดในตระกูลยักษ์ใหญ่ ทว่ากลับไม่มีความสุขแม้แต่น้อย
เป็นบิดาของเธอที่พังครอบครัวซึ่งเคยมีความสุขของเธอทิ้งด้วยมือตนเอง ตอนนี้ยังอยากมาทำลายครอบครัวของเธอที่ไม่ง่ายจะมีความสุขได้ลงไปอีก
“ฉันหวังว่าคุณจะไม่บอกเรื่องพวกนี้กับจ้าวหยูน ถึงตอนนี้หล่อนยังคิดว่าคุณแม่ของฉันและหล่อนเป็นผู้หญิงคนนั้น”
หลินชิงเสว่มองถังเฉา ก่อนจะพูดขึ้นอีก “ฉันไม่อยากให้หล่อนเสียใจ”
ถังเฉาย่อมเข้าใจความหวังดีเพื่อผู้อื่นนี้ของหลินชิงเสว่เป็นธรรมดา ซึ่งเขานับถือน้ำใจของหลินชิงเสว่พอสมควร
เดิมทีหลินจ้าวหยูนไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเธอ แต่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่เธอเคียดแค้นที่สุด ทว่าเธอกลับยังคงทำเหมือนหล่อนเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร ก่อนหน้านี้ฉันไม่ชอบจ้าวหยูนจริงๆ แม้กระทั่งยังจงใจรังแกหล่อนด้วย แต่หล่อนยังคงติดฉันมาก เสมือนกับพวกเงาตามตัว”
สีหน้าหลินชิงเสว่อ่อนโยนลงมา “ฉันเลยทำใจยอมรับน้องสาวคนนี้ไปแล้ว เด็กไม่มีความผิด”
ถังเฉาสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้ง อดมองทางถังเสี่ยวลี้ที่นอนหลับปุ๋ยไม่ได้ “ใช่ เด็กไม่มีความผิดอะไร”
เธอเคยประสบกับครอบครัวแตกแยกมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงไม่สามารถทำให้เธอรับรู้ประสบการณ์นี้เป็นครั้งที่สองได้อีก
ถังเฉามองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาลุ่มลึก โอบเธอเข้ามาในอ้อมอกเบาๆ พูดเสียงทุ้ม “ผมจะมอบความสุขให้คุณเอง!”
หลินชิงเสว่ไม่ได้ดิ้นออก ทว่ากอดถังเฉาไว้เบาๆ “จุดนี้ฉันไม่เคยสงสัยเลย”
หลังรับรู้สถานะของหลินชิงเสว่แล้ว ไม่เพียงไม่ได้ทำให้ถังเฉาตกใจถอยหนี แต่ยิ่งตัดสินใจได้แน่วแน่ขึ้นว่าเขาอยากอยู่ด้วยกันกับหลินชิงเสว่ ไม่มีใครสามารถพรากพวกเขาจากกันไปได้
ไม่มีใคร
ในผ้าห่ม หลินชิงเสว่เล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลหลวงในเยี่ยนตูให้ถังเฉาฟังอีก
ตระกูลหลวงใช้นามสกุลมาเรียก ตระกูลหลิน เป็นเพียงหนึ่งในตระกูลหลวงของเมืองเยี่ยนจิง นอกจากนี้ยังมีอีกเก้าตระกูล
ทั้งหมดมีสิบตระกูลหลวง เบื้องหลังพึ่งพาผู้มีอำนาจ นี่หมายความว่าพอเข้าสู่เยี่ยนจิงแล้ว ถังเฉาจะบุ่มบ่ามแบบที่เมืองหมิงจูนั้นไม่ได้ จำเป็นต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น
อิทธิพลของเยี่ยนจิงยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเมืองหมิงจูมาก อิทธิพลระดับรองๆ แห่งหนึ่ง เพียงพอที่จะทำให้สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองหมิงจูก้มหัวยอมจำนนได้ ส่วนอิทธิพลระดับหนึ่ง แม้กระทั่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตูกำลังก้าวหน้า กำลังยิ่งใหญ่มหาศาลแบบที่ไม่สามารถจินตนาการได้
“ดูแล้วก่อนไปเยี่ยนจิงจะต้องจัดการเมืองหมิงจูให้สงบ”
ถังเฉาบ่นพึมพำกับตนเอง
วันต่อมา เสิ่นชิงหยุนหอบเอกสารกองโตมาที่ด้านหน้าถังเฉา
“คุณถัง นี่คือเอกสารสมบัติทั้งหมดภายใต้ชื่อตระกูลเสิ่นของผม ท่านอ่านดูหน่อย ถ้าไม่มีปัญหา ก็เซ็นชื่อลงด้านล่าง สมบัติและทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเสิ่นจะโอนไปอยู่ภายใต้ชื่อของท่านโดยอัตโนมัติครับ”
ถังเฉาอ่านดูคร่าวๆ สักหน่อย ตอนที่อ่านมาถึงสาขาใหญ่ของจวี้เฟิงกรุ๊ป จึงหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย “สำนักงานใหญ่จวี้เฟิงกรุ๊ปของพวกนาย อยู่ที่เมืองเจียงเฉิง?”
