เย่เทียนหลงอึ้งไป จากนั้นแววตาของเขาก็แปลกไป เขามองถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ไปมา
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของถังเฉากับหลินชิงเสว่จะเปิดเผยออกมาแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นที่ทุกคนจะรับรู้ อย่างเช่นเย่เทียนหลง นอกจากตระกูลเย่กับการฝึก เขาก็ไม่สนใจอะไรอีก แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าภรรยาของถังเฉาคือใคร
เจียงไป๋เสว่ดูดี แถมยังมีบุคลิกเย็นชาที่ดึงดูดสายตาของผู้ชาย แถมยังรู้จักการต่อสู้ ดูเหมาะสมกับถังเฉาในทุกด้าน จึงทำให้คิดว่าเจียงไป๋เสว่เป็นผู้หญิงของถังเฉา ดังนั้นเขาจึงเรียกเช่นนั้น
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของถังเฉาต่างหาก
เจียงไป๋เสว่ได้ยินพอดี ใบหน้าอันเย็นชาแดงระเรื่อขึ้นมาแต่ไม่นานก็หายไป
จากนั้นเธอก็ถลึงตาจ้องเย่เทียนหลง
“นายปากพล่อยเหรอ”
เธอมองเย่เทียนหลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
เย่เทียนหลงไม่กล้าหายใจแรงและรีบหุบปากทันที
เจียงไป๋เสว่จึงปล่อยเขาไป เธอกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดออกมาว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปการฝึกของพวกนายสิ้นสุดลงแล้ว พวกนายเป็นลูกน้องส่วนตัวของถังเฉา คอยดูแลคนใกล้ชิดของเขาอย่างเงียบๆ เข้าใจหรือยัง!”
“ครับคุณเจียงไป๋เสว่!”
ทุกคนมีสีหน้าจริงจังและไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
สมาคมการต่อสู้จะเคารพผู้ที่แข็งแกร่ง พละกำลังที่เจียงไป๋เสว่กับถังเฉาแสดงออกมาเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมดแล้ว
อีกอย่าง พวกเขาเจอเรื่องที่ไม่เหมือนกับหัวหน้าสมาคมการต่อสู้ ถังเฉาไม่มีเวลามาดูแล เลยให้เย่เทียนหลงมาเป็นคนจัดการ และไม่มีเงื่อนไขหรือข้อปฏิบัติอะไรมากมายขนาดนั้น
สรุปเลยว่าพวกเขาชอบสมาคมการต่อสู้ในตอนนี้มากกว่า
ถังเฉาพยักหน้า แล้วพูดกับเย่เทียนหลง “พรุ่งนี้ฉันจะส่งพวกนายไปที่เยี่ยนจิงเพื่อปกป้องคนใกล้ชิดของฉัน”
“สบายใจได้เลยครับคุณถังเฉา”
แน่นอนว่าเย่เทียนหลงรู้ว่าคนที่ต้องปกป้องคือใคร เขาจึงรีบส่งคนไปซุ่มดูแถวตระกูลหลินทันที
เมื่อทุกคนพากันแยกย้ายไป เจียงไป๋เสว่จึงหันไปมองถังเฉา “ให้ฉันไปกับนายไหม”
ถังเฉาเข้าใจความคิดของเจียงไป๋เสว่ แต่เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เฟิ่งหวงจะตามไปอย่างเงียบๆ”
“โอเค”
ดังนั้นเจียงไป๋เสว่จึงไม่พูดอะไรอีก เธอกำลังจะเดินออกไป
“ไป๋เสว่…”
จู่ๆ ถังเฉาก็เรียกเธอ
เจียงไป๋เสว่ชะงักไป เธอหันกลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ และมองถังเฉาด้วยแววตาสงสัย
“วันไหว้พระจันทร์ปีนี้…เธอจะทำอะไรหรือเปล่า”
ถังเฉาเกาหัวและถามอย่างเขินอาย
เมื่อได้ยิน สีหน้าของเจียงไป๋เสว่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สำหรับฉัน วันไหว้พระจันทร์ฉันจะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้”
ถังเฉาลังเลอยู่นาน สุดท้ายเขาก็พูดออกมาว่า “คืนนี้จะมาทานข้าวด้วยกันที่บ้านฉันไหม”
สีหน้าของเจียงไป๋เสว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคิดย้อนไปถึงตอนที่ได้รับบาดเจ็บและอยู่ที่บ้านของถังเฉาในคืนนั้น สุดท้ายเธอก็ควบคุมอารมณ์ในจิตใจและส่ายหน้าออกมา
“ช่างเถอะ พวกนายทานกันเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
พูดจบเธอก็จะเดินออกไป แต่กลับโดนจับแขนเอาไว้
ถังเฉาพูดอย่างจริงจังว่า “เธอถือว่าเป็นคนสนิทสำหรับฉัน ฉันจะไม่สนใจเธอได้ยังไง”
แขนของเจียงไป๋เสว่สั่นเล็กน้อย เธอลังเลอยู่นาน จากนั้นก็ฝืนพยักหน้าออกมา “งั้นก็ได้”
ถังเฉายิ้มออกมาทันที “อย่างนี้สิวันไหว้พระจันทร์ถึงจะสมบูรณ์แบบ”
พูดจบเขาก็บอกเฟิ่งหวงให้มาทานข้าวที่บ้านคืนนี้
เฟิ่งหวงถึงกับตกใจที่ได้รับการโปรดปราน ถังเฉาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่ามัวแต่ไร้สาระ ฉันให้เธอมาก็มาสิ!”
