แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ทุกคนในงานการต่อสู้เบิกตาโต มีชั่วขณะหนึ่งที่พวกเขารู้สึกว่าร่างของถังเฉาสามารถควบคุมได้ทั้งฟ้าดิน
แต่ว่า ก็เพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น
เมื่อได้สติ สมาชิกทุกคนในสมาคมล้วนยกมุมปากยิ้มเยาะ มองถังเฉาด้วยสีหน้าสมน้ำหน้า เหมือนกับว่าได้เห็นภาพที่เขาจะแขนขาหักล้มลงกับพื้นแล้ว
เหยียนเสี้ยงหม่าถึงกับโบกพัดเบาๆ ยีตาเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบาๆ
ตอนที่อยู่บ้านตระกูลเหวิน เขาก็รู้แล้วว่าพลังของถังเฉามหาศาล
แต่ว่า รู้เพียงว่าถังเฉาเก่งมาก แต่ว่าเก่งมากขนาดไหนนั้นไม่รู้
ใช้นิ้วดีดหิน มีคนในสมาคมทำได้ไม่น้อย ไม่นับว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำ
ถังเฉากลับคิดไปเองว่าสิ่งนี้มันเก่งมาก ถึงได้กล้าใช้ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย หาเรื่องอับอายใส่ตัว
หัวหน้าเหยนยงย่อตัวลง มีความตกใจอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ได้สติอย่างไว มองถังเฉาด้วยสายตาโมโห “แก กล้าลงมือกับฉันหรอ?!”
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าสมาคมการต่อสู้ ไม่ว่าเขาไปไหนก็จะได้รับความเคารพจากผู้คน ไม่ว่าจะผู้นำตระกูลเศรษฐีอยู่ต่อหน้าเขายังต้องเคารพนอบน้อม แต่ว่า ตอนนี้เขยขยะที่เป็นการต่อสู้พื้นๆกล้าปีนเกลียวเขา!
อาจารย์เปา นี่คือแขกคนสำคัญที่คุณเชิญมา? บังอาจมากขนาดนี้!”
คนแก่คนหนึ่งที่พอกับอาจารย์เปาพูดดุขึ้นมา มีความกล่าวโทษตำหนิแอบแฝงอยู่
สมาชิกคนอื่นๆก็เห็นด้วย พูดประชดดูถูก
“กล้าลงมือต่อหน้าหัวหน้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ”
“หัวหน้าครับ ท่านมองดูก็พอครับ ผมมาสั่งสอนไอ้คนอวดเก่งนี่เองครับ!”
“น่าจะให้ฉันจัดการ”
สมาชิกของสมาคมการต่อสู้แย่งชิงกันที่จะลงมือกับถังเฉา
มีเพียงเย่เทียนหลงที่มองดูภาพนี้ด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกเศร้าโศกกับความโง่ของคนพวกนี้
ที่จริงแล้ว เขาก็ไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของถังเฉาว่าเป็นยังไง เพราะว่า ตั้งแต่ที่เขารู้จักถังเฉาจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยเห็นถังเฉาใช้กำลังทั้งหมดเลย
ทุกครั้งล้วนเป็นการจัดการง่ายๆ เพียงเวลาแค่ครู่เดียวก็ฆ่าอีกฝ่ายทิ้งแล้ว นี่แปลได้ว่าถังเฉาไม่ได้วางสมาคมการต่อสู้ไว้ในสายตาด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องรีบ พวกนายล้วนมีโอกาสทั้งนั้น”
ถังเฉาดูเหมือนไม่ได้สนใจคำเรียกร้องของสมาชิกสมาคมเลยสักนิด แต่กลับหัวเราะเบาๆ “อีกเดี๋ยวเริ่มงานแล้ว พวกนายล้วนสามารถมาท้าทายฉันได้”
น้ำเสียงเขานิ่งเฉย มีความรู้สึกเหมือนผู้ที่จะขึ้นเป็นใหญ่
นี่ก็น่าแปลกใจ ถ้าเรื่องนี้ถูกยอดฝีมือในกองทัพปราณมังกรรู้เข้า จะต้องรู้สึกอิจฉาตาร้อน แอบเกลียดพวกคนไร้ความสามารถพวกนี้ ที่ได้มีโอกาสต่อสู้กับถังเฉา!