“ใช่ครับ”
เสิ่นชิงหยุนพูดเท่าที่รู้ “จวี้เฟิงกรุ๊ปพึ่งพาลุงหยางถึงเติบโตขึ้นมาได้ครับ ลุงหยางเป็นคนเจียงเฉิง ดังนั้นสำนักงานใหญ่เลยตั้งอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงครับ”
“จวี้เฟิงกรุ๊ปตรงหน้าของท่าน เป็นเพียงสาขาเมืองหมิงจู ตอนนี้สำนักงานใหญ่ถูกตระกูลยักษ์ใหญ่ส่วนหนึ่งของเมืองเจียงเฉิงควบคุมไว้ครับ”
ในสายตาถังเฉามีความเย็นชาแวบผ่าน “นายหลอกฉัน เอาบริษัทที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างนี้มาหลอกฉัน?”
เสิ่นชิงหยุนรีบคุกเข่าลง เหงื่อไหลเป็นทาง “ชิงหยุนไม่กล้าครับ! จวี้เฟิงกรุ๊ปจัดอยู่ในอันดับบนทั่วทั้งประเทศ แค่สาขาเมืองหมิงจู ก็สามารถทำให้ตระกูลเสิ่นของผมขึ้นมาเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่ได้ ผมคิดว่านี่คือแผนสำรองที่ลุงหยางเหลือไว้เพื่อป้องกันการล้มเหลวครับ ตั้งใจแยกสำนักงานใหญ่กับสาขาออกจากกัน ทำให้สายตาของคุณถังมองไปที่เมืองเจียงเฉิง—-”
“เป็นตาเฒ่าสารพัดพิษจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ”
ถังเฉาหัวเราะนิ่งๆ กะทันหัน ใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเบาๆ “ในเมื่อเขาอยากให้ฉันเข้าสู้ที่เมืองเจียงเฉิง งั้นฉันจะทำตามความปรารถนาของเขา สำนักงานใหญ่ของจวี้เฟิงกรุ๊ป ปล่อยให้อิทธิพลกลุ่มไหนของเมืองเจียงเฉิงควบคุม?”
“ตอบคุณถังครับ ปล่อยให้ตระกูลหูควบคุมครับ คนที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขาดูถูกสาขาที่เมืองหมิงจูมาโดยตลอดครับ”
“ตระกูลหู……”
ในสายตาถังเฉามีแสงหนาวเหน็บเปล่งประกายนิดหน่อย ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ บอกเสิ่นชิงหยุนให้ออกไป จากนั้นต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง
ไม่นานในสายโทรศัพท์นั้นมีเสียงของหูอีซานที่นอบน้อมลอยมา “เจ้านายใหญ่ มีอะไรสั่งการครับ?”
“หูอีซาน นายกับตระกูลหูเมืองเจียงเฉิง มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?” ถังเฉาถามนิ่งๆ
“……”
ในสายโทรศัพท์เงียบงันอยู่นาน จากนั้นถึงมีเสียงของหูอีซานที่กดความโกรธเคืองไว้ลอยมา
“ตระกูลหูเมืองเจียงเฉิง คือตระกูลเดิมของผมครับ!”