ในใจของเฟิ่งหวงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ตอนนี้ถังเฉาเห็นเธอเป็นคนสนิทแล้ว!
“ค่ะรองหัวหน้า!”
คืนวันเดียวกัน ถังเฉาพาเจียงไป๋เสว่กับเฟิ่งหวงกลับมาที่บ้าน เมื่อหลินชิงเสว่เปิดประตูก็ตกใจ ถังเฉาชี้ไปที่เจียงไป๋เสว่กับเฟิ่งหวงแล้วหัวเราะ “พวกเธอก็เป็นคนสนิทของผมเหมือนกัน ให้มาทานข้าวด้วยกันคงจะไม่เป็นไรนะ”
หลินชิงเสว่มองเจียงไป๋เสว่กับเฟิ่งหวง พบว่าทั้งสองคนก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เพราะกลัวว่าหลินชิงเสว่จะไล่พวกเธอ
เพราะหลินชิงเสว่เป็นภรรยาในนามของถังเฉา
เมื่อมองอยู่พักหนึ่ง แววตาของหลินชิงเสว่ก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คนเยอะก็ยิ่งคึกคัก”
เฟิ่งหวงกับเจียงไป๋เสว่มองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้ม
หลินจ้าวหยูนที่ยุ่งกับการฝึกงานก็กลับมาทานข้าวด้วยกันกับคนที่บ้าน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพี่เขย”
เมื่อเห็นถังเฉา หลินจ้าวหยูนก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น เธอจะหอมแก้มถังเฉาอย่างเป็นกันเอง
แต่เมื่อหันไปเห็นหลินชิงเสว่ที่กำลังมองด้วยสายตาเย็นชา เหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลม เธอจึงรักษาระยะห่างกับถังเฉา เปลี่ยนจากการหอมแก้มเป็นการกอด
“ไม่ได้เจอกันนาน”
ถังเฉายิ้มให้หลินจ้าวหยูน “เธอนั่งก่อนสิ อาหารใกล้เสร็จแล้ว”
ตอนแรกอาหารค่ำเตรียมไว้สำหรับสี่คน แต่มีเฟิ่งหวงกับเจียงไป๋เสว่เพิ่มเข้ามา อาหารก็ไม่น่าจะพอ ถังเฉาจึงกะทำอาหารเพิ่ม
“เดี๋ยวฉันช่วย”
คิดไม่ถึงว่าหลินจ้าวหยูนจะเข้าไปในครัวด้วย เธอยิ้มอย่างร่าเริงแล้วพูดออกมา
หลินชิงเสว่ขมวดคิ้ว “เธอเข้ามาในครัวทำไม วุ่นวายเปล่าๆ ออกไปอยู่กับแขกเลย”
หลินจ้าวหยูนไม่พอใจ “เห็นฉันเป็นเด็กอีกแล้ว ช่วงฝึกงานฉันก็โตขึ้นเยอะนะ อีกอย่างช่วงนี้ฉันก็จะไปทำงานที่แผนกหลักของเมืองเจียงเฉิง ถ้าฉันต้องไปทำงานที่นั่น ก็จะไม่มีเวลากลับมากินข้าวกับพวกพี่ที่เมืองหมิงจูอีก”
พูดพลางสีหน้าของหลินจ้าวหยูนก็ไม่มีความสุข
ถังเฉากลับหัวเราะแล้วพูดว่า “เมืองเจียงเฉิงเหรอ ต่อไปบริษัทของพี่สาวเธอก็จะพัฒนาไปที่นั่นด้วย ฉันก็มีกิจการที่นั่นเหมือนกัน”
หลินชิงเสว่ได้ยินก็อึ้งไป คิดถึงเรื่องที่ถังเฉาพูดก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าจวี้เฟิงกรุ๊ปที่เมืองเจียงเฉิงเป็นของเขา
“จริงเหรอ”
หลินจ้าวหยูนทั้งตกใจและดีใจ “งั้นต่อไปฉันก็จะได้มาเที่ยวเล่นกับพี่เขยบ่อยๆ น่ะสิ”
ถังเฉายิ้มแล้วพยักหน้า “ถ้าไม่มีอะไรก็มาหาฉันได้”
“พี่เขยใจดีจัง!”
หลินจ้าวหยูนดีใจเป็นอย่างมาก เธอถือมีดแล้วเดินไปกอดถังเฉา หลินชิงเสว่ตกใจจนต้องพูดออกมา “มีดน่ะมีด”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ อาหารก็เสร็จเรียบร้อย ถังเสี่ยวลี้กับหลินจ้าวหยูนยังคงเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหาร
“ชนแก้ว!”
หลินจ้าวหยูนยิ้มแล้วลุกขึ้นมายกแก้วเหล้า
ถังเฉา หลินชิงเสว่ เจียงไป๋เสว่กับเฟิ่งหวงก็ลุกขึ้นมาชนแก้ว ถังเสี่ยวลี้ก็เลียนแบบผู้ใหญ่โดยการยกแก้วนมขึ้นมาแล้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อย “ชนแก้ว…”
แกร๊ง
เสียงชนแก้วดังขึ้นมา ทุกคนดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
“นานแล้วที่ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันแบบนี้ วันไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมามีแค่ฉัน พี่สาวแล้วก็เสี่ยวลี้แค่สามคน เมื่อหลายปีก่อนพี่สาวของฉันก็ฉลองเทศกาลนี้เพียงคนเดียว”
หลินจ้าวหยูนอดมองหลินชิงเสว่ไม่ได้ เธอพูดขึ้นมาอย่างหดหู่ใจ
“จ้าวหยูน…”
หลินชิงเสว่ตำหนิเบาๆ แต่ถึงกระนั้นก็ดูออกว่าคืนนี้เธอมีความสุขมาก ถึงขนาดดื่มไวน์โดยที่ไม่เคยดื่มมาก่อน
แต่ทว่าคำพูดนี้ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารนึกย้อนไปในอดีต ไม่ว่าจะเป็นถังเฉา เจียงไป๋เสว่หรือเฟิ่งหวงต่างก็มีสีหน้าสับสน
พวกเขาต่างมาจากตระกูลที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือไม่มีคนสนิท
หรืออาจจะพูดว่าพวกเขาโหยหาคนสนิท
ถังเฉาจับมือเย็นๆ ของหลินชิงเสว่ จากนั้นจึงพูดเบาๆ ว่า “จะเป็นแบบนี้ตลอดไป”
“อื้ม”
หลินชิงเสว่พยักหน้า และดื่มไวน์แดงจนหมดแก้ว
“ดูพระจันทร์ข้างนอกสิ กลมโตมาก”
จู่ๆ หลินจ้าวหยูนก็พูดออกมาด้วยความดีใจ
ทุกคนต่างพากันมองออกไป เห็นว่าดวงจันทร์กลมโตกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าที่มืดสนิท
อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและการชมพระจันทร์ เจียงไป๋เสว่กับเฟิ่งหวงลุกขึ้นมาบอกลา หลินจ้าวหยูนก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน เธอจึงกลับห้องไป
ในห้องรับแขกจึงมีเพียงถังเฉากับหลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่มองดวงจันทร์ข้างนอกแล้วพึมพำออกมาว่า “พรุ่งนี้ก็จะต้องกลับบ้านแล้ว”
“ใช่ ไปเจอพ่อตาของผม”
แววตาของถังเฉาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่เฉียบคม