ผ่านไปห้าปี มียอดฝีมือขอร้องให้เขาแสดงฝีมือ เพื่อจะได้เป็นการฝึกฝนในส่วนที่ผิดพลาดได้ แต่กลับไม่เคยได้มีโอกาส
แต่ถ้าคำพูดพวกนี้ถูกพูดต่อหน้าพวกเขา ก็จะเป็นอีกความหมายหนึ่งแล้ว
“เขยแต่งเข้าบ้านเล็กๆ กล้าไม่วางยอดฝีมือใต้ฟ้าไว้ในสายตา!”
“หัวหน้าครับ ไอ้คนอวดเก่งแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้ท่านลงมือครับ พวกผมจัดการก็พอแล้ว”
ทุกคนในสมาคมต่างก็แสดงออกถึงความซื่อสัตย์
สีหน้าเหยนยงเขียวปัด ยังแค้นเรื่องที่ถังเฉาปฏิเสธเขาต่อหน้าผู้คน จึงได้สะบัดมือแล้วพูดว่า “ให้พวกนายจัดการแล้วกัน อย่าให้ถึงตายละ”
พูดจบก็เดินออกจากโรงการต่อสู้ เหมือนกับไม่กลัวว่าจะจัดการกับถังเฉาไม่ได้
เหยียนเสี้ยงหม่าเองก็ประกาศว่า “งานการต่อสู้ เริ่มงานอย่างเป็นทางการ!”
จากนั้น ก็เดินตามเหยนยงออกจากโรงการต่อสู้
ฮึ่ม…..
ความกระตือรือร้นในโรงการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น ทุกคนต่างก็ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม
ที่ตรงกลาง มีสังเวียนประลองขนาดใหญ่
ด้านหลังสังเวียน มีศาลที่ไหว้แสดงถึงความเคารพและให้ปกป้องปลอดภัย มีผลไม้และขนมมากมายวางไว้ นมัสการภาพวาดขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง
ในภาพวาดไม่มีอะไรเลย มีเพียงแผ่นหลังที่งดงาม
ผมยาวสลวย สองมือไขว้หลัง
ถังเฉาชี้ไปที่ภาพวาดแล้วถามว่า “คนในภาพวาดคือใคร?”
เย่เทียนหลงท่าทางเคารพและตอบว่า “คุณถัง นั่นคือท่านบ้าบู๊ครับ!”
ถังเฉานิ่ง แล้วก็พูดว่า “อู่ตงหยาง?”
“ใช่แล้วครับ”
เย่เทียนหลงสีหน้าเคร่งขรึมอย่างพูดไม่ถูก “ท่านบ้าบู๊ชื่อเสียงก้องฟ้าดิน ขยับขยายสืบสานการต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว เมืองส่วนใหญ่ในประเทศไม่มีสมาคมการต่อสู้ ล้วนเป็นตัวแทนของสำนัก Mars”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”
ถังเฉาพยักหน้า แล้วหันหน้ามา แต่กลับอมยิ้มอ่อนๆมองดูแผ่นหลังของบ้าบู๊
บ้าบู๊ยังชื่อเสียงก้องฟ้าดิน แต่เขาที่เป็นอาจารย์ของบ้าบู๊ กลับไม่มีใครสนใจ
นี่ถือเป็นการ ‘สอนศิษย์เป็นแล้ว อาจารย์ก็อดตาย’?
ตึง…..
ในขณะนี้เอง เสียงดังก้องในโรงการต่อสู้
คนแก่คนหนึ่งที่มีอายุผมขาวทั้งหัวสีหน้าเคร่งขรึม ตะโกนขึ้นเสียงดัง “บุคคลผู้ก้องฟ้าดิน กราบไหว้บ้าบู๊!”
“บุคคลผู้ก้องฟ้าดิน กราบไหว้บ้าบู๊!”
ทุกคนรวมทั้งเย่เทียนหลงต่างก็คุกเข่าทำความเคารพด้วยท่าทางเคร่งขรึม
มีเพียงถังเฉาที่ยังยืนมือไขว้หลังเหมือนเดิม
ขณะนั้นเขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
ทุกคนรอบด้านต่างก็ด่าทอ “ไอ้ขยะนี่ ยังยืนอยู่ทำไม? ยังไม่รีบคุกเข่าทำความเคารพท่านบ้าบู๊อีก?”
ถังเฉาไม่ขยับเหมือนเดิม “ฉันไม่ใช่คนของสมาคมการต่อสู้สักหน่อย ทำไมจะต้องคุกเข่าทำความเคารพ?”
บ้าบู๊ไหว้เขายังว่าไปอย่าง
“บังอาจ!”
มีคนโมโหมาก พูดแล้วก็จะลงมือ แต่กลับถูกคนแก่ที่ทำพิธีห้ามไว้
“ใจเย็นอย่ารีบร้อน รอเริ่มงาน เดี๋ยวก็มีโอกาสที่นายจะได้ลงมือ”
พิธีใช้เวลาประมาณห้านาทีก็จบลง สุดท้ายคนแก่หันไปไหว้รูปวาดของบ้าบู๊สามครั้ง จากนั้นก็มองถังเฉาด้วยสายตาเย็นชา “คุณถัง งานเริ่มอย่างเป็นทางการ ให้คุณเป็นคนเฝ้าสังเวียนเป็นยังไงครับ?”
“ทำไมจะไม่ได้?”
ถังเฉายิ้มอ่อน แล้วก็ก้าวไปตรงกลางสังเวียน
ทุกคนรอบด้านยิ้มเยาะออกมา แย่งกันจะเป็นผู้รุกคนแรก”
หลังแก่งแย่งกันสักพัก สุดท้ายก็มีชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบคนหนึ่งเป็นผู้รุกคนแรก
“ไอ้หนุ่ม แกตายแน่!”
เขายิ้มอย่างดุร้าย พุ่งเข้าใส่ถังเฉาอย่างมั่นใจ เตรียมจะลงมือ
ปึง…..
แต่ว่า วินาทีต่อมา ก็ถูกถังเฉาเตะออกอย่างแรง ร่างกายถึงกับฝังเข้าในกำแพง ขยับตัวไม่ได้
“คนต่อไป”
ถังเฉายังยืนอยู่ที่เดิม ท่าทางนิ่งสงบ
“……”
ผู้คนที่เดิมทีตะโกนอย่างตื่นเต้น ท่าทางแข็งทื่อในทันที มองดูถังเฉาด้วยสายตาตกใจ
คนแรกที่ขึ้นไปเก่งไม่น้อย ทำไมถึงโดนถีบกระเด็นในครั้งเดียวละ?
แม้แต่เย่เทียนหลงที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว ใบหน้ายังมีสีหน้าตกตะลึงปรากฏขึ้น
“โชค จะต้องเป็นโชคแน่ๆ”
ด้านล่างเวที มีคนยิ้มแห้ง พยายามปลอบใจ
“ฉันเอง!”
ในตอนนี้มีคนขึ้นเวทีอีกคน แต่ไม่ถึงครึ่งนาทีก็ถูกถังเฉาจัดการจนกระเด็นออกนอกสังเวียน
“คนต่อไป”
น้ำเสียงของถังเฉายังเย็นชาเหมือนเดิม
คนด้านล่างเวที เบิกตาโตอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ยังขึ้นเวทีอย่างไม่อยากเชื่อ
ผลลัพธ์เหมือนเดิม ปึงๆๆจัดการเรียบร้อยในทีเดียว
“คนต่อไป”
“คนต่อไป”
“คนต่อไป”
“…….”
ด้านในโรงการต่อสู้ที่กว้างขวาง มีเสียงนิ่งสงบของถังเฉาดังอยู่เรื่อยๆ
ส่วนร่างของเขา ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งเฉย ไม่เคยแม้แต่จะขยับด้วยซ้ำ
อึก….
ในที่สุด มีคนที่สายตาเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว กลืนน้ำลายดังอึก
ไอ้คนนี้ ยังเป็นคนอยู่มั้ย?
“คนต่อไป”
เมื่อเสียงสุดท้ายดังขึ้น สายตาของถังเฉาเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่าย
“ทีละคนช้าเกินไป ไม่ก็ พวกนายมาพร้อมกันเลย ฉันรีบ”