“แต่นั้นเป็นการผายปอดนะ”
ถังเฉาพยายามที่จะอธิบาย ก็ไม่รู้ว่าเป็นการเห็นใจหรือรู้สึกผิดที่ปฏิเสธเธอไปเมื่อกี้ สีหน้าของเขาดูแย่มาก
“ฉันรู้ ฉันถึงขอบคุณ คุณมากๆ”
เขาจะไม่มีทางที่จะสัญญาอะไรง่ายๆ แต่ถ้าสัญญาแล้วเขาก็จะตั้งใจทำให้ได้
“ขอบคุณนะ”
เซี่ยอวี่ซิงขอบคุณและยิ้ม: “ฉันไม่ได้ยอมแพ้นะ แต่แค่พยายามใช้ชีวิตให้มีคุณค่ามากกว่านี้”
“ทุกช่วงเวลาของชีวิตมีสิ่งที่ตัวเองเสาะหเสมอ และตอนนี้ฉันต้องการมีความรัก”
ถังเฉาคุยกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอมองวิวนอกหน้าต่างและยิ้ม: “ตอนเด็กตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันได้ถามแม่ว่าความรักมันเป็นความรู้สึกอย่างไง แต่แม่ก็แค่ลูบหัวของฉันและบอกว่าเดียวฉันโตขึ้นก็จะรู้เอง แต่ฉันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นฉันอยากรู้ความรู้สึกนั้นตอนนี้เลย”
“ ฉันไปค้นหาบนอินเทอร์เน็ต บนอินเทอร์เน็ตบอกว่าความรักก็เหมือนการถูกไฟดูด ชาชาตึงตึง ถ้าใครทำให้ฉันมีความรู้สึกแบบนี้ได้ ก็แปลว่าฉันมีหลงรักเขาแล้ว”
พูดถึงตอนนี้เธอมองไปที่ถังเฉา:“ หัวใจฉันรู้สึกเจ็บ ตอนที่ฉันล้มลงกับพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่คิดจะช่วยฉันเลย มีเพียงคุณที่มาช่วยฉัน ตอนนั้นฉันมีความรู้สึกแบบนั้น”
“ นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่จริง”
“ไม่นะ ถึงตอนนั้นฉันจะขยับไม่ได้ แต่ฉันไม่ได้สลบไป ฉันยังมองคุณอยู่ตลอดเวลา ฉันรู้สึกว่าฉันมีใจให้คุณ”
เซี่ยอวี่ซิงมองไปหาถังเฉา: “ถึงคุณจะแต่งงานแล้ว แต่ฉันก็ไม่ถือนะ”
ถังเฉาไม่กล้าที่จะสบตาเธอโดยตรง ใจของเขาชาไปหมด เขาไม่เคยพัวพันแบบนี้มาก่อน
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงการช่วยเธอโดยไม่คิดอะไร แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นมาได้
เมื่อนึกถึงตอนเย็นจะต้องไปเจอหลินชิงเสว่ เขารู้สึกผิดทันที
“ขอโทษด้วยนะ ผมรับปากคุณไม่ได้!”
ถังเฉายังพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ถึงพูดแบบนี้จะโหดร้ายไปสำหรับผู้หญิงคนนี้ แต่เขารู้ดีว่าถ้ารับปากเธอ จะเป็นการทำร้ายเธอยิ่งกว่า
“ก็ได้”
ในแววตาของเซี่ยอวี่ซิงไม่มีความผิดหวัง ก็แค่ยิ้มอย่างเฉยเมย
“ลุกขึ้นมาตรวจ”
ขณะเดียวกันทางประตูได้มีเสียงของพยาบาลรอยมา
“มาแล้ว”
เซี่ยอวี่ซิงลงจากเตียงและใส่รองเท้า เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนก็ทำให้เธอเหนื่อยจนหอบแล้ว
เธอใส่รองเท้าผ้าใบ สายรองเท้าหลุดรุ่ย
ทันใดนั้นมีเงาร่างคนหนึ่งได้ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้เธอ
ถังเฉาผูกอย่างตั้งใจ สุดท้ายก็ผูกเป็นโบว์ ถึงได้ลุกขึ้นมาและยิ้ม: “ไม่ใช่มีเพียงคู่รักถึงจะทำเรื่องแบบนี้หรือ”
“เธอจะไม่ตายฉันพูดเอง”
เขามีสีหน้าที่จริงจังน้ำเสียงที่เยือกเย็นพูดจบถึงได้หันหลังและเดินออกไป
เซี่ยอวี่ซิงเหม่อลอยอยู่กับที่อยู่นาน ตอนนี้ถังเฉาได้จากไปอย่างไร้เงาแล้ว เธอถึงได้ก้มลงไปมองโบว์ที่สวยงาม
มองไป น้ำตาเม็ดใหญ่ของเธอค่อยๆหยดลงมา เธอก็ได้เอามือปิดหน้าและร้องไห้ออกมา
แต่เธอคงไม่รู้ว่าในชีวิตของถังเฉาเขาจะผูกเชือกรองเท้าให้ผู้หญิงสองคนเท่านั้น
หนึ่งคือลูกสามของเขาถังเสี่ยวลี้
อีกคนหนึ่งก็คือเธอแล้ว
เมื่อออกจากห้องผู้ป่วย เซี่ยสิงจู๋กำลังสูบบุหรี่อยู่ข้างๆหน้าต่างคนเดียว
เมื่อเห็นถังเฉาออกมา เขารีบเดินไปหาและยิ้มอย่างฝืนใจ: “ทำให้คุณถังหัวเราะเยาะเลย”
ถังเฉามีสีหน้าที่จริงจัง: “ไม่มีอะไรน่าหัวเราะเยาะ”
เซี่ยสิงจู๋ถอนหายใจ: “โรคนี้เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ เมื่อคุณปู่ตายไปแล้ว ก็ตกทอดมาที่เธอ”
“โรคของเธอ ฉันจะหาวิธีและจะพยายามรักษาเธอให้ได้!”
ถังเฉามีสีหน้าที่หนักแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อเซี่ยสิงจู๋ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่นับถือ
ทันใดนั้นเขาก็ได้โค้งคำนับให้ถังเฉา: “คุณถัง ขอโทษด้วยนะครับ!”
ถังเฉามองเขาด้วยแววตาที่แปลกใจ: “ผู้นำเซี่ยทำไมถึงมาขอโทษ?”
เซี่ยสิงจู๋พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ผมรู้สึกผิด!”
“คุณถังค่อยคิดวิธีช่วยลูกสาวผมขนาดนี้ แต่ก่อนหน้านี้ผมยังคิดจะล้วงความลับของคุณ!”
ถังเฉาได้ยินแบบนี้เขาแสดงแววตาที่เคร่งครัด แต่ก็ไม่ได้โกรธ
เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
แต่เขาชื่นชมท่าทีของเซี่ยสิงจู๋ ยอมรับก่อนกับถูกถังเฉาพบเอง ผลที่ออกมาย่อมไม่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไร นี่ก็คือความรู้สึกทั่วไปที่ทุกคนมี”
ถังเฉาโบกมือเบาๆให้เซี่ยสิงจู๋ขึ้นมา
“คุณถังตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมตระกูลเซี่ยจะสนับสนุนคุณ!”
เมื่อลุกขึ้นมาเซี่ยสิงจู๋แสดงสีหน้าที่เข้มงวดและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ใครที่มีเรื่องกับคุณ ก็เหมือนมีเรื่องกับตระกูลเซี่ยเหมือนกัน”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
เขาโทรศัพท์ไปหาเจียงไป๋เสว่และเล่าอาการของเซี่ยอวี่ซิงให้เธอฟัง
แต่ครั้งนี้เจียงไป๋เสว่ตกอยู่ในความเงียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นไงบ้าง สามารถรักษาได้มั้ย?”
