งานประมูลเจียงเฉิงจัดมาหลายปีแล้ว ทุกปีล้วนดึงดูดตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจมีหน้ามีตามาร่วมงาน เช่นเดียวกัน ก็จะมีคนที่ไม่มีหน้าที่ลอบเข้ามา
ดังนั้นการค้นตัวจึงกลายเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จำเป็น
เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ประมาณสามปีก่อน ชายสามัญชนคนหนึ่งถูกเข้าใจว่าเป็นขโมยที่ลักลอบเข้ามา พองานประมูลค้นตัวกลับค้นเจอแบล็กการ์ดที่ใช้ได้ทั่วโลกไม่จำกัดหนึ่งใบ
ต่อมาชื่อของเขาก็ดังกระฉ่อนไปทั้งวงการธุรกิจทั่วโลก
เขาชื่อว่าซางจิงเทียน บ้าการค้าที่มีชื่อเสียงในชีชือ
แต่ว่ากรณีแบบนี้นับว่าเป็นส่วนน้อย คนส่วนมากยังมีความทระนงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาตรวจสอบฐานะของถังเฉามาอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ก็คือลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่เกาะผู้หญิง
ดังนั้นเซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หานกำหนดถังเฉาแล้วว่าจะทำให้เขาลำบากอย่างไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด
เป็นอย่างที่คิดไว้ เพิ่งจะสิ้นเสียงก็มีผู้อาวุโสสวมชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา
ผมสีดอกเลา จังหวะย่างก้าวกลับแข็งแกร่งทรงพลัง ทั้งเนื้อทั้งตัวให้ความรู้สึกเป็นสุภาพบุรุษสูงศักดิ์
“เป็นท่านหาน ผู้ดำเนินงาน!”
“ว่ากันว่าผู้ดำเนินงานงานประมูลทุกครั้งจะไม่เหมือนกัน ครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าจะเป็นท่านหาน ขุนนางจากต่างประเทศของสมาคมการค้าหงยิง!”
“ดูเหมือนว่าสมาคมการค้าหงยิงจะให้ความสำคัญกับการประมูลครั้งนี้นะ”
พอผู้อาวุโสผมขาวปรากฏตัวขึ้น เสียงตื่นตกใจก็ดังขึ้นรอบ ๆ งาน สายตาของทุกคนล้วนสั่นไหว
เซี่ยหรูหลงหรี่ตาลงน้อย ๆ สีหน้าเย็นเยียบ “ไอ้หนู แกจบแล้ว ผู้จัดงานครั้งนี้คือท่านหานขุนนางจากต่างประเทศของสมาคมการค้าหงยิง ท่านหานขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรม ถ้าหากคุณเอาบัตรผ่านประตูออกมาไม่ได้คืนนี้ก็ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว!”
“แล้วก็พวกเธอด้วย!”
สื่อเหลยก็ชี้ไปที่พวกของจ้าวเย็นหรานด้วย ใบหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “พวกเธอเดินใกล้กับดาวเคราะห์ร้ายขนาดนี้ ต่อให้ไม่ถูกไล่ออกไป ก็ต้องถูกตัดคุณสมบัติการประมูล ฉันจะรอดูว่าเธอกลับบ้านไปจะรายงานอย่างไร”
สีหน้าของจ้าวเย็นหรานตึงเครียดหาใดเปรียบ ลำพังแค่พลังที่มากมายนับไม่ถ้วนนั่นก็ทำให้เธอไม่มีทางที่จะอ้าปากได้
ฉับพลัน แม้แต่ความกล้าที่จะพูดก็ไม่มี
แต่ทว่า ถังเฉากลับเหมือนว่าจะไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา มองผู้อาวุโสผมขาวที่ค่อย ๆ เดินข้ามาอย่างช้า ๆ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
จะว่าไปก็บังเอิญที่ฝ่ายดำเนินงานงานประมูลในวันนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหานเทียนเจิ้งที่เคยพบหน้ากันมาก่อน
ตอนนี้เขายังมองไม่เห็นถังเฉา เพียงแค่เดินมาอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหรูหลง เอ่ยอย่างเรียบ ๆ ว่า “เป็นใครที่ไม่ได้ใช้บัตรผ่านประตู ลักลอบแอบเข้ามา?”
เซี่ยหรูหลงชี้มาที่ถังเฉาทันที เอ่ยว่า “ท่านหาน เป็นเขาครับ ชัดเจนว่าไม่มีบัตรผ่านประตู กลับแอบเข้ามา ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลยสักนิดจริง ๆ!”
“แล้วก็มีพวกเขา มาสายแล้วกลับแอบรอดหูรอดตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามา!”
สื่อเหลยไม่ปล่อยแม้กระทั่งจ้าวเย็นหรานไป สีหน้าดุร้าย
“นายหุบปากนะ!”
จ้าวเย็นหรานเดือดเนื้อร้อนใจ โมโหเจ้าจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือสื่อเหลยสุดขีด สังเกตเห็นว่าท่านหานมองตรงมา ก็รีบร้อนเอ่ยว่า “ท่านหานคะ คุณอย่าไปฟังที่เขากล่าวหามั่ว ๆ พวกเราไม่แอบเข้ามานะคะ แต่ใช้บัตรผ่านประตูเข้ามาอย่างถูกต้อง”
“จุ๊ ๆ”
ลู่โป๋หานนั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้จะไม่ได้หัวรุนแรงซ้ำเติมลงไป แต่ก็ส่ายศีรษะหัวเราะหึหึ มองไปที่ถังเฉาทันที “คุณถัง พวกเขาทำให้คุณลำบาก แต่ผมลู่โป๋หานจะไม่ทำอย่างนั้น กลับกัน… ผมยังช่วยคุณได้”
เขาชี้ไปทางเฟิ่งหวง เอ่ยว่า “ความงามของคุณหนูท่านนี้ดึงดูดผมอย่างลึกล้ำ ขอเพียงคุณถังยินดีจะเป็นพ่อสื่อให้ผมกับเธอ ต่อไปคุณก็เป็นพี่น้องของผม ไม่ยอมให้ใครมารังแกพี่น้อง ไม่เกรงกลัวภยันตราย!”
คนที่มีฐานะทางสังคมแน่นอนว่าต้องพูดจาในเชิงโอ้อวด ลู่โป๋หานทำตัวได้สมฉายาคุณชายจอมเจ้าชู้จริง ๆ ยินดีเข้าร่วมฝ่ายกบฏเพื่อหญิงงาม
ถังเฉากลับหัวเราะเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจข้อเสนอที่ลู่โป๋หานเสนอออกมา แต่กลับมองไปทางหานเทียนเจิ้งอย่างหยอกเย้า “ท่านหาน พวกเราเจอกันอีกแล้วนะครับ”
ได้ยินเสียงนี้ หานเทียนเจิ้งถึงได้มองเห็นถังเฉา ทันใดนั้นใบหน้าชราถึงได้เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง “คุณคือคนที่แอบลักลอบเข้ามาคนนั้น?!”
ถังเฉาไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแค่หัวเราะหึหึเสียงเย็น “คุณว่าไงล่ะครับ?”
หานเทียนเจิ้งจมอยู่ในความเงียบอย่างหาได้ยาก สีหน้าเคร่งขรึม
พอเห็นฉากนี้เซี่ยหรูหลงและพวกของลู่โป๋หานก็มองอย่างทึ่มทื่อ แม้แต่จ้าวเย็นหรานก็ไร้จิตวิญญาณไปพักหนึ่ง
เขารู้จักกับท่านหาน?
เงียบอยู่นาน หานเทียนเจิ้งก็พูดอย่างมั่นใจว่า “ผมไม่เชื่อว่าคุณถังจะเป็นคนที่ลักลอบเข้ามา!”
พอพูดคำนี้ออกมาทั่วทั้งงานก็ตะลึงกันทั้งหมด
พวกของจ้าวเย็นหรานถอนหายใจเฮือกใหญ่ เซี่ยหรูหลงและลู่โป๋หานกลับสีหน้าเปลี่ยนไปใหญ่โต
กำลังจะพูดอะไรออกมา ท่านหานก็พูดขึ้นอีกว่า “แต่ว่า ถ้าไม่มีไปก็ไม่มีควัน ผมเองก็ไม่เชื่อว่าหัวข้อวิจารณ์ครั้งนี้จะเป็นข่าวโคมลอย!”
ดังนั้นเซี่ยหรูหลงกับลู่โป๋หานก็วางใจ แต่สีหน้าของจ้าวเย็นหรานก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดอีกครั้ง
ดวงตาของถังเฉาสาดประกายคมปลาบ “พูดแบบนี้ ก็ยังต้องค้นตัว?”
“หวังว่าคุณถังจะเข้าใจและให้อภัยนะครับ!”
ภายใต้สายตาของถังเฉา ความกดดันของหานเทียนเจิ้งก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็ยังคงพูดเสียงต่ำว่า “เพื่อความยุติธรรม คุณถังสามารถเอาบัตรผ่านประตูออกมาด้วยตัวเอง ถ้าหากพวกเขาพูดว่าเป็นของปลอม ผมจะไม่ให้อภัยแน่!”
คำพูดนี้พูดออกมาได้อย่างเผด็จการไม่มีอะไรเทียบ ทั้งยังแสดงทัศนคติ ทั้งยังเป็นข้อชี้แจงให้กับทุกคนด้วย
เซี่ยหรูหลงและลู่โป๋หานใจสั่นเล็กน้อย หวาดกลัวในพลังของหานเทียนเจิ้ง ในใจผ่อนคลายอย่างคาดไม่ถึง
แต่พอคิดถึงผลลัพธ์ก็ผ่อนคลายอีกครั้ง
เมื่อวานพวกเขามองอย่างชัดเจนมาก ถังเฉาโยนบัตรผ่านประตูของพวกเขาโดยไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยสักนิด นี่เพิ่งจะผ่านมาวันเดียว ถังเฉาจะไปหาบัตรผ่านประตูมาได้อย่างไร?
“คุณตายแน่!”
เซี่ยหรูหลงมีสีหน้าโหดร้าย ทั้งยังมีความยโสอย่างเบาบาง
นึกไม่ถึงว่าผู้นำจะให้เขามาตรวจสอบว่าถังเฉาไร้ประโยชน์จริง ๆ หรือไม่ เกินความจำเป็นจริง ๆ
ในตอนที่สื่อเหลยจะพูดอะไรนั้นเอง กลับพบว่าจ้าวเย็นหรานมีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่มีความลนลานเลยสักนิด ตอนนี้จึงไม่แน่ใจขึ้นมา
หรือว่าเขาจะมีบัตรผ่านประตูจริง ๆ งั้นเหรอ?
ดวงตาของหานเทียนเจิ้งจ้องถังเฉาอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นถังเฉาก็หัวเราะเบา ๆ ส่ายศีรษะ
หลังจากนั้นเขาก็ล้วงบัตรผ่านประตูปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน จากนั้นก็โยน
ฟิ้ววว…
บัตรผ่านประตูปึกหนา ๆ ปึกหนึ่งถูกถังเฉาโยนขึ้นฟ้าร่วงลงมาจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง
ถังเฉาอยู่ตรงกลาง ภายใต้แสงไฟมืดสลัวที่สาดส่องลงมา รอยยิ้มบนใบหน้าชั่วร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้
กริบ!
ทั่วทั้งงานเงียบราวกับตาย!
นาทีนี้อารมณ์บนใบหน้าของทุกคนหลากหลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รวมทั้งหานเทียนเจิ้งเองก็เบิกตาโต มองฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
ส่วนเซี่ยหรูหลงและลู่โป๋หานก็กำลังถูกฉากนี้ทำให้โง่เง่า แก้วก้านในมือตกลงสู่พื้นแล้วยังไม่รู้สึกตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นบัตรผ่านประตูมากมายขนาดนี้ ยากที่จะเชื่อ นี่คือสิ่งที่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่ดูเหมือนไม่มีอำนาจใดใดหยิบออกมา
“ฉันไม่ได้ตาลายใช่ไหม… บัตรผ่านประตูมากมายขนาดนี้?”
“ฝัน… นายรีบหยิกฉันเร็วเข้า ดูซิว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า”
“…”
หลังจากเงียบสงบ ก็เป็นเสียงดังอื้ออึงไม่มีที่สิ้นสุด
พวกเขาตกตะลึงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉากนี้สะเทือนใจของทุกคนอย่างลึกล้ำ
คนที่อยู่ในงานจำนวนไม่น้อยเพื่อที่จะเอาบัตรผ่านประตูหนึ่งใบไม่รู้ว่าต้องใช้คอนเนกชันเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ส่งของกำนัลมากเท่าไหร่ เหนื่อยยากมากแค่ไหนถึงจะได้มาใบหนึ่ง
แม้แต่ตระกูลเซี่ยกับตระกูลลู่ที่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองเจียงเฉิงก็ได้มาเพียงแค่ห้าหกใบเท่านั้น แต่ว่าที่ถังเฉาโยนทิ้งก็คือบัตรผ่านประตูหนึ่งปึก
ระยะห่างนี้กว้างใหญ่เกินไป ใหญ่จนผู้คนรับไม่ได้
คนบางคนสวมใส่เงินทองฉูดฉาดบาดตา แต่กลับเป็นคนจนที่แท้จริง
แต่บางคนใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั้งตัว แต่อำนาจเงินทองกลับล้นโลก