น้ำเสียงของถังเฉาก็ค่อยๆร้อนรนขึ้นมา
เจียงไป๋เสว่เงียบไปสักพักและพูดว่า: “ลองดูได้ แต่โอกาสสำเร็จมีไม่มาก”
ถังเฉาก็มีสีหน้าที่ดูแย่ขึ้นมาทันที เจียงไป๋เสว่เป็นถึงหัวหน้าทีมแพทย์ทหารเลยนะ เธอพูดแล้วว่าโอกาสมีไม่มาก โรคนี้ต้องรักษายากขนาดไหนกัน?”
“ ถ้านายยังไม่วางใจ สามารถไปขอความช่วยเหลือคนคนหนึ่งได้ โอกาสที่เขาจะทำสำเร็จอาจจะมากกว่าฉัน “เจียงไป๋เสว่พูดออกมา
“ใครหรือ? ”ถังเฉาถามไปทันที
“ ผู้บ้าการแพทย์ เจียงสือเหนียน”
พูดชื่อนี้จบ เจียงไป๋เสว่ก็วางสายไปเลย
ตอนนี้ถังเฉามีสีหน้าที่ตกตะลึง
บ่ายสามโมง ถังเฉาไปถึงจุดที่นัดไว้กับหลินชิงเสว่
“ คุณพ่อ”
ไม่นานก็มีเสียงตะโกนที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นรอยมา
ถังเฉามองไปทางเสียง เห็นถังเสี่ยวลี้วิ่งมาด้วยความตื่นเต้น
“ เสี่ยวลี้ มาให้พ่อกอดหน่อย ดูว่าผอมลงไปมั้ย”
ถังเฉาก็ดีใจมาก และอุ้มถังเสี่ยวลี้ขึ้นมา
ถังเสี่ยวลี้เบ้ปากด้วยความออดอ้อน:“ หนูผอมลงแล้ว ก็คุณพ่อไม่อยู่หลายวัน ผอมลงไปเยอะเลย ไม่เชื่อพ่อลองจับดู”
พูดจบ ก็ได้หยิบมือของถังเฉาขึ้นมา วางไปที่ใบหน้าของเธอเอง
ถังเฉาหัวเราะและวางเจ้าตัวเล็กนี้ลง สายตาของเขาถึงไปมองที่เงาร่างที่ค่อยๆเดินมาจากข้างหลัง
“ ที่รัก”
หลินชิงเสว่ก็ได้เดินเข้ามาความรู้สึกในใจปรากฏบนใบหน้าของเธอชัดเจน
เธออ้าปากเล็กน้อย เหมือนมีอะไรจะพูด
พวกเขาไม่ได้เจอกันสามวันแล้ว หลินชิงเสว่รู้ว่าช่วงนี้ถังเฉายุ่งกับเรื่องหูอีซานอยู่ ก็เลยไม่ได้รบกวนเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีธุระที่จะต้องมาเมืองเจียงเฉิง การเจอกันของสองคนน่าจะต้องเลื่อนไปอีก
เห็นหลินชิงเสว่เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด ถังเฉาก็หัวเราะออกมา:“เป็นอะไร? คิดถึงฉันหรือ?”
พูดจบก็ได้เข้าไปโอบกอดหลินชิงเสว่
ตัวของหลินชิงเสว่สั่นนิดหน่อย หลังจากที่ทั้งสองคนได้ฝ่าแนวต้านไปแล้ว เธอก็อ่อนไหวเป็นพิเศษ
ถูกถังเฉากอด ใบหน้าก็ได้แดงขึ้นทันทีเธอใช้สายตาที่โหดจ้องมองไปที่ถังเฉา ใจที่เหมือนดั่งภูเขาน้ำแข็งก็ได้ละลายไป
ขณะนี้ถังเสี่ยวลี้ก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เธอพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า: “คุณพ่อ หลายวันที่ผ่านมาคุณแม่พูดว่าอยากให้หนูมีน้องชายอีกหนึ่งคน”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว ถังเฉาตาถลนทันที
หลินชิงเสว่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่เขินจนหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม จนหน้าแดงไม่ไหวแล